เกมส์ล่า คว้าหัวใจรัก

104.0K · จบแล้ว
Percila
60
บท
6.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอหนีออกจากชีวิตเขาไปเพราะความเข้าใจผิด 4 ปีต่อมา โชคชะตาทำให้กลับมาเจอกัน และทำให้ชายหนุ่มรู้ว่า เธอได้ให้กำเนิดบุตรชายของตนเอง อนวินทร์ตกอยู่คำถามมาตลอด 4 ปี ว่าเหตุผล ภรรยาสาว ที่รักกันดี ถึงหายออกจากชีวิต เขาไป ชายหนุ่มตามหาหญิงสาวแทบพลิกแผ่นดิน แต่ก็ไม่เจอ แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกทำให้ ชายหนุ่มตามหาภรรยาสาวจนเจอ ทำให้ อนวินทร์ ทั้งไล่ล่าา เรียกร้อง บังคับ ให้หญิงสาว กลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้ง ซึ่งจะสำเร็จ หรือไม่ นั้น โปรดติดตาม เนื้อหาในเรื่องค่ะ ขอบคุณค่ะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายYaoiนิยายรักแต่งงานสายฟ้าแลบสัญญาทางรักอาหารปลูกผักแฟนตาซี เศรษฐียุค70

บทที่ 1 หัวใจที่หล่นหาย ....หากันจนเจอ

โรงพยาบาลเลิศวสิน

พยาบาลสาวจอย กำลังสาละวนกับเอกสารที่กองอยู่บนหน้า เสียงโทรศัพท์มือถือดังติดๆ กัน หญิงสาวมองหาโทรศัพท์มือถือ ที่ตนเองลืมไปแล้วว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน ก่อนจะค้นเอกสารที่วางกองตรงหน้าจนพบว่าเอกสารวางทับโทรศัพท์มือถือไว้

“จอยค่ะ”

“จอย เราเองนะ”

“น้ำ...ยัยน้ำ ดีใจจัง แกหายไปเลยนะ ตั้งแต่ที่เราเจอที่เชียงใหม่เมื่อต้นปี แกเป็นยังไงบ้าง”

“สบายดี ตามสมควร”

“แหม แกนี่โทรมาได้จังหวะพอดี รู้ไหมพี่หมอเพิ่งกลับมาจากเมกาเมื่อวาน เห็นพวกสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ตอนนี้พี่หมอเป็นรองศาตราจารย์แล้วนะแก สามปีแล้วนะน้ำทำไมแกยังไม่ยกโทษให้พี่หมอสักทีแล้วไหนจะน้องนนท์อีก”

“จอย แกหยุดพูดถึงเขาคนนั้นสักที แกก็รู้ก็เห็น เหมือนที่ฉันเคยเห็นฉันไม่มีวันยกโทษให้คนทรยศอีกอย่างขอร้องนะจอย อย่าพูดเรื่องนี้ถ้ารักกันจริง แกอย่าพูด” ต้นน้ำแอบปาดน้ำตาที่ไหลออกมา

“น้ำ ฉันขอโทษ ว่าแต่แกมานี่มีธุระอะไร”

“ฉันอยากให้แกช่วยอะไรบางอย่าง สำคัญมาก” ระหว่างที่พูด จอยยืนหันหลังให้กับโต๊ะ จึงไม่เห็นว่ามีอีกบุคคลหนึ่งกำลังเดินเข้ามา จอยคุยเพลินจนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกในระยะประชิดตัวโทรศัพท์มือถือหญิงสาวยังถือค้างไว้

“จอย ผมอยากได้ผลแล๊ป ห้องหนึ่งศูนย์แปด ตามให้ผมที” เสียงนายแพทย์อนวินท์ ซึ่งตอนนี้เป็นรองศาตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในแผนกอายุรกรรม

“คุณหมอ” จอยหัวใจเต้นแรง เพราะในมือยังถือมือถือที่เพื่อนสาวอดีตภรรยาของนายแพทย์หนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฟังอยู่ปลายสาย จอยขยับโทรศัพท์แบบตั้งใจให้เพื่อนได้ยินเสียงนายแพทย์หนุ่มอย่างชัดเจนอย่างตั้งใจ ในใจแม้แอบเอาใจช่วยเพื่อนสาว แต่ภาพในอดีตเมื่อสามปีก่อน เป็นใครก็ต้องเชื่ออย่างที่เพื่อนของเธอคิดแม้แต่ตัวเธอเอง แม้จะเชื่อมั่นในตัวนายแพทย์หนุ่มที่ทำงานมาหลายปีตั้งแต่จบ แต่ภาพที่เห็นมันชวนให้เชื่อตามที่เพื่อนสาวคนสนิทคิด และอีกหลายต่อหลายครั้งที่ตามมาเป็นเพื่อน เพื่อนสาวคนสนิท จอยเองยอมรับว่าแรกๆก็ผิดหวังในตัวชายหนุ่มมิใช่น้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปหญิงสาวได้เห็นอาการอกหักสิ้นหวังของนายแพทย์หนุ่ม เมื่อเพื่อนสาวของเธอหนีหายไปจากชีวิต จำได้ว่านายแพทย์หนุ่มเสียศูนย์อยู่เกือบปี ความคิดเชื่อมั่นว่านายแพทย์หนุ่มต้องรักเพื่อนของเธอมากๆ ก็ยังวนเวียนอยู่ในสมอง และเธอก็หวังว่าสักวันทั้งสองคนจะกลับมาปรับความเข้าใจกัน

เสียงอดีตสามี เสียงดังที่ลอดมาตามสาย ทำให้ต้นน้ำถึงกับอาการชาไปทั่วร่างกาย มือที่จับมือถือสั่นจนต้องใช้อีกมือมาจับเอาไว้ น้ำตาไหลริมฝีปากเม้มแน่น ทำไมเธอจะจำเสียงที่แม้ว่าผ่านไปสามสี่ปีแต่เสียงนี้ยังกึกก้องอยู่ในหู

“อ้าว จอยผมถาม เรื่องผลแล็บคนไข้ว่าไง นี่ผมต้องการด่วนนะครับ” รศ.นพ.อนวินท์ขมวดคิ้วกับท่าทางแปลกๆ ของพยาบาลสาวคนสนิท

“เออ เดี๋ยวจอยไปตามให้นะคะ แล้วจอยจะรีบเอาไปให้ที่ห้องคุณหมอค่ะ”

“เป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้หน้าซีดๆ เห็นชมพู่บอกว่า คุณอยู่เวรดึก แล้วมาต่อกะเช้าเลย ไหวหรือเปล่าไม่เหนื่อยหรือไง”

“เออ จอยสบายดีค่ะพอดีคนขาด จอยพอไหวค่ะ” พยาบาลสาวซาบซึ้งความห่วงใยของนายแพทย์ ซึ่งเปรียบเสมือนเจ้านาย ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนนายแพทย์หนุ่มก็ยังเป็นห่วงลูกน้องทุกคน ไม่แปลกใจว่าตั้งแต่นายแพทย์หนุ่มกลับมาเป็นโสดอีกครั้งจะเนื้อหอมยิ่งกว่าเดิม

ต้นน้ำยืนฟังบทสนทนาระหว่างอดีตสามีกับเพื่อนสนิทด้วยหัวใจเจ็บหนึบ ไม่ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนเธอยังจำน้ำเสียงนี้ได้ดี ต้นน้ำเข่าอ่อนน้ำตาไหลไหลพรากหัวใจเต้นรัวเร็ว กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน รวมๆก็เกือบสี่ปีแล้วสินะ ไม่น่าเชื่อพลันสายตาของต้นน้ำเหลือบไปเห็นลูกชายตัวน้อย วิ่งเล่นกับสุนัขคู่ใจ ใบหน้าที่เหมือนกันกับพ่อของเด็กชายราวฝาแฝด ต่างกันที่อายุ มือที่จับมือถือแน่นโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในโทรศัพท์เป็นเสียงหญิงสาวที่เป็นตัวแปรที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของตนเองพังไม่เป็นท่า ต้นน้ำจับมือถือจนแน่นจนรู้สึกเจ็บมือ น้ำตาไหลเงียบๆ

“หมอวินท์ค่ะ นิไปหาที่ห้องพักแล้วไม่เจอ มีเคสจะปรึกษาค่ะ” แพทย์หญิงนิภา เอามือคล้องที่แขนชายหนุ่ม ด้วยท่าทางที่สนิทสนม

ต้นน้ำจับมือถือแน่น อีกมือจิกที่ต้นขาอย่างแรง หูยังก้องบทสนทนาของชายหนุ่มผู้เป็นอดีตสามี และแพทย์หญิงที่มีส่วนทำให้ครอบครัวเธอล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ริมฝีปากหญิงสาวเม้มแน่น แต่ก็ต้องอดทนฟังบทสนทนาต่อไปอีกสักพัก

พยาบาลสาว นึกเห็นใจเพื่อนสาวที่ฟังปลายเสียง เดาก็รู้ว่าต้องเจ็บปวดแน่นอน จอยจึงตัดสินใจตัดบทมองภาพ แพทย์หญิงที่พูดจาออดอ้อนกับนายแพทย์หนุ่ม แล้วรู้สึกขัดตาจึงพูดแทรกเบาๆ

“เออ เดี๋ยวจอยเอาผลแล็ปไปให้นะคะ คุณหมอ”

“โอเค เร็วหน่อยนะ ผมรีบ”

“นิ มีอะไรจะคุยกับผมครับ เชิญที่ห้องทำงานผมดีกว่า” เสียงนายแพทย์อนวินท์ พูดอย่างนุ่มนวล แพทย์หญิงนิภาหันไปมองจิกพยาบาลสาว ก่อนยิ้มเยาะที่มุมปากเสมือนจะบ่งบอกสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างตนเองและนายแพทย์หนุ่ม

จอยแอบแลบลิ้นล้อเลียน แพทย์หญิงสาวอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปมองจนร่างของชายหนุ่มและหญิงสาว ลับสายตาไป

“แก ยังฟังอยู่หรือเปล่า ตกลงแกมีอะไรให้ฉันช่วยไหม” จอยคุยสายกับเพื่อนสาวต่อ

“น้ำ แกฟังฉันหรือเปล่า ฉันถามว่าแกมีอะไรหรือเปล่า” จอยถามน้ำเสียงนุ่มนวล เนื่องจากรู้อารมณ์เพื่อนสาวดีว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

“น้ำ แกเป็นไงบ้าง” จอยถามเพื่อนสาวอีกครั้ง

ต้นน้ำพยายามเงยหน้าให้น้ำตาไหลย้อนกลับ มือปาดน้ำตา หัวใจยังเจ็บชาไปทั่วเรือนร่าง เฝ้าหลอกตัวเองว่าคงลืมเขาได้ในไม่ช้า แต่เมื่อได้ยินเสียงความหลังกลับถาโถมราวกับละครแจ่มชัดในหัวสมอง หญิงสาวสูดลมหายใจ ตามองไปที่เด็กน้อยวัยสามขวบที่วิ่งไล่กับสุนัขตัวน้อย น้ำตาหยดอาบแก้ม

“จอย เรามีเรื่องจะให้ช่วย จอยต้องช่วยเรานะ” ต้นน้ำส่งเสียงอ้อนวอน เมื่อเพื่อนสาวอธิบายถึงความต้องการ พยาบาลสาวจอย ถึงกับอ้าปากค้าง

“เฮ้ย นั่นมันขโมยชัดๆ นะ น้ำ ล็อคเกอร์นั้นมันไม่ใช่ของแกคนเดียวนี่นา มันเป็นของคุณหมอด้วย นี่ถ้าแก โทรมาอาทิตย์ก่อนเรื่องมันจะง่ายกว่านี้ นั่นมันล็อคเกอร์ของแกกับคุณหมอ แล้วถ้าฉันไปเปิด เสี่ยงแน่ๆ” พยาบาลสาวจอยปฏิเสธเสียงดังลั่น

“จอยแกต้องช่วย ฉันส่งกุญแจให้แกแล้ว พรุ่งนี้แกคงได้รับ ฉันรับรองว่าพี่หมอต้องไม่รู้และสงสัย เพราะเขาคงไม่สนใจว่าอะไรจะหายไปไหน อีกอย่างเขาไม่เคยมาวุ่นวายกับของๆ ฉัน ตั้งแต่เราเคยอยู่ด้วยกันแล้ว” ต้นน้ำยืนยัน

“นี่แกจะให้ฉันไปไข เอาสร้อยนั้นส่งไปให้แกจริงๆ เหรอ”

“ใช่ ฉันอยากเก็บไว้ให้น้องนนท์ แกช่วยฉันหน่อยแล้วกัน” ต้นน้ำสรุป จบการสนทนากับเพื่อนรัก ต้นน้ำก็เดินเข้าห้องครัวเตรียมอาหารให้ลูกชายสุดที่รัก ในใจยังเจ็บหน่วงๆ กับเสียงที่ลอดมาจากโทรศัพท์อยู่ๆ น้ำตาก็ไหล จนต้องกัดริมฝีปากไว้แน่น

“พอได้แล้วต้นน้ำ เราจะต้องไม่ร้องไห้ให้คนใจร้ายสองคนนั้นอีก” หญิงสาวปาดน้ำตาสูดลมหายใจแววตามุ่งมั่น

สองวันต่อมา

พยาบาลสาวจอยถูกเรียกตัวกลับมาที่โรงพยาบาลด่วน โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่าคุณหมอเรียกตัวพบด่วนมีธุระสำคัญ หญิงสาวไม่ได้เอะใจอะไรคิดว่าคงตามเรื่องงานปกติ แต่ก็แปลกใจเพราะตนเองเพิ่งลงเวรได้เพียงสามสี่ชั่วโมง ถูกปลุกมาจากที่นอนกันเลยทีเดียว น้อยครั้งจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หญิงสาวเคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงอนุญาต พยาบาลสาวก็ก้าวเข้าไป แล้วก็ต้องแปลกใจนายแพทย์อนวินท์มีใบหน้าเคร่งขรึม จอยยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนทำเสียงกระแอมเป็นการส่งสัญญาณบอกถึงการมาของตัวเอง

“ขอโทษที่เรียกตัวด่วน พอดีว่ามีเรื่องต้องถามคุณด่วน ผมอยากบอกว่าของของผมหายจากล็อคเกอร์” อนวินท์กอดอกก่อนจ้องมองลูกน้องคนสนิท สายตาคมเข้มสำรวจท่าทางและแววตา

จอยหัวใจเต้นแรงเกิดการโต้แย้งภายในใจ ก่อนจะพูดน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “ของอะไรของหมอหายคะ เผื่อดิฉันจะเห็น”

อนวินท์หัวเราะเบาๆ กอดอก ก่อนจะยื่นมือถือที่มีคลิปวีดีโอ พยาบาลจอยรับมาถือก่อนจะกดเพลภาพ แล้วดวงตากลมโตก็สั่นระริก เพราะเป็นภาพของตัวเองที่หันซ้ายหันขวายามวิกาล ไขล็อคเกอร์ก่อนจะหยิบของชิ้นหนึ่งไป

“เออ คุณหมอค่ะ จอยไม่ได้เอาอะไรของคุณหมอไปนะคะ”

“ผมแจ้งความคุณได้นะจอย”

“คุณหมออย่าทำกับจอยแบบนั้นนะคะ จอยมีความจำเป็นจริงๆ คือ ยัยน้ำเขาขอร้องให้จอยมาเอาของเขาชิ้นหนึ่ง”

“ไหนคุณเคยบอกผมไงว่าไม่ได้ติดต่อกัน ไม่รู้ว่าน้ำอยู่ที่ไหนเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าผมจะอ้อนวอนยังไงคุณก็บอกไม่รู้ ไม่เห็น”

“ตอนนั้นจอยไม่รู้จริงๆค่ะ จอยกราบล่ะค่ะ คุณหมออย่าเอาเรื่องจอยเลย จอยแค่ช่วยเพื่อนเท่านั้นเองค่ะ ยัยน้ำขอร้องให้ทำ”

“ผมจะไม่เอาเรื่องคุณ เพียงแต่คุณบอกว่าเขาอยู่ที่ไหน” อนวินท์จ้องพยาบาลสาว หัวใจเต้นระทึก

สี่ปีแล้วสินะ ที่ภรรยาสาวหนีออกจากชีวิตไป มีเพียงจดหมายและใบคำร้องขอหย่าวางไว้ จำได้ว่าตอนนั้นราวกับถูกทุบศีรษะ ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ภรรยาสาวหนีหายออกไปจากชีวิต จำได้ว่าช่วงชีวิตตอนนั้นตามหาภรรยาสาวราวกับเป็นบ้า จนเกือบเสียผู้เสียคนไปเลยทีเดียว อนวินท์ลุกขึ้นยืนกอดอก

“ถ้าคุณบอกที่อยู่ของเขาผมก็จะไม่ส่งคลิปนี้ให้ตำรวจ อ้อ ไม่ต้องส่งข่าวบอกเขาด้วยว่าผมรู้เรื่องแล้ว” อนวินท์ชี้หน้า เบาๆ

“จอยไม่เคยไปที่บ้านน้ำค่ะ น้ำให้ส่งของไปที่อยู่ของเพื่อนอีกคนค่ะ”

“ใคร” น้ำเสียงอนวินท์ ราวกับตวาด

“เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยด้วยกัน แต่เขาทำงานที่เชียงใหม่ค่ะ ชื่อนายเรย์”

“ผมขอที่อยู่ได้ไหม แล้วผมจะลบคลิปนี้ออกไปแล้วไม่เอาเรื่องคุณ” อนวินท์พูดน้ำเสียงบอกว่า กระตือรือร้น ชายหนุ่มหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมมาถือนัยน์ตากวาดตามสายตา แล้วมีใบหน้าเคร่งขรึม

“ผมต้องรู้ให้ได้ว่า อะไรทำให้คุณหนีออกจากชีวิตผมไปน้ำ ไม่ว่าผ่านไปแค่ไหน ผมก็ไม่เคยลืมคุณ” อนวินท์กล่าวน้ำเสียงเศร้า แต่มีแววตาที่มุ่งมั่น แล้วตนเองก็กดโทรศัพท์ทันที

“คุณสายใจเหรอครับ ช่วยทำจดหมายตกลงส่งให้คุณหมอสุชาติที่เชียงใหม่ด้วยที่ท่านทำโครงการแลกเปลี่ยนแพทย์ บอกว่าผมตกลง บอกท่านด้วยให้ท่านลงมากรุงเทพฯได้เลย วันมะรืนผมจะขึ้นไป” อนวินท์วางสาย ก่อนจะมองไปที่รูปแต่งงานที่ตั้งวางบนโต๊ะ แววตามุ่งมั่น

“ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผมจะตามหาคุณให้เจอ” อนวินท์ลูบที่ใบหน้าภรรยาสาวที่รูป แววตาแข็งกร้าว

“คุณต้องชดใช้ช่วงเวลาที่ทำให้ผมเจ็บปวดแทบปางตาย” อนวินท์คว่ำรูปภรรยาสาวด้วยอารมณ์อึดอัดใจด้วยความน้อยใจ โมโห และปวดร้าวระคนกัน

เชียงใหม่

ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดที่เปรียบเสมือนเมืองเศรษฐกิจอันดับต้นๆของประเทศไทย ต้นน้ำนั่งอยู่ในร้านไอติมชื่อดัง ตาก็มองนาฬิกาใจกระวนกระวาย มองไปที่ประตูเป็นระยะๆ ก่อนจะยิ้มเมื่อมองเห็นเพื่อนสนิท เดินยักย้ายพร้อมโบกมือราวกับนางงาม

“เรย์ แกมาช้ามากนะเนี่ย” ต้นน้ำบ่นพร้อมเลื่อนน้ำผลไม้ที่สั่งไว้ให้เพื่อนสนิทอย่างเอาใจ

“แหมแก ฉันเพิ่งออกเวร นักท่องเที่ยวช่วงนี้เยอะมากฉันก็เลยทำโอทีต่ออีกนิดหน่อย ต้องรีบเก็บเงินแกอยากทำตามฝัน” เรย์ หรือ รัตนชาติ ชายที่ค่อนข้างกระเดียดไปทางหญิง ทำตาเคลิ้มเพ้อฝัน

“เอา นี่ของของแก แปลกจริงทำไมไม่ให้ส่งไปบ้านแกเลยล่ะ เอามาลงที่คอนโดฉันทำไมให้ยุ่งยาก” เรย์ จิบปากพูด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มเด็กชายนนทวัตร หรือน้องนนท์อย่างเอ็นดู

“แกทำไมต้องทำงานเยอะขนาดนี้ด้วย ครอบครัวก็ไม่มีให้ห่วงแล้วตัวคนเดียวสบายจะตาย” ต้นน้ำลูบมือเพื่อนสนิท

“ฉันอยากทำความฝันให้เป็นจริงนะ แต่มันต้องใช้เงินหลายแสน ฉันยังมีไม่ถึงแสนแล้วเงินก้อนนี้ฉันก็ว่าจะเก็บไว้ใช้บั้นปลาย เฮ้อ เมื่อไหร่จะมีผู้ชายรวยๆ มาชอบก็ไม่รู้” เรย์ปิดปากหัวเราะ เมื่อต้นน้ำทำตาโต

“เออน่า แกอย่าทำเป็นไม่รู้” เรย์ ทำท่าเอียงอาย

“ฉันรู้ ก็แกเล่นติดขนตาซะยาว ทาหน้าซะขาว สมัยตอนเรียนไม่เห็นจะเปิดตัวขนาดนี้เลยนะแก” ต้นน้ำพูดจบแล้วหัวเราะเสียงดัง มือก็ตักไอติมป้อนลูกชายตัวน้อยอย่างอ่อนโยน

“ก็ตอนนั้นป๊ากับม๊าอยู่ก็เกรงใจ ตอนนี้ท่านทั้งสองไม่อยู่ ญาติพี่น้องก็ไม่มายุ่งกัน ฉันก็มีอิสระจะทำอะไรก็ได้ ว่าแต่นี่ซองอะไรของแก ทำไมมันลับลมคมในจัง” เรย์หรือรัตนชาติเอามือเคาะที่ซองสีน้ำตาลที่ตนเองเอามามอบให้เพื่อนตามที่สั่ง

ต้นน้ำเปิดซอง ก่อนจะหยิบสร้อยที่มีล็อคเก็ตที่มีรูปเธอและอดีตสามี เป็นรูปแต่งงานที่เธอชอบมาก และเป็นของขวัญวันเกิดที่อนวินท์ให้กับตนเองและเป็นของขวัญที่เธอรักมาก ต้นน้ำน้ำตาคลอก่อนจะหันไปฝากลูกชายกับเพื่อนสนิท

“เราไปห้องน้ำสักแป๊บนะเรย์ ฝากน้องนนท์ด้วย” ต้นน้ำพูดน้ำตาสั่นเครือ

เรย์หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่ตาแดงก่ำแล้วอยากจะตบปากตัวเอง หลังจากจบที่มหาลัยทั้งตนเองและต้นน้ำก็ต่างคนต่างยุ่ง ประกอบกับพ่อและแม่ของตนเองก็มาป่วยหนักทำให้ตนเองขาดการติดต่อพยาบาลสาวไปสองสามปี มาเจอกันอีกครั้งในงานรวมรุ่นที่เขาได้เสียพ่อและแม่ไปทำให้ตนเองได้กลับมาคบกันอีกครั้งและมาสนิทมากขึ้น เมื่อพยาบาลสาวย้ายมาอยู่เชียงใหม่ ตนเองเคยได้ยินเพื่อนๆ ร่วมรุ่นเล่าว่า พยาบาลสาวแต่งงานกับนายแพทย์หนุ่มหล่อดีกรีลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชน สมัยที่เพื่อนแต่งงานตนเองก็ยุ่งกับการเทรนงานทำให้ไม่ได้มาร่วมงาน