ตอนที่ 7 ฟิวส์ขาด
ตอนที่ 7
ฟิวส์ขาด
“ทำไมแพงทั้งนั้นเลยอะ”
น้ำขิงบ่นออกมาทันทีเมื่อหย่อนสะโพกบนเก้าอี้ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง เพราะไม่ว่าเธอจะไปหาหอพักระดับไหนต่างก็ราคาเดียวกันทั้งนั้น แถมเงินติดตัวก็ไม่พอที่จะจ่ายตอนนี้ด้วยจะให้ไปขอแม่เธอก็เกรงใจอีกที่ผ่านมาแม่ส่งเงินให้ทุกเดือนก็จริง แต่น้ำขิงกับยายก็เปิดร้านขนมหวานขายเพื่อเป็นรายได้สำหรับสองยายหลาน เงินที่แม่ส่งมาจึงให้ยายไปหมดไม่เคยคิดอยากได้เงินจากบ้านนั่นเลยสักครั้งเดียว
“ปกติก็ราคานี้...”
“...แกจะย้ายออกมาทำไม” มะปรางถามอีกครั้ง เพราะสงสัยว่าทำไมน้ำขิงถึงต้องรีบร้อนขนาดนี้
“ไหนจะค่ามัดจำอีก ตอนนี้ฉันมีเงินไม่พอ” แต่น้ำขิงเลือกที่จะพูดเรื่องอื่นแทนการตอบคำถาม
“อยู่บ้านไปก่อน รอเงินเดือนฝึกงานออกแล้วค่อยย้าย” แล้วมะปรางก็เสนอออกมา รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้า เธอลืมเรื่องเงินเดือนฝึกงานไปเสียสนิทใจก็เพราะกังวลกลัวตัวเองจะไปเป็นเสี้ยนหนามในชีวิตใครอีก
“แต่...” แต่เธอก็ไม่อยากอยู่ร่วมชายคาเดียวกับลูกเจ้าของบ้านอยู่ดี ขนาดอยู่ไม่กี่วันน้ำขิงเกือบจะเสียตัวแล้วด้วยซ้ำ ขืนอยู่นานกว่านี้ไม่อยากจะคิดเลยจริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอ
“จะแต่อะไรอีก บ้านใหม่แม่แกเขาไม่โอเคเหรอที่ไปอยู่”
“เปล่า” น้ำขิงปฏิเสธเสียงแข็ง
“งั้นก็อยู่บ้านนั้นไปก่อน ฉันตัดสินใจให้ล่ะ”
“อืม ก็ได้” ว่าแล้วมะปรางก็ลุกขึ้นไปสั่งอาหารหน้าร้าน วันนี้เธอขอกินข้าวกับเพื่อนให้สบายใจก่อนแล้วกัน หวังว่ากลับไปคงไม่เจอเขาอยู่ที่บ้านก็พอ เพราะน้ำขิงยังหาวิธีรับมือกับเขาไม่ได้
ไม่นานมะปรางก็กลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนอย่างสงสัยอะไรบางอย่าง
“มีไรปิดบังฉันรึเปล่า”
“หืม!?” น้ำขิงเลิ่กลั่กไม่คิดว่าหน้าจะออกขนาดที่โดนจับได้ ขนาดมะปรางไม่ค่อยสนใจอะไรยังดูเธอออกเลย
“ก็ดูเหมือนแก มีเรื่องในใจตลอดเวลา...”
“...หรือพ่อเลี้ยงแก..”
“บ้า!! ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ไม่ใช่พ่อแต่เป็นลูกต่างหาก ประโยคนี้น้ำขิงไม่ได้บอกไปนะ
“งั้นก็ทำหน้าดี ๆ หน้ามุ่ยหมดแล้ว”
“จ้า!!”
สักพักอาหารที่มะปรางไปสั่งก็มาเสริมที่โต๊ะ ทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกต่างคนก็ต่างจัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง
@คฤหาสน์เจริญกุล
ประตูรั้วบ้านถูกเปิดออกจากการกดรีโมตของพายุ เขาขับรถเข้ามาในตัวบ้านเพื่อไปจอดที่ประจำทว่าสายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรบางอย่างในลานจอดรถ
จู่ ๆ สมองก็เห็นภาพแม่ตัวเองที่ก้มเก็บสร้อยไข่มุกจากการปะทะอารมณ์กับผู้ชายคนหนึ่งจนมันขาด เม็ดไข่มุกกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง...
เพราะแม่เขาไม่ต้องการให้สามีไปหาใครบางคนไม่ต้องการให้สามีสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง การทะเลาะและยื้อไม่ให้อีกฝ่ายขับรถออกไปหาในเวลาดึก ๆ ทำให้สามีอย่างภาคภูมิขาดสติผลักภรรยาตัวเองล้มลงกับพื้นต่อหน้าต่อตาลูกชายตัวเอง มือข้างหนึ่งที่ปัดไปโดนสร้อยคอจนมันขาดจากกันไม่มีชิ้นดี ส่วนอีกมือก็กระแทกกับไหล่บางจนร่างปิ่นมุกทรุดนั่งกับพื้น
แต่ว่า...
‘ทำตัวเอง’ คำพูดที่ไร้เยื่อใย สายตาที่ไม่แสดงความรักแม้แต่น้อยก้มมองภรรยา
‘แม่’ เด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาประคองร่างปิ่นมุกไว้ ส่วนพ่อแท้ ๆ กลับขึ้นรถขับออกไป สายตาภาคภูมิมองตรงไปด้านหน้าไม่คิดจะชายตากลับมามองปิ่นมุกเลยสักนิดเดียว นี่พ่อเขารีบร้อนไปหาผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้นเลยเหรอในหัวเด็กหนุ่มมีแต่ความน้อยใจและโกรธแค้นแทนแม่ของตัวเอง และตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้ารถเขาตรงนี้!! ตรงที่แม่เขาเคยล้ม...
โครม!!
“ว้าย~”
รถพายุพุ่งไปหาร่างน้ำตาลแม่เลี้ยงของเขาอย่างเร็ว และหยุดชะงักก่อนที่จะถึงตัวหักหลบไปชนกับถังน้ำที่วางถัดจากน้ำตาลนิดเดียว
“ไอ้พายุ!!”
ภาคภูมิที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรีบก้าวเท้าเข้าไปเปิดประตูกระชากร่างหนาออกจากรถทันที
เพียะ!!
“แกทำแบบนี้ทำไม” ฝ่ามือฟาดอย่างจังบนใบหน้าคม
“หึ” แต่พายุกลับแสยะยิ้มออกมา ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่ทำลงไป
“อย่ามากวนฉัน ไอ้ยุ!!”
“ดูรักกันดีนี่...”
“...คงไม่มีวันเลิกรักสินะ” เขาพูดกับพ่อตัวเองก่อนจะเหลือบไปมองอีกคนที่พยายามลุกขึ้นยืน
“มึงทำแบบนี้ทำไม ต่างคนต่างอยู่สิวะ” ภาคภูมิตะคอกเสียงดัง
“ผมก็ไม่อยากยุ่งหรอก ผู้หญิงสกปรกแบบนั้น” พายุเหลือบมองด้วยหางตาอย่างดูถูก
“คุณพายุ...” น้ำตาลเอ่ยออกแผ่วเบา
“เรื่องจริง รับไม่ได้!?” แต่พายุยังตะโกนถามย้ำ
“หุบปากเสีย ๆ แกซะ”
“...” พายุยักไหล่อย่างกวน ๆ
“ถ้ากลับมาแล้วนิสัยเสีย ไม่ต้องกลับมา!!”
“ผมก็ไม่อยากอยู่นักหรอก บ้านเฮงซวยหลังนี้!!”
เพียะ!!
...คำพูดของลูกชายทำให้ภาคภูมิฟิวส์ขาดอีกครั้ง...
“มึงออกไปเลยนะ ถ้ายังไม่เปลี่ยนนิสัยไม่ต้องกลับมา”
“นี่พ่อไล่ผมเหรอ” พายุหันมาเผชิญหน้ากับภาคภูมิ
“จะคิดแบบนั้นก็เรื่องของมึง” ภาคภูมิอ่อนใจ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนกับพายุ มันก็ไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเลยการที่ปล่อยให้พายุออกไปอยู่ด้านนอกคงดีที่สุด
ตึก ๆ...พายุเดินไปหยุดตรงหน้าแม่เลี้ยง
“ทำอะไรไว้กับแม่ฉัน ระวังให้ดี...”
“...ฉันเนี่ยแหละจะพังมันทุกอย่าง”
“...” น้ำตาลได้แต่ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
หมับ!
“ออกไป!!” ภาคภูมิจึงเข้าไปกระชากให้พายุกลับมาที่รถตัวเอง
ตึก ๆ...
ปึง!!
บรึ้น~
รถหรูวิ่งออกไปอย่างเร็วด้วยแรงโกรธ แค้น โมโห โมโหที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนพ่อเขาก็ไม่เคยตาสว่าง ยังคงหลงผู้หญิงคนนั้น ทั้ง ๆ ที่ใคร ๆ ก็ดูออกว่าเธอต้องการมาแทนที่แม่ของเขาตลอด
“โธ่เว้ย!!” เขาสบถออกมาพร้อมตบพวงมาลัยรถอย่างแรง
ทว่า...
สายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาในซอยบ้าน แค่เห็นน้ำขิง แผนที่เขาไม่คิดจะเริ่มเลยสักนิดแต่ทุกอย่างกลับทำให้เขาเลือกใช้วิธีนี้
เอี๊ยด~
ชายหนุ่มลุกออกจากรถเดินตรงไปหาน้ำขิงที่ยืนตกใจอยู่กับผู้ชายตรงหน้า
“คุณ!!”
“มานี่” ว่าแล้วมือหนาก็เอื้อมมือไปลากน้ำขิงบังคับให้เข้าไปนั่งในรถทันที
“จะพาฉันไปไหน”
“เดี๋ยวก็รู้”
“ไม่!! ฉันไม่ไป”
“เธอไม่มีสิทธิ์ลงจากรถถ้าฉันไม่อนุญาต!!” พายุก้มลงมาก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าในรถทางเดียวกับน้ำขิงและย้ายไปนั่งประจำที่คนขับ ส่วนมือหนาข้างหนึ่งยังคงกำแขนน้ำขิงไว้แน่น...
