ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
นัฐพลฟังแล้วก็อึ้งๆ ไป ก่อนจะถามกลับสาวสวย “พนักงานคนที่คุณแพรรี่พูดถึง คือนายทัพพ์หรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ ว่าแต่คุณนัฐพลตกลงแล้วใช่ไหมคะ”
“เอาเป็นว่าทางผมไม่มีปัญหาอะไร แต่เรื่องนี้คุณแพรรี่คงต้องไปถามเจ้าตัวเองนะครับว่าจะเอายังไง” แม้จะไม่รู้เหตุผลของหญิงสาว แต่ในเมื่อเธอกล้ามาขอกันซึ่งๆ หน้า เขาก็กล้าพอที่จะตกลง
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉันกับลูกน้องของคุณคุยกันแล้ว”
“ถ้าคุยกันแล้ว งั้นผมก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ” จบคำเจ้าของผับ พิมพ์พิศาก็หันมาสะกิดเพื่อนรักให้ลุกขึ้น เพราะตอนนี้เธออยากกลับไปพักผ่อน แต่อัสมากลับอิดออด เพราะยังอยากทำความรู้จักกับเจ้าของผับต่อ แต่เมื่อเจอสายตาเขียวปั้ดของเพื่อนเข้า เจ้าตัวเลยจำใจลุกขึ้น แต่ก่อนที่ทั้งสองสาวจะออกจากห้องไปเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังของนัฐพลก็พูดขึ้นว่าอย่าลืมมาเที่ยวผับของผมอีกนะครับ ทำให้อัสมาหันขวับกลับมาตอบรับว่า ‘จะแวะมาอีกแน่ๆ’
“เก็บอาการหน่อยค่ะคุณอัสมา” ทันทีที่ก้าวพ้นจากห้องมาได้พิมพ์พิศาก็พูดกับเพื่อนรัก ขณะที่อัสมาก็ค้อนขวับเข้าให้ เพราะอาการของเธอตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากตอนที่พิมพ์พิศาหันไปเจอพนักงานหนุ่มที่ชื่อทัพพ์ จนถึงขั้นมาขอยืมตัวไปอยู่ด้วยตั้งสามเดือน!
“ทัพพ์! นายเลิกงานได้เลย แล้วก็ขับรถไปรับฉันหน้าผับด้วย อย่าไปช้าล่ะ” พูดจบพิมพ์พิศาก็เปิดกระเป๋าส่งกุญแจรถให้ ขณะที่คนรับคำสั่งก็ยังยืนนิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม แต่ไม่ทันได้ซักถามอีกฝ่ายก็ยัดกุญแจรถมาให้แล้วเดินจากไป เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้านายของเขาก็เดินออกมาพอดีและทันได้ยินที่สาวพูดกับทัพพ์ เลยบอกให้ทัพพ์ทำตามคำสั่งของลูกค้าคนสวย
“อัสมา! แกปล่อยให้ยัยแพรรี่ไปกับผู้ชายคนนั้นสองต่อสองได้ไงเนี่ย” เสียงแหลมบาดหูของเอเรียดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะมายืนเคียงคู่กับอัสมา ถัดไปก็เป็นเนตตี้ที่ก็ได้แต่มองตามท้ายรถหรูของเพื่อนรักไปอย่างงุนงง เมื่อเจ้าตัวมาหนีกลับก่อน ทั้งที่เป็นคนชวนเพื่อนออกมา
“ก็นั่นน่ะสิ ทีตอนจะมาพูดอ้อนวอนให้มาให้ได้ แต่เจ้าตัวดันมาหนีกลับกับผู้ชายซะงั้น ยัยแพรรี่นี่เพี้ยนหนักขึ้นทุกวัน” พูดจบเนตตี้ก็ส่ายหน้าไปมา หลังถูกอัสมาเดินเข้าไปชวนกลับทั้งที่กำลังสนุก
“เพี้ยนมากๆ เลยแหละ”
“อัสมา แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง” ทั้งเนตตี้ เอเรียหันขวับมาถามอย่างพร้อมเพรียง
“ก็ยัยแพรรี่เพี้ยนหนัก ถึงขนาดลากฉันเข้าไปขอตัวพนักงานกับเจ้าของผับ เพื่อให้พนักงานคนนั้นไปอยู่ด้วยสามเดือน”
“อะไรนะ!!” สองสาวประสานเสียงกันอีกครั้ง
“แกสองคนไม่ต้องมาซักไซ้ฉันนะว่าทำไมถึงยอมให้ยัยแพรรี่ไปทำแบบนั้น เพราะฉันก็ไม่รู้ล่วงหน้า พอไปถึงนางก็พูดๆ แล้วก็เดินออกมา แล้วก็ออกไปกับพนักงานคนนั้น แล้วนางก็บอกว่าไม่ต้องตาม!” พูดจบอัสมาก็ถอนหายใจ เพราะไม่เข้าใจว่าพิมพ์พิศาคิดอะไรอยู่
“ไม่ตามไม่ได้ ฉันเป็นห่วงยัยแพรรี่ แต่เดี๋ยวฉันไปเอารถก่อนนะ ส่วนแกสองคนรออยู่ตรงนี้แหละ” เอเรียหันหลังจะเดินไปเอารถ ทว่าอัสมารั้งแขนเอาไว้
“ยัยแพรรี่ไม่ให้ใครตามไป แถมนางยังบอกด้วยว่าถ้าใครตามไป นางจะโกรธ!” อัสมาไม่ได้พูดเกินจริง แต่ก่อนจะขึ้นรถไปกับพนักงานหนุ่ม พิมพ์พิศากำชับไว้แบบนี้จริงๆ
“ถ้าไม่ตามไปแล้วเกิดพนักงานคนนั้นทำร้ายยัยแพรรี่ขึ้นมา จะทำยังไง” เอเรียยังไม่คลายความกังวลและหวาดกลัวไปสารพัด แต่ก็รู้ดีว่าหากพิมพ์พิศาบอกแบบนั้นเป็นอันรู้ดีว่าเจ้าตัวไม่อยากให้ใครตามไปจริงๆ
“ฉันก็ห่วงยัยแพรรี่เหมือนกัน แต่นายทัพพ์อะไรนั่นก็สัญญากับฉันก่อนไปนะว่าจะไม่ทำร้ายยัยแพรรี่”
“แล้วแกมั่นใจได้ไง” เนตตี้แย้งขึ้นมาบ้าง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันเชื่อสายตาฉันว่านายคนนั้นเป็นคนดี” สิ้นเสียงของอัสมา ทั้งเอเรียและเนตตี้ก็พากันถอนหายใจแรงๆ ก่อนเอเรียจะโทรหาพิมพ์พิศาและได้พูดคุยกัน และได้คำตอบอย่างที่อัสมาบอกนั่นก็คือไม่ให้ใครตามไป ทำให้ทั้งสามสาวอ่อนใจยอมทำตามคำขอร้องของพิมพ์พิศา ก่อนจะพากันเดินทางกลับไปพักผ่อน ทั้งที่ใจยังคงกระวนกระวายเป็นห่วงพิมพ์พิศา ส่วนทางด้านคนที่ทำให้เพื่อนๆ เป็นห่วงกำลังนั่งจิบไวน์อยู่ภายในห้องพักกับพนักงานหนุ่ม และหัวข้อในการสนทนาก็คือการซักประวัติของกันและกัน
