บทที่ 4. ท้าทาย กำแพงหัวใจ
“เรย์คะ คืนนี้น้ำจะนอนเฝ้าน้องนนท์ ที่โรงพยาบาล เรย์ช่วยพาสมศรีกลับบ้าน แล้วเอาเสื้อผ้ามาให้น้ำด้วยนะคะ” ต้นน้ำพยายามส่งเสียงออดอ้อน
อนวินท์กัดฟัน รอจนเด็กหนุ่มรุ่นน้องและแม่บ้านสาวลับร่างออกจากห้องไป ต้นน้ำลูบเส้นผมของลูกชายที่หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วทานยาก็เริ่มง่วงนอน เด็กชายนอนซุกอกผู้เป็นแม่ อนวินทร์มองภรรยาสาวผู้เป็นที่รักและเด็กน้อยที่ตนเชื่อว่าเป็นเลือดเนื้อของตน ด้วยแววตาอ่อนโยน แต่เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นภรรยาสาว ออดอ้อน ชายที่อ้างว่าเป็นเพื่อน อนวินทร์ก็รู้สึกหงุดหงิด ขึ้นมาทันที
“ออกมาคุยกันหน่อย” อนวินท์พยายามข่มเสียงให้เย็นทั้งที่ใจร้อนระอุ
ต้นน้ำวางลูกชายให้นอน ก่อนจะเดินตามชายหนุ่ม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อถูกชายหนุ่มผลักเข้าห้องน้ำอย่างแรง
“นี่คุณ ฉันเจ็บนะ” ต้นน้ำถูกผลักจนแผ่นหลังชนเข้าสู่อ่างล้างหน้า อย่างไม่ตั้งใจ
“อย่ายั่วพี่ด้วยการเฟิร์สกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าพี่ ไม่งั้นจะหาว่าพี่ไม่เตือน” อนวินท์ เท้าแขนที่อ่างน้ำ ทำให้ใบหน้า ของทั้งเขาและเธอห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร ต้นน้ำหัวใจเต้นแรง เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เธอจะโกรธเขามากอย่างไร แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าชั่วชีวิตนี้เธอคงรักใครไม่ได้อีก เพราะหัวใจดวงนี้มีให้แก่เขาคนนี้เพียงผู้เดียว อนวินท์หัวใจเต้นแรงเมื่อได้อยู่ใกล้อดีตภรรยาสาว แม้จะด้วยอารมณ์โกรธ โมโห หึงแต่เมื่อร่างกายอยู่กันใกล้ชิด กางเกงของชายหนุ่มสัมผัสกระโปรงพยาบาลสีขาวชายหนุ่มหัวใจหวั่นไหว มองใบหน้าหญิงสาวแล้วหัวใจเจ็บแปลบกับท่าทางสนิทสนมของภรรยาสาวและหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น แววตาชายหนุ่มตัดพ้อกึ่งแข็งกร้าว ต้นน้ำหัวใจเต้นแรงเมื่อสบสายตาคมเข้มมันสื่อความหมายหลายๆอย่างจนหญิงสาวรู้สึกอ่อนไหวจนต้องตัดสินใจผลักข้อมือชายหนุ่ม เพื่อที่จะเดินออกจากห้องน้ำเมื่อรู้สึกโกรธกับท่าทางก้าวร้าวของอีกฝ่าย
“ฉันไม่คุยกับพวกนักเลง” ต้นน้ำผลักชายหนุ่มแต่ต้องตกใจเมื่อ อีกฝ่ายกระชากแขนแล้วผลักร่างของหญิงสาวจนไปติดกำแพง
“ทำไม ต้องพูดจ๊ะจ๋าคะขาเหมือนไอ้หน้าจืดนั่นหรือไง” อนวินท์กระซิบจนติดริมฝีปากบางด้วยความหึงหวง
