บทที่ 8
“คุณเข้าใจความหมายในคำพูดของผมดี” จอห์นพูดเสียงกร้าวขึ้นมาทันที “ว่าสิ่งที่ผมต้องการคืออะไรบางอย่าง ที่มันจะสร้างความหมายให้เกิดขึ้นในชีวิตนี้ คุณไม่เคยเข้าใจความรู้สึกอย่างนี้บ้างเลยหรือ คุฯไม่เคยต้องการมันบ้างเลยหรือ คุณไม่เคยคิดไม่เคยปรารถนาอะไรบางอย่างที่มันเป็นสิ่งพิเศษสำหรับชีวิตของเราบ้างเลยหรือไมค์?”
“คืออย่างนี้นะ..”ไมค์พูดช้าๆพิจารณาคำถามของเพื่อนอยู่ในใจ “ผมว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน ไม่เช่นนั้นเราคงไม่อยากมีลูกหรอก”
“ใช่..ผมเข้าใจที่คุณพูด แล้วก็มองเห็นอยู่ด้วย เรื่องลูกก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการเหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้เรายังไม่พร้อมที่จะมีเท่านั้น แต่คุณไม่รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึกอยู่หรอก เพราะคุณมีงานที่ทรงคุณค่าทำอยู่แล้ว”
“ใครจะรู้..แต่คิดดูให้ดีนะจอห์น ตำแหน่งของคุณในบริษัทโฆษณานั่น เป็นตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงอยู่แล้ว” ไมค์พูดอย่างเสียดายแทน
“ก็จริง แต่มันก็เทียบกับคุณไม่ได้อยู่ดี คุณเป็นทนายความ ความสำคัญ ความมีคุณค่าในงานที่คุณทำคือการช่วยเหลือผู้คน คุณสร้างสิ่งที่ดีงามให้เกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขา เอ้อ..ไม่ใช่หรอก..ไมว่ามันยังมีอะไรที่มีความหมายยิ่งกว่านั้น..”เขาส่ายหน้าอย่างไม่อาจสรรหาคำพูดได้
“ท่าทางคุณตอนนี้เหมือนสมัยที่เรียนอยู่ด้วยกันไม่มีผิด” ไมค์ตบไหล่เพื่อนเบาๆพร้อมกับเหลียวไปมองทางข้างหลัง พบว่าขณะนี้ทั้งสองสาวหยุดเดินแล้ว กำลังนั่งลงคุยกันอยู่ที่ชายหาด
“ที่ผมพูดไม่ได้หมายถึงความสำคัญของงานที่คุณสามารถช่วยใครคนใดคนหนึ่งได้ แต่หมายถึงว่ามันเป็นความยิ่งใหญ่ที่เราได้มีโอกาสช่วยเหลือพวกเขา แม้จะมากบ้างน้อยบ้างก็ตามที คุณมีความพอใจกับงานที่ทำอยู่ มีความเป็นหนึ่งเดียวกับงานที่ตัวเองทำ ผมเองก็อาจจะหาเงินจากงานที่ทำอยู่ได้ แต่ผมไม่เคยพอใจ มันไม่ใช่สิ่งที่เข้ามาเติมชีวิตผมให้เต็ม บอกตรงๆนะไมค์ ผมเคยมองดูรอน..” จอห์นหันไปมองภรรยาก่อนพูดต่อ
“คือผมก็มองดูงานเย็บปักถักร้อยที่เธอทำอยู่นั่นแหละจริงๆแล้วถ้าจะว่าไปมันก็ไม่ได้มีความหมายหรือความสำคัญอะไรกับโลกเลยจริงไหม..แต่มันเป็นงานที่ทำให้เธอมีความสุข ใครๆก็ชื่นชมกับฝีมือของเธอ บางคนถึงกับเขียนจดหมายมายกย่องชมเชยเสียด้วยซ้ำ” เขาเริ่มออกเดินต่อและไมค์ก็ออกเดินเคียงช้างไปด้วย
“ผมไม่ค่อยแน่ใจวาคุณจะรู้หรือเปล่าว่าตัวเองต้องการอะไร” ไมค์เอ่ยขึ้นอีก
“ผมเข้าใจที่คุณพูด เพราะผมไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด แม้แต่กับตัวเองมันก็ยังคลุมเครืออยู่ ผมคิดว่าการที่ตัวองอยากจะเป็นศิลปินนี่เป็นเพราะผมต้องการเกียรติยศชื่อเสียง อยากให้มีคนยกย่องฝีมือผมเมื่อเขาสามารถแปลความหมายที่ภาพที่ผมเขียนออก ผมต้องการความสุขแบบเดียวกับที่รอนได้รับมาแล้ว ความสุขที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นบุคคลพิเศษ ผมคิดว่าผมต้องการในสิ่งนั้นมากกว่า”
“ซึ่งผมก็หวังว่าคุณจะได้รับ เพราะคุณทุ่มเทให้กับมันตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้นเสียด้วยซ้ำ”
จอห์นเพียงแต่รับฟังคำพูดของเพื่อนเงียบๆ บุรุษทั้งสองเดินต่อไปด้วยกันอีกพัก จึงได้เดินย้อนกลับมายังที่ภรรยาของพวกเขานั่งอยู่
ในยามนี้ทั่วทั้งชายหาดว่างเปล่า ปราศจากผู้คนนอกจากพวกเขาทั้ง 4 นกนางนวลถลาร่อนอยู่เหนือศีรษะ ส่งเสียงเพรียกหากันและกันอยู่ ลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่ทาบอยู่กับท้องฟ้าเมื่อครู่เลือนหายไปแล้ว มันคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นมาฉุดกระชาก ทั้งสีสันและมวลเมฆออกไปจากท้องฟ้าจนหมดสิ้น ทุกสิ่งตกอยู่ภายใต้แสงสีเงินของยามอาทิตย์อัสดง แสงสว่างที่ธรรมชาติประสมประสานขึ้นในยามนี้ สร้างความรู้สึกหวั่นไหวให้เกิดขึ้นกับจิตใจไม่น้อยเลย
“ผมอยากให้คุณเข้าใจว่า ผมต้องการในสิ่งพิเศษนั้นอย่างแท้จริง” จอห์นเอ่ยย้ำกับไมค์ “ซึ่งมันก็หมายถึงว่าผมอยากเป็นบุคคลพิเศษด้วย”
“คุณน่ะมันมีความเป็นพิเศษเหนือกว่าใครในหมู่พวกเราอยู่แล้วละ” ไมค์ตบไหล่เพื่อนพร้อมกับยิ้มให้ ซึ่งจอห์นก็ยิ้มตอบ
ค่ำวันนั้น ฝนตกลงมาอย่างหนัก ลมพัดแรงจัดขึ้นทุกขณะ เพื่อนรักทั้ง 4 นั่งอยู่ด้วยกันในห้องรับประทานอาหารเพดานสูง เตาผิงที่ลุกโชนช่วยขับไล่ความหนาวเย็นออกไปได้มาก ต่างเพลิดเพลินอยู่กับหมากฮอส
“ฉันชอบไอ้หินก้อนเล็กๆที่เอามาใช้แทนเบี้ยพวกนี้จัง” รอนหยิบก้อนกรวดสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาพิจารณา “สวยอย่างกับเพชรแน่ะ”
“จริงด้วย” โบลีนสนองรับ “เกมหมากฮอสนี่ตัวมันสวยดี ตารางสี่เหลี่ยมเล็กๆนี่ก็สลับกันไปมา ความคิดของคนสมัยก่อนเข้าท่าดีจังนะรอน ฉันว่าเกมแบบนี้จะต้องมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณแน่เลย”
ไมค์เท้าศอกอยู่กับโต๊ะ จับตามองกระดานหมากฮอสตรงหน้า พิจารณาอยู่ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรดี
“รู้สึกว่าเราจะเดินได้อีกตาเดียวเท่านั้นละมังไมค์” จอห์นเอ่ยขึ้น “สงสัยจะเข้าตาจนเสียแล้ว”
“ก็ทำนองนั้นแหละ” รอนเสริม
เสียงลมกระแทกอยู่กับบานหน้าต่าง เสียงที่สอดแทรกเข้ามาภายในห้องที่สงัดเงียบนั้นฟังราวเสียงครวญคร่ำ ขณะเดียวกันบานหน้าต่างก็สะท้านไหวราวกับถูกจับเขย่า ราวกับใครสักคนกำลังพยายามจะเข้ามาในบ้าน
“บรรยากาศน่ากลัวดีเหมือนกัน” ไมค์เอ่ยขึ้นลอยๆ เลื่อนก้อนกรวดตรงหน้าไปยังตาที่กำหนดไว้ในใจ
“แต่อย่างน้อยไฟในเตาผิงมันก็ให้ความอบอุ่นกับเราได้มากละ” โบลีนว่า
“ผมดีใจที่คุณมีความสุข” จอห์นพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุณรู้ไหมว่ากว่าที่เราจะได้อุ่นสบายอย่างนี้ไม่รู้ใช้เงินไปเท่าไหร่ต้องขนฟืนใส่เรือเฟอรี่มาเพราะบนเกาะแนนทัคเคทนี่ไม่มีต้นไม้ที่ใหญ่พอจะเอามาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ เพราะฉะนั้นไม้ดีๆที่เราเอามาทำเชื้อเพลิงถึงได้ราคาแพงเป็นทองคำทีเดียว คุณเชื่อไหมว่าตอนที่เราขนย้ายทั้งเครื่องเรือนและก็ขนไอ้ไม้บ้านี่มา เราต้องเสียค่าขนส่งตั้งพันเหรียญเชียวนะ”
“โธ่เอ๊ย..”โบลีนร้อง “ก็เครื่องเรือนของคุณน่ะมันของหนักๆทั้งนั้น แล้วก็ล้วนแต่เป็นเครื่องเรือนแบบโบราณอีกต่างหาก น้ำหนักเป็นตันละมัง แต่ฉันว่าพอเอามาตั้งไว้ที่นี่มันกลับเหมาะกับบ้านมากเลยนะ อย่างกับเครื่องเรือนที่ออกแบบมาสำหรับบ้านนี้โดยเฉพาะอย่างนั้นละ ดีกว่าตั้งไว้ที่อพาร์ตเม้นท์ที่โน่นตั้งเยอะ”
เสียงลมพรูลงมาตามปล่องไฟ ควันคลุ้งตะหลบอบอวลขึ้นทั้งห้อง สายฝนกระหน่ำเข้ามาตามช่องทางเดียวกัน พรมลงบนขอนไม้ที่ลุกโพลง
“ไม่รู้สินะ ฉันว่าถ้าเป็นฉันละก็เห็นจะอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่ถึงปีหรอก นี่แค่เดือนพฤศจิกาฯอากาศยังหนาวเย็นเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว” โบลีนเอ่ยขึ้นอีก
“ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเกาะแนนทัคเคทนี่มันเป็นพื้นที่ราบเสียส่วนใหญ่ แล้วก็อยู่โดดเดี่ยวกลางมหาสมุทร เพราะฉะนั้นลมมันมีแรงเท่าไหร่ก็เลยโถมเข้ามาได้อย่างเต็มที่” จอห์นพูดเป็นเชิงอธิบาย “แต่ต่อให้มีพายุรุนแรงขนาดไหนมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เพราะมันเป็นเพียงแค่พายุที่พัดผ่านไปไม่ถึงกับทำลาย”
“ฉันว่าที่นี่มันโรแมนติกดีออก” รอนพูดอย่างมีเลศนัย
“ผมว่าตัวเองโชคดีตรงที่ไม่ต้องอ่านบิลค่าไฟคุณ” ไมค์พูดยิ้มๆ
“เราชนะแล้ว” โบลีนร้องออกมาเมื่อวางกรวดลงในช่องสุดท้าย
“ก็พวกผู้ชายนี่น๊า มัวแต่พูดจาเป็นเขิงตรรกะกันอยู่นั่นแหละ ถึงได้แพ้ยังไงล่ะ” รอนหัวเราะชอบใจที่ฝ่ายหญิงชนะได้ “ฉันจะไปชงไอริชคอฟฟี่ให้กินกัน”
“เยี่ยม..” โบลีนร้อง “ฉันไม่ได้ลิ้มรสกาแฟไอริชมาตั้งหลายปีแล้ว หวังว่ากาแฟที่ใส่เหล้านี่คงไม่เป็นอันตรายกับลูกในท้องหรอกนะ หรือคุณว่าไงคะไมค์” เธอเดินไปทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างสามี “อีกอย่างหนึ่งตอนที่กินดินเนอร์เราก็ไม่ได้ดื่มไวน์กันอยู่แล้ว”
“ยอดรัก..ผมรับรองว่าแค่แอลกอฮอล์นิดๆหน่อยๆ นี่มันไม่ทำให้ลูกเราเกิดมาเป็นคนขี้เมาได้หรอกน่า” เขารั้งร่างภรรยาเข้ามาหาและก้มลงจูบตรงหน้าท้อง
