chapter. 5 ร่วมงานรัก
เอลี่หันมาเปิดกระเป๋า แล้วหยิบไอแพดขึ้นมา “อย่าเพ้อเจ้อ รีบๆ ทำงานจะได้ไปรับงานอื่น แล้วเรากับเขาจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก อย่าฟุ้งซ่าน ทำงาน ทำงานสิ” เอลี่หรือเอมิกาบ่นกับตัวเอง แล้วหันไปเปิดไฟล์ข้อมูลของโครงการ แล้วลงมือทำงานอย่างมุ่งมั่น
ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงอดิสรเปิดประตูเข้ามา เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังขะมักเขม่นกับงานตรงหน้า รองเท้าส้นสูงถูกถอดวางไว้มุมข้างๆ โต๊ะ รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่รู้ว่าตนเองกำลังเป็นเป้าสายตาของใครบางคน จึงทำงานเพลิดเพลิน ในขณะที่อดิสรมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประทับใจ ในชีวิตเจอผู้หญิงมามากมายในแวดวงสังคม ที่วันๆ เอาแต่แต่งตัว ช้อปปิ้งทำงานสังคม เล็กๆน้อยๆ แต่มีเพียงหญิงสาวไม่กี่คน ที่ทำงานจริงจัง มาเห็นอีกครั้งก็หญิงสาวตรงหน้า อดิสรเดินเข้ามาเงียบๆ มองกระดาษที่กระจัดกระจายเต็มโต๊ะ มือของหญิงสาวก็กดคีย์ข้อมูล ใบหน้าทั้งก้มลงกระดาษ มือก็จับคีย์บอร์ด จนไม่ได้ยินเสียงบุคคลที่สามที่เข้ามาในห้อง
“นี่คุณ...ไปกันได้แล้ว ผมนัดช่างไว้ ตอนบ่ายโมง” อดิสรเคาะโต๊ะ เบาๆ
เอลี่เงยหน้ามอง ก่อนจีบปากพูด “นี่คุณจะเข้ามาก็เคาะประตูให้เจ้าของห้องรู้ตัวก่อนสิคะ ไม่ใช่เข้ามาราวกับห้องของตัวเอง”
“ผมเคาะแล้ว สองครั้งแต่คุณไม่ได้ยินเอง” อดิสรสวมกระดุมเสื้อสูท เตรียมตัวจะออกไปทำงานในขณะที่เอลี่ค้อนชายหนุ่มเบาๆ อย่างหมั่นไส้คนที่แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
กว่าสองชั่วโมงในไซด์งานที่มีทั้งฝุ่น ทั้งความร้อนทำให้เอลี่ ทั้งเหนื่อยและหิวน้ำ แต่ไม่ปริปากบ่นหญิงสาวจดรายละเอียดของโครงการ มือก็ถ่ายรูปไปเป็นระยะๆ เพื่อเก็บข้อมูล กว่างานจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็น กว่าจะออกจากไซด์งานมาได้ แล้วยังดูเหมือนว่าจะติดยาว อดิสรเลี้ยวรถเข้าไปที่ ร้านประจำของตนเองและอดีตคนรัก ในใจของอดิสรมันเหมือนมีรีโมทสั่งบางอย่าง ทำให้ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้ามาในร้านนี้
ร้าน cate little spoon
เอลี่ตกใจเมื่อชายหนุ่มเลี้ยวเข้าร้านประจำ หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่มตรงหน้า อย่างแปลกใจ
“เออ ดิฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
“รถมันติดนะคุณ เราสองคนไม่ได้ทานอะไรมาเลย คุณก็หิวผมก็หิวมาก แวะที่ร้านนี้ก่อน กินเสร็จผมไปส่งคุณที่คอนโดฯ”
เอลี่น้ำตาซึมเมื่อนึกถึงภาพบรรยากาศ เก่าๆ ที่แสนอ่อนหวานระหว่างตนเองและชายคนรัก ที่นั่งข้างๆ ภาพความทรงจำเก่าๆ ตัดภาพไปมา ภายในสมอง ก่อนจะเดินลงจากรถ ราวกับละเมอ หญิงสาวเดินตรงไปนั่งที่มุมโปรด ในขณะที่อดิสรมองหญิงสาวอย่างประหลาดใจ
“คุณชอบโต๊ะนี้เหรอ น่าแปลกมาก โต๊ะเดียวกับที่ผมกับแฟนชอบมานั่งเล่นกัน” อดิสรแปลกใจอีกครั้งในขณะที่เอลี่หัวเราะกลบเกลื่อน
“แหมคุณ โต๊ะนี้นะ เป็นโต๊ะที่อยู่มุมห้อง ๆ ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้นแหละ ความเป็นส่วนตัวๆ ใครๆ ก็อยากมี”
อดิสรลอบมองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้านิ่งนาน ในขณะที่เอลี่กำลังตื่นเต้นที่ได้กลับมานั่งร้านโปรดแล้วมุมโปรดอีกครั้ง หญิงสาวก้มมองเมนูที่ผ่านไปหลายปี มีเมนูมากมายเพิ่มขึ้นมา หญิงสาวอมยิ้มเมื่อเจอเครื่องดื่มสุดโปรด อดิสรลอบมองลักยิ้มบุ๋มข้างขวา แล้วรู้สึกตัวชาไปชั่วขณะ
“เหมือน เหมือนมาก” อดิสรรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“คุณสรว่าอะไรนะคะ” เอมิกาหรือเอลี่ เลิกคิ้วถาม
“เปล่า ผมคงตาฝาดไปหน่อย” อดิสรพยายามหลับตาแล้วสะบัดใบหน้าไปมา ชายหนุ่มมองไปรอบๆบรรยากาศ แล้วภาพแห่งความหลังที่ตนเองและอดีตคนรักมานั่งดื่มกาแฟ แล้วทานเค้ก ก็ตัดเข้ามาในความคิด อดิสรถอนหายใจเบาๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน หญิงสาวคนรักก็ยังอยู่ในความคิดของตนเองเสมอ อดิสรมองบริกร ที่มารับออเดอร์ ชายหนุ่มมองเมนแล้วตัดสินใจไม่ได้อดิสรวางเมนู แล้วพูดน้ำเสียงเรียบๆ ว่า
“คุณสั่งให้ผมหน่อยล่ะกัน ผมไม่ค่อยสันทัด” อดิสรล้วงมือถือขึ้นมา แล้วกดอ่านอีเมล์อย่างคนที่ไม่ต้องการเสียเวลาแม้แต่เสี้ยววินาที
เอลี่ลอบมองหน้าอดีตคนรัก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน พี่สรก็คือพี่สร ที่บ้างาน มุ่งมั่น และตั้งใจกับทุกอย่าง ทุกอย่างแม้กระทั่งความรัก
“ไม่ทราบจะรับอะไรคะ” บริกรเอ่ยถามทำลายห้วงความคิดของทั้งสองคน
“ของพี่ขอ strawberry supream Latte extra cream นะคะ ส่วนของคุณผู้ชาย ขอ เป็น Caffee latte with basil seed กาแฟขอสองชาร์ตนะคะ” เอลี่สั่งราวกับท่องจำ แต่ก็ทำให้คนที่กำลังอ่านอีเมล์ เงยหน้ามองอย่างตะลึงแล้วดวงตาจ้องมองหน้าหญิงสาวตรงหน้านิ่ง
“คุณ....”
“คะ มีอะไรที่ใบหน้าของดิฉันหรือเปล่า ทำไมคุณจ้องหน้าฉันแบบนี้”
“เออ เปล่า ๆ ผมอาจคิดมากไปเอง”
เมื่ออดิสรก้มหน้าลงอ่านเอกสารในมือถือ เอลี่ก็ลอบถอนหายใจ มือจับที่หน้าอกเนื่องจากหัวใจเต้นแรง ในใจของหญิงสาวคิด ‘ไม่มีทาง เขาจะจำเราได้เหรอในเมื่อเราเปลี่ยนไปซะขนาดนี้ ไม่จริง ต้องไม่ใช่สิ’
เมื่อบริกรนำ เครื่องดื่มมาให้ เอลี่ตักน้ำตาลใส่ในแก้วของอดิสรด้วยความเคยชิน แต่ก็ทำให้อดิสรถึงกับมือถือหลุดลงจากมือ เมื่อนึกไปถึงอดีตคนรัก ที่มักจะเติมน้ำตาลให้หนึ่งช้อนเสมอ อดิสรไม่ได้สนใจมือถือที่ตกลงโต๊ะ โชคดีที่โทรศัพท์ตกลงไม่แรงมาก หน้าจอยังไม่ร้าว..แต่ชายหนุ่มหาได้สนใจไม่ กลับคว้าข้อมือหญิงสาวตรงหน้า เอลี่หันไปมองด้วยความตกใจ
“นี่คุณ...รู้ได้ไงว่าผมชอบเพิ่มหวานอีกนิดหนึ่ง”
เอลี่ตกใจ แต่รีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนบิดข้อมือจากมือของชายหนุ่ม “ฉันก็เดาๆ เอา พวกเพื่อนผู้ชายของฉัน เขาก็เพิ่มหวานกันทุกคนไม่เห็นจะแปลก หรือคุณจดลิขสิทธิ์ไว้ล่ะ ว่ามีแต่คุณที่เติมน้ำตาลเข้าไปได้”
“มันน่าแปลกตรงที่ คุณกับเขาชอบสตอเบอรี่ สุปรีม เพิ่มวิปครีมเหมือนกันนี่ล่ะ แต่ไม่หรอก คุณสองคนอาจชอบเหมือนกัน แต่คุณไม่มีทางเหมือนเขาหรอก” อดิสรพูดจบก็ยกกาแฟ ขึ้นจิบ
“ยังไงคะ”
“รีบๆ กินเถอะ ผมอยากกลับบ้านแล้ว มีคนสำคัญรอผมอยู่” อดิสรรีบปัดความรู้สึกอ่อนหวานออกไปแล้วชิงหลับตา เมื่อภาพต่างๆ ระหว่างเขาและเธอยังติดตรึงตาตรึงใจ ในขณะที่เอลี่จินตนาการถึงภรรยาสาวของอดีตคนรักก็คงเป็น “คนสำคัญ” สำหรับเขาสินะ คิดแค่นี้ในใจก็ปวดแปลบ แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าอะไรนะที่เขาจะพูดแล้วเปลี่ยนใจไม่พูด เอลี่อยากถามออกไปแต่กลัวว่ายิ่งพูดมาก จะยิ่งเข้าเนื้อตัวเอง ดังนั้นก็รีบดื่มเครื่องดื่ม แล้วทานเค้กที่ถูกเสิร์ฟมาคู่กัน อดิสรจ้องมองหญิงสาวสวยตรงหน้า หน้าผากมีส่วนคล้าย คิ้วที่ถูกดัดไว้อย่างสวยงาม ริมฝีปากสวยสีแดงอ่อน เส้นผมยาวหยิกเป็นลอนสวย แต่ถูกมัดรวบตึง
“คุณไปเห็นที่ไซด์งาน มีไอเดียอะไรไหม” อดิสรเปลี่ยนไปคุยเรื่องงาน แต่ก็มองใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างรู้สึกสงสัยแต่ยิ่งมองใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าก็มองไม่เห็นว่าจะมีความเป็นไปได้ แต่อีกใจกลับคุ้นเคยกับแววตา น้ำเสียง ท่าทางและหลายสิ่งในตัวหญิงสาว อดิสรมองเพลินจนไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ก็คงต้องไปคิดอีกรอบค่ะ ดิฉันขอเวลาปรึกษากับช่างไม้ ช่างสีด้วยนะคะ คุณพอจะนัดให้ได้หรือเปล่า”
อดิสรมองหญิงสาวเพลิน ชายหนุ่มจ้องแววตาหญิงสาวนิ่งนาน จนไม่ได้ยินหญิงสาวเรียกชื่อตนเองอีกครั้ง
“คุณสรคะ ดิฉันถามว่าจะนัดช่างให้ได้ไหมคะ” น้ำเสียงเอลี่ ลากยาว
“ได้สิ คุณจะใช้เวลาร่างแบบกี่วัน” อดิสรสะบัดหน้าพร้อมตอบน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ดิฉันขอเวลาสิบวันนะคะ” เอลี่ถามเบาๆ
“ไม่ได้ แค่สามวันเท่านั้น ผมต้องการเร่งโปรเจ็คนี้เร็วๆ เสียเวลามามากแล้ว”
“สามวัน ไม่เสร็จหรอกคะโปรเจคใหญ่แบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นอาทิตย์” เอลี่ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ปี ชายหนุ่มก็ยังเหมือนเดิม เอาแต่ใจไม่ยอมฟังความคิดเห็นของคนอื่น ยิ่งคิดเอลี่ยิ่งหนักใจ ต้องทำงานกับเขาอีกสามเดือน แค่สองวันในใจก็หวั่นไหว ยิ่งต้องมาทำงานใกล้ชิดขนาดนี้ เอลี่รู้สึกปวดใจ เขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงดูเหมือนจะหล่อกว่าสี่ปีที่แล้ว อาจเป็นเพราะวัยที่มากขึ้นทำให้อีกฝ่ายมีวุฒิภาวะมากขึ้น หัวใจเอลี่เต้นแรงเมื่อต้องสบตาชายหนุ่มนิ่งนาน ยิ่งชายหนุ่มมีแววตาที่แสดงความสงสัยทำให้เอลี่รู้สึกกระวนกระวาย ถึงแม้จะมั่นใจในรูปร่างภายนอกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เอลี่ก็รู้สึกถึงกระแสประหลาดที่ชายหนุ่มส่งมาถึง มือของหญิงสาวชื้นเหงื่อ อดิสรวางมือไว้บนโต๊ะ ตามองที่มือถืออ่านรายงานการประชุม มือเอื้อมไปจับแก้ว แต่พลาดไปจับมือหญิงสาว เอลี่ตาโต อดิสรยังจับข้อมือ
“วันนี้ไม่ได้ใส่สร้อยข้อมือมางั้นเหรอ”
“เออ ไม่ค่ะ” เอลี่ตอบเสียงสั่นรีบบิดข้อมือหนี ใบหน้าบึ้งตึงแต่ในใจเต้นรัว
“รถคงไม่ติดแล้ว ฉันว่าเรากลับกันเถอะ ฉันมีงานต้องทำอีกมาก” เอลี่หันไปเก็บไอแพดลงกระเป๋าใบโต
“โอเค เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่คอนโดฯ เพราะมันเป็นทางผ่าน”
