ตอนที่ 6 คู่แข่ง
ตอนที่ 6
คู่แข่ง
หญิงสาวเดินเข้ามาในร้านกาแฟร้านหนึ่งข้างบริษัทที่ตัวเองฝึกงานอยู่ เธอตั้งใจมาทำงานก่อนเวลาเพราะเธอต้องการหนีหน้าตัวต้นเหตุที่เข้าไปก่อเรื่องในห้องเธอเมื่อคืนนี้
น้ำขิงหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาในร้านหลังจากสั่งคาปูชิโน่เย็นตามที่เธอชอบ ก่อนจะหยิบมือถือเครื่องบางออกมากดหาใครบางคน ไม่นานก็มีเสียงเอ่ยออกมาจากอีกฝ่าย
(ว่าไง ยายขิง)
“มะปรางตอนเย็นแกว่างปะ” มะปรางเป็นชื่อของเพื่อนสนิทเธอเองและน้ำขิงเองก็มีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องให้เพื่อนรักช่วยเหลือ
(มีไรเปล่า) อีกฝ่ายเอ่ยถาม
“ฉันจะชวนแกไปหาหอพักเป็นเพื่อนหน่อยอะ” น้ำขิงบอกออกไป เพราะตั้งแต่เธอย้ายออกจากคฤหาสน์หลังนี้เธอก็ไม่เคยมากรุงเทพฯ อีกเลย จะให้ไปหาหอพักเอง เธอก็ไม่ค่อยรู้จักเส้นทางสักเท่าไรผิดกับอีกฝ่ายถึงแม้จะเป็นเพื่อนที่ภูเก็ต ทว่ามะปรางมักจะมาพักและเที่ยวที่นี่อยู่บ่อย ๆ
(ไหนแกบอกไปพักกับแม่ไง)
“ก็ใช่ แต่แค่ชั่วคราว”
(นาน ๆ จะได้อยู่ด้วยกัน ทำไมคิดจะย้ายออกล่ะ)
“ฉันอยากไปอยู่คนเดียวมากกว่า ตกลงแกเลิกงานกี่โมง” เมื่อโดนเพื่อนถามสาเหตุ น้ำขิงจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะเรื่องของแม่ เธอไม่เคยเล่าให้ใครฟังส่วนเพื่อนสนิทก็รู้แค่แม่เธอแต่งงานมีครอบครัวใหม่ก็แค่นั้น
(ห้าโมงเย็น) มะปรางตอบกลับ
“โอเค ฉันเลิกก่อนให้ฉันไปรอแกที่ไหน”
(ร้านเบเกอรีข้างบริษัทฉันก็ได้)
“เอางั้นเหรอ” และเมื่อรู้ว่าต้องไปรอเพื่อนข้างบริษัทนั่น น้ำขิงถึงกับพึมพำอย่างลืมตัว
(ใช่ไง บอกให้มาฝึกที่เดียวกันก็ไม่ยอม)
“เลิกบ่นได้แหละ เจอกัน ๆ”
น้ำขิงตัดสายทิ้งทันทีเพราะขี้เกียจเถียงกับเพื่อนเรื่องฝึกงานอีก ขนาดเจอหน้าเจ้าของบริษัทเฉพาะตอนเย็นเธอยังต้องรีบย้ายออก ขืนเธอไปฝึกงานที่บริษัทมีหวังกว่าจะครบสี่เดือนเธอต้องกระโดดให้รถชนตายเป็นแน่!!
“เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจดังออกมาเมื่อร่างบางนึกถึงหน้าเจ้าของบริษัทที่มะปรางฝึกงานอยู่และเป็นคนเดียวที่เข้าไปกลั่นแกล้งเธอเมื่อคืนนี้
@บริษัทเจริญกุล
“วันนี้ผมมีงานด่วนอะไรบ้าง” เสียงนิ่งเอ่ยถามเลขาสาวพร้อมก้าวเท้าเข้าแผนกต่าง ๆ เพื่อดูความเรียบร้อยตามสไตล์เขา ถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งท่านประธานแต่เขาไม่ปล่อยละเลยที่จะดูความเรียบร้อยของทุกแผนก
“คุณพายุมีประชุมทั้งช่วงเช้าและก็ช่วงบ่ายค่ะ” พิมลรายงานเจ้านายหนุ่ม
“...” ชายหนุ่มเดินมองไปรอบ ๆ แต่ยังคงฟังเลขาสาวต่อ
“โดนเฉพาะช่วงบ่ายเป็นโปรเจกต์ด่วนเรื่องไซต์งานที่ภูเก็ตค่ะ”
“เราจะบินไปดูงานวันไหน”
“ทางช่างแจ้งมาบอกว่าไม่เกินหนึ่งเดือน จะเร่งให้ทันเวลาค่ะ”
“หืม... เร่งได้แต่งานต้องออกมาดีด้วย”
“พิมลกำชับไปอย่างดีแล้วค่ะ”
ตึก ๆ...
“บริษัทเรามีเด็กฝึกงานชุดใหม่แล้วเหรอ” เขาหยุดอยู่กับที่เมื่อเห็นเด็กฝึกงานใหม่ในบริษัทก่อนจะเอ่ยถามเลขา
“ใช่ค่ะ เพิ่งมาฝึกเมื่อวานนี้เอง” เลขาบอก
“อืม ฝากดูแลด้วย” พายุมองไปยังเด็กฝึกงานที่ยืนเรียงรายประมาณสามสี่คน แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องทำงานตัวเอง
การที่เขาสั่งให้เลขาดูแลไม่ใช่ว่าเขารู้จักใครในกลุ่มนั่น แต่แค่ต้องการให้คนที่มาฝึกงานได้ประสบการณ์จริง ๆ กลับไปไม่ใช่แค่การมายืนถ่ายเอกสารหรือชงกาแฟตามแบบฉบับเด็กฝึกงานทั่วไป ทุกคนที่ผ่านการฝึกที่นี่ต้องได้เรียนรู้งานตามที่ตัวเองสนใจเท่านั้น
หลังเลิกงานน้ำขิงยืนรอรถเมล์สายที่ผ่านบริษัทมะปรางฝึกงาน ทว่าช่วงเย็นแบบนี้รถอาจจะเยอะแต่ทุกคันที่ผ่านมักมีผู้โดยสารเต็มคัน ไม่มีแม้แต่ที่จะให้ร่างบางอย่างเธอแทรกเข้าไปได้อีก
“มะปรางต้องรอแน่เลย” น้ำขิงบ่นออกมาและก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ลังเลว่าจะไปแท็กซี่ดีไหมเพราะนี่ก็เลยเวลานัดมาสักระยะแล้ว
จนกระทั่ง...
เอี๊ยด~
จู่ ๆ ก็มีรถหรูมาจอดด้านหน้าที่เธอยืนอยู่พร้อมกระจกรถที่เลื่อนลงและใบหน้าหล่อหวานก็ชะโงกหน้าออกมาเอ่ยถาม
“น้ำขิง ขึ้นรถเร็ว”
“เอ่อ... อย่าเลยดีกว่าค่ะ สักพักเดี๋ยวรถคงมา”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“แต่...”
“น้ำขิง”
“ก็ได้ค่ะ”
ว่าแล้วน้ำขิงก็ยอมขึ้นรถไปกับพอร์ชเพราะเธอไม่อยากให้เขาจอดรถอยู่ตรงนี้นาน กลัวคนในบริษัทจะเห็นและคิดไปไกล
“จะไปไหนเหรอ”
“ไปบริษัทเจริญกุลค่ะ”
“...” พอร์ชหันมองด้วยความสงสัย ทำไมเด็กฝึกงานของเขาดันไปบริษัทคู่แข่งได้ และไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้จอดแวะรับร่างบางขึ้นมาทั้ง ๆ ที่เธอมาฝึกงานได้แค่สองวัน เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่ผกาเลขาของเขาพามาแนะนำให้รู้จัก สายตาเขาก็ไม่อยากจะละจากหญิงสาวได้อีก
ผู้หญิงที่ตรงสเปกเขาทุกอย่างแต่ดันมาให้เขารู้จักในรูปแบบเด็กฝึกงานบริษัทตัวเองหากรู้จักในฐานะอื่นเขาจะไม่ปล่อยเวลาออกไปแม้แต่วินาทีเดียว ทว่าเขาก็ไม่ปล่อยโอกาสออกไปง่าย ๆ ทันทีที่ร่างบางแนะนำตัวกับเขาเสร็จพอร์ชก็บอกผกาให้ย้ายน้ำขิงมาเป็นผู้ช่วยเลขาทันที
“เพื่อนขิงฝึกงานที่นั่นอะค่ะ” ร่างบางอธิบายเจ้านายหนุ่ม
“อ้อครับ”
ระหว่างทางพอร์ชก็ไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าชวนหญิงสาวพูดคุยตลอดทางเพื่อทำความรู้จักกันมากขึ้น และไม่นานรถก็มาจอดใกล้ ๆ กับบริษัทเจริญกุล
“ขอบคุณนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ” พอร์ชมองใบหน้าหวานด้วยความรู้สึกบางอย่าง ส่วนน้ำขิงเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องหน้านานก็รีบหลบหน้าก่อนจะขอตัวไปหาเพื่อนตัวเอง
ตึก ตึก!
“ทำไมมาช้าวะ” มะปรางเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นเพื่อนสาว
“โทษทีว่ะ รถติด” น้ำขิงบอกเพื่อน
“เออลืมไปเลย รู้งี้น่าจะนัดกันที่อื่น...”
“...เอ่อว่าแต่ใครมาส่งวะ” มะปรางถามต่อทันที
“อ๋อ เจ้านายน่ะ”
“ฮะ!!” มะปรางทำตาโตตกใจขึ้นมา อะไรกันไปฝึกงานแป๊บเดียวถึงกับสนิทกับเจ้าของบริษัทแล้ว
“อะไรแก” จนน้ำขิงรีบถามกับท่าทีของมะปราง
“คุณพอร์ช!?” ชื่อเจ้านายตัวเองหลุดจากปากเพื่อนสนิท
“แกรู้จัก?”
“ใครไม่รู้จักบ้างวะ”
“ฉันไง เพิ่งรู้จักตอนฝึกงานบริษัทเขาเนี่ย” ใช่ เธอรู้แค่รายละเอียดการทำงานของบริษัทมาบ้างและรู้จักแค่ชื่อท่านประธานคนเก่าก่อนที่จะมอบตำแหน่งต่อให้ลูกชายคนโตอย่างพอร์ช
“แกนี่ดีเนอะ ได้เจอกับท่านประธานส่วนฉันเนี่ยไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอสักที”
“อย่าเจอเลย” น้ำขิงพึมพำแผ่วเบาเพราะรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร
“แกว่าอะไรนะ”
“เปล่า... จะไปได้ยัง”
“เออ ๆ ไป” ว่าแล้วมะปรางก็ลากแขนน้ำขิงให้เดินข้ามถนนตามเธอไปเพื่อไปหาหอพักตามที่น้ำขิงต้องการ
ทว่า น้ำขิงไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเดินผ่านรถใครบางคนที่กำลังจ้องมองผ่านกระจกรถส่วนตัว ผู้หญิงที่กล้าหักหน้าเขาเมื่อคืนเดินจับมือไปกับเด็กฝึกงานในบริษัทเขา... จู่ ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้านิ่งคมทันที
