1.1
ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเถียงหรอกแต่ปากมันไปไวกว่าความคิดคือขอให้ได้เถียงไว้ก่อนจะถูกผิดช่างมันเราต้องไม่กลัวพี่ริวยังพูดยั่วประสาทผมต่อจี้จุดด้อยของผมแทบจะทุกเรื่องอะไรที่ทำให้ผมอับอายได้ดูเป็นเรื่องสนุกของเค้าไปหมด เพื่อนคนอื่นๆ ก็พลอยขำไปด้วยมองไปเห็นมีแค่เพชร ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แทนผม
พี่ริว : "บ้านมึงอยู่ไหนอะ เดี๋ยวกูไปส่ง"
นาโน : "ไม่ต้องหรอก ผมกลับเองได้"
ริว : "ก็กูบอกจะไปส่ง มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง"
นาโน : "เอาผมไปด้วยก็หนักรถเปล่าๆ"
ริว : "กูก็ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก”
ริว : “พี่รหัสมึงบอกให้กูใช้งานมึงได้แต่ต้องไปส่งมึงด้วย"
นาโน : "สรุปจะใช้งานอะไรก็ว่ามา"
ริว : "ไปก่อนเดี๋ยวกูบอก”
ระยะห่างของเราประมาณเมตรหนึ่งได้เค้าเป็นคนมีออร่ามาก เดินผ่านตรงไหนเหมือนมีแสงเปล่งประกายวับออกมาจากตัวสาวมองตาเป็นมันขืนผมไปเดินด้วยเหมือนแมลงวันตอมขี้ยังไงยังงั้นเลยแล้วเราก็กลับบ้านพร้อมกัน เฟอร์รารี่หรูเปิดรับน้ำหนักผมเข้ามาอีกคนแรงยุบตัวฮวบต่ำทำเอาผมไม่กล้ามองหน้าคนข้างๆ นึกภาพออกเลยว่าตอนนี้สายตาเค้าจะเย้ยหยันขนาดไหน
ริว : "กินไรดีวะ มึงคิดดิ๊"
นาโน : "กินไรก็ได้พี่"
ริว : "กูบอกอยู่ว่าหิวไง กูคิดไม่ออกหรอกเลยให้มึงคิด"
นาโน : "อยากกินไรก็กินตามสะดวกเลย ผมยังไงก็ได้"
ริว : "เดี๋ยวกูก็แดกมึงซะตรงนี้เลย กวนชิหาย"
เดี๋ยวนะ!! ไอ้คำว่า "แดกมึง" ของพี่เค้ามันฟังแปลกๆ ถ้าพี่ไมโครมาได้ยินต้องมโนเป็นสายวายแน่ๆ ก็คำนี้เค้าไว้ใช้ตอนทำเรื่องยังนั้นกันไม่ใช่หรอแล้วแววตานั้นอะไรจงใจมองให้ผมรู้สึกซะด้วย รู้สึกเขินหรอไม่ใช่มั้ง? ที่ผมเป็นอยู่แค่เห่อร้อนแปลกๆ เพราะเดินตากแดดมามากกว่า
"ไปบ้านกูแล้วกัน แล้วมึงก็จัดการล้างรถให้กูด้วย" พี่ริวมันสั่งเหมือนผมเป็นลูกน้อง มากกว่ารุ่นน้องนะเนี่ย มือนิ่มๆ ของผมกำลังถูกใช้งานจับอะไรแข็งๆ จนเปียกชุ่มไปหมดแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว (อย่าเพิ่งคิดไกล ผมหมายถึงจับฟองน้ำล้างรถจนมือเปียก ถูไปถูมาจนเหนื่อย)
@บ้านริว
บ้านพี่ริวแต่งแบบสมัยใหม่ ต้นไม้เยอะร่มรื่นเย็นสบาย "คุณริวมีแขกเหรอคะให้ป้าเตรียมของว่างให้ที่ไหนดีคะ" เสียงแม่บ้านสูงวัยถามอย่างสุภาพพี่ริวสั่งให้จัดโต๊ะของว่างข้างนอกเพราะผมอาสาจะมาล้างรถให้ ทุกคนอิดออดไม่อยากให้ผมที่เป็นแขกทำ แต่พี่ริวพูดกลับตาลปัตรไปหมดสรุปผมต้องยอมรับชะตากรรมล้างรถคันที่เพิ่งนั่งมา ทั้งที่มันสะอาดใสวับจนเห็นเงาตัวเองแต่พี่รินกลับบอกว่าสกปรกและผมก็อาสาล้างให้
"ตั้งใจถูหน่อยนะ ลูกชายกูไม่ได้ขัดตัวมานานแล้ว" เสียงเย้ยหยันพอใจที่ได้แกล้งผม นานเนินอะไรล่ะใสสะอาดทุกซอกทุกมุมเหมือนเพิ่งออกมาจากคาร์แคร์แบบนี้มันอยากแกล้งกันเล่นมากกว่ามีหรอที่คนอย่างนาโนจะยอมอยู่ฝ่ายเดียว ผมจงใจฉีดสายยางแรงๆ สะบัดไปมาให้น้ำกระเด็นไปโดนพี่ริวเสียงโวยวายข้างหลังบอกว่าแผนผมสำเร็จผมหันหน้ามาเถียงทั้งน้ำสายยางที่ยังเปิดอยู่จงใจฉีดใส่หน้ารุ่นพี่อย่างหมั่นไส้แต่พี่ริวกลับหลบทันคว้าถังแชมพูมาสาดจนเข้าตาผม โอ๊ย!!...
"เป็นไรมากเปล่า ไหนกูดูหน่อย" เสียงพี่ริวกระซิบอยู่ใกล้มือหนาเชยคางให้ผมเงยขึ้นใช้น้ำลูบตาให้ผมแผ่วเบาบรรจงเช็ดนุ่มนวลจนผมลืมตาได้ระยะใกล้กันแค่คืบทำให้ผมรู้สึกถึงสัมผัสวันนั้นอึ้งอยู่สักสามวินาทีก่อนจะดีดตัวออก "เด็กโง่เอ๋ย แกล้งนิดแกล้งหน่อยก็ไม่ได้" พี่ริวลูบหัวผมอย่างเอ็นดูหน้าตาที่หล่ออยู่แล้ว พอมีรอยยิ้มอบอุ่นจริงใจไปประทับอยู่ยิ่งโคตรหล่อจนผมมองค้างทำอะไรไม่ถูก
"พอแล้วไปอาบน้ำห้องกูปะ เดี๋ยวพาไป" พี่ริวกอดคอพาผมเข้ามาอาบน้ำในบ้านก็เราเล่นกันซะเปียกไปหมดแชมพูยังกังอยู่เต็มหัวไม่อาบก็ไม่ได้แล้วด้วยซิ "อาบด้วยกันเลยเนอะ กูก็เปียกเหมือนกัน" ประโยคนี้ทำลายความมั่นใจผมจนเหลือ 0% ยังไงซะผมจะไม่ยอมเด็ดขาดสรีระร่างกายผมไม่เหมาะจะอาบน้ำร่วมกับใครนักหรอก
นาโน : "พี่อาบก่อนเลย เดี๋ยวผมรอได้"
ริว : "อย่าขัดใจกู สภาพมึงเยินขนาดนี้จะอายอะไรนักหนา"
เออจริง!! ไอ้คนหล่อซิต้องอาย สภาพผมมองตรงไหนก็มีแต่ไขมัน รอยแตกลายผมถอดเสื้อกางเกงออกเหมือนไม่รู้สึกอะไรแมนๆ อาบน้ำด้วยกันจะอะไรนักหนาว่ะ เจอน้ำอุ่นที่เปิดรอจนเต็มอ่างช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ผมหลับตาทิ้งอารมณ์แบบคนเพลียมากจริงๆ อีกคนก็เหมือนรู้ใจนั่งนิ่งไม่กวนให้ผมหงุดหงิดเลยสัมผัสแผ่วเบาลูบไล้อยู่หน้าขา เอ็นอ่อนนิ่มถูกลุกล้ำจนเริ่มดื้อตื่นตัว
"พะ...พี่!! ทำอะไร" #ตกใจถาม พี่ริวยังวุ่นวายกับร่างกายผมไม่ยอมปล่อย "กูแค่อยากรู้เค้าว่าคนอ้วนของจะเล็กจริงไหมวะ" ระยะใกล้กันมากจนผมต้องเบี่ยงหน้าห้ามใจมือรีบคว้าแขนคนพี่ไว้อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี "ของมันก็เหมือนๆ กัน พี่จะสงสัยอะไร" #พูดติดขัดพยายามตอบ
"ไม่เหมือน มึงลองจับของกูดิ" มืออีกข้างที่ว่างอยู่ดึงมือผมไปจุดนั้นทันทีแล้วมันก็ไม่เหมือนจริงอย่างที่พี่เค้าพูด ขนาดว่าผมพอใจในของตัวเองแล้วมองมันทุกวันว่าน่ารักกำลังดี แต่พอเจอของพี่ริวของผมดูอนุบาลไปเลยแท่งแข็งโตเต็มลำเด้งสู้มือไม่หยุดแค่มือผมกำไว้เฉยๆ แรงดันภายในเอ็นยังเต้นตุบๆ ยั่วให้ผมขยับทักทาย
"ขยับให้กูหน่อยซิ" พี่ริวร้องขอ ผมทำตามเหมือนคนโดนคำสาปขยับนุ่มนวลพร้อมจ้องมองคนตรงหน้าไม่ละสายตาแรงกระตุกที่กลางตัวยังส่งอารมณ์มาให้ตลอดผมกัดฟันกลั้นเสียงครางสายตาที่เคยนุ่มนวลเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ทันที มือขยับแรงจนผมจะทนไม่ไหว
"อ๊ะ!! อืม..." หลุดเสียงน่าอายออกมาแผ่วๆ รอยยิ้มเจ้าชายของพี่ริวเดาไม่ออกว่ากำลังเยาะเย้ยหรือพอใจกับสิ่งที่ผมทำแล้วรุ่นน้องอย่างผมจะทำอะไรได้ "มึงแมร่งอ่อน กูยังไม่ทันทำอะไรเลย" ไม่ทำห่าอะไรล่ะ มึงชักแรงจนกูจุกไปหมด จะปั่นหัวกันไปถึงไหน
