ตอนที่ 2 อดีตเลวร้าย
ตอนที่ 2
อดีตเลวร้าย
16 ปีที่แล้ว
พายุในวัยสิบสองปี เด็กชายรับรู้การทะเลาะของพ่อแม่มาตลอดและรู้ว่าพ่อของเขาเลี้ยงดูใครอีกคน จนวันที่แม่เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุที่เขาคิดว่ามีคนจงใจ มันไม่ใช่อุบัติเหตุเป็นแน่ และทุก ๆ อย่างในบ้านก็เปลี่ยนไป เมื่อพ่อพาใครเข้ามาอีกคนพร้อมเด็กผู้หญิงวัยห้าขวบที่มีหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู
“พายุ... พายุอยู่ไหนลูก” เสียงชายหนุ่มเอ่ยเรียกหาลูกชายตัวเอง กวาดสายตามองหาไปรอบบ้าน
“ครับพ่อ...” กระทั่งเด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาตามเสียงเรียก
“...ใครอะครับ” เงยหน้ามองภาพตรงหน้าก่อนจะทักถามผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย
“นี่แม่น้ำตาล แม่เขาจะมาอยู่บ้านเดียวกับเราและนี่น้องน้ำขิง จะมีน้องสาวกับเขาแล้ว ดีใจไหม” ภาคภูมิเดินไปจับไหล่ลูกชายแนะนำสมาชิกใหม่อย่างมีความสุข
“...” พายุเงียบมองหน้าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อแล้วก้มมองเด็กน้อยตาเข้ม
“เป็นไรไป... ยุบ่นอยากได้น้องไม่ใช่เหรอ พ่อพาน้องมาให้แล้วนี่ไง” ภาคภูมิถามต่อเมื่อเห็นแววตาเกรี้ยวโกรธของลูกชาย
“ไม่!! เด็กนี่ไม่ใช่น้องผมและผมก็มีแม่ปิ่นมุกเพียงคนเดียว” พูดจบเด็กหนุ่มสะบัดไหล่จากการเกาะกุมและเดินหนีขึ้นห้องตัวเองทันที ไม่คิดว่าเหตุการณ์วันนี้จะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
หลังจากวันนั้นทุกอย่างในบ้านก็ไม่สงบสุขเหมือนเคย พายุทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สองแม่ลูกอยู่ในบ้านอย่างมีความสุข จนในที่สุดน้ำตาลตัดสินใจส่งน้ำขิงลูกสาวคนเดียวของเธอไปอยู่กับยายที่ภูเก็ตและไม่ให้กลับมาบ้านหลังนี้อีกเลย
@ห้องนอนน้ำขิง
“ซวยชะมัด กลับมาวันแรกก็เจอแล้ว” น้ำขิงบ่นออกมาทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องนอนตัวเอง
“ไหนแม่บอกหมอนั่นนาน ๆ ทีกลับบ้านไง” ใช่แม่ของเธอบอกคุณพายุไรนั่น นาน ๆ จะกลับ แต่นี่เธอเข้ามาอาศัยได้วันเดียวเขาก็มาบ้านทันที
ดวงจะสมพงศ์อะไรขนาดนั้น จริง ๆ เธอไม่ได้ต้องการหรืออยากมาอยู่บ้านหลังนี้เลยสักนิด บ้านหลังใหญ่แต่หาความสุขไม่ได้เลย ถ้าหากไม่มีเหตุจำเป็นไม่มีทางจะเข้ามาอยู่เด็ดขาด และเหตุผลเดียวคือตอนนี้ยังหาที่พักที่ใกล้กับสถานที่ประกอบการในการฝึกงานไม่ได้เลย
จำใจต้องมาอยู่ที่นี่ไปก่อน ความจำเป็นล้วน ๆ
“เฮ้อ!” น้ำขิงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาทางที่ดีเธอเองควรจะหาที่พักใหม่ให้เร็วที่สุดเพราะเธอเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคฤหาสน์หลังนี้อีกเช่นกัน
วันต่อมา
พายุเดินผ่านห้องอาหารที่มีพ่อและแม่เลี้ยงกำลังรับประทานอาหารเช้า แถมวันนี้ยังมีลูกเลี้ยงที่ห้อยติดมาด้วย คงมีความสุขมากสินะที่มาเป็นมารในบ้านของเขาได้
“พายุ เข้ามาหาพ่อก่อน” ภาคภูมิเหลือบไปเห็นลูกชายก็เอ่ยเรียกเอาไว้
“...” พายุชะงักยืนนิ่งก่อนจะตัดสินใจเดินต่อ
ทว่า...
“คุณหนู คุณท่านเรียกเข้ามาด้านในก่อนสิคะ” ละอองไม่อยากเห็นพายุผิดใจกับภาคภูมิไปมากกว่านี้ก็เลยยอมเป็นฝ่ายเรียกพายุไว้เอง จนชายหนุ่มไม่สามารถปฏิเสธที่จะเดินต่อเลยจำยอมหมุนตัวกลับเข้ามายังห้องอาหาร
“นั่งก่อนสิ” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้น
“ไม่ครับ ผมรีบ” พายุปฏิเสธทันที
“กลับมานอนบ้านทำไมไม่บอกพ่อก่อน จะได้ให้แม่ครัวเตรียมของชอบแกไว้ให้”
“...” เขาเงียบไม่เอ่ยอะไรออกไป
“อะนี่น้องน้ำขิง จำได้ไหม” ภาคภูมิชี้ไปทางหญิงสาวร่างบางที่นั่งตรงข้ามแม่ตัวเอง
“จำไม่ได้และไม่จำเป็นต้องจำ” เขาตอบกลับเสียงแข็งก่อนจะเหลือบมองด้วยหางตา
“ไอ้ยุ!!” ภาคภูมิตะคอกเสียงดังอย่างไม่พอใจกับคำพูดลูกชาย
“คุณคะ อย่าเสียงดังเดี๋ยวอาการจะกำเริบเอาอีก” น้ำตาลเอ่ยบอกสามีไม่ให้ขึ้นเสียงใส่พายุ
“น้องจะอยู่บ้านเราชั่วคราวระหว่างฝึกงาน แกคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“นี่มันบ้านพ่อ มันเป็นสิทธิ์ของพ่ออยู่แล้ว”
“เราจะคุยกันดี ๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม” ภาคภูมิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาปนเศร้า
“เมื่อไหร่ที่สองแม่ลูกนี่ออกไป เราค่อยมาคุยกัน” พายุพูดเสร็จก็เดินออกไปทันทีโดยไม่หันมามองผู้เป็นพ่ออีกเลย
“ดูมันพูดสิ ไอ้ลูกคนนี้” เขาได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับความอวดดีของลูกชาย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สักวันพายุเขาต้องรับฉันกับลูกได้”
น้ำตาลพูดปลอบใจสามีทั้งที่ในใจรู้ดีว่าไม่มีวันนั้น
“ลุงขอโทษหนูน้ำขิงด้วย มาวันแรกก็เสียบรรยากาศเเล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขิงเข้าใจ เดี๋ยวถ้าหาที่อยู่ได้ขิงจะย้ายออกทันทีค่ะ”
“อยู่ที่นี่แหละ นาน ๆ จะได้อยู่กับแม่เหมือนคนอื่นเขา”
น้ำขิงไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มรับภาคภูมิ คนที่มีบุญคุณกับเธอและแม่ ถึงแม้ลูกชายของเขาจะรับในตัวแม่ของเธอไม่ได้ก็ตาม