ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
“นี่นายไม่เคยเจอหน้าพ่อเลยเหรอ” พิมพ์พิศาถามด้วยความสงสัย เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าตั้งแต่จำความได้ก็มีเพียงมารดาเท่านั้นที่ดูแลมาตลอด
“ครับ ไม่เคยเห็นเลย” แต่ก็ใช่ว่าเขาไม่อยากรู้ว่าใครคือพ่อของเขา แต่จะให้เขาไปถามเรื่องนี้กับมารดาเขาก็ไม่อยากไปถามให้ท่านสะเทือนใจ อีกอย่างทุกวันนี้เขามีแม่คนเดียว ชีวิตของเขาก็มีความสุขอยู่แล้ว
“แล้วนายไม่อยากรู้เหรอว่าใครคือพ่อของนาย” ถามจบเธอก็ส่งขวดเครื่องดื่มให้อีกฝ่าย ทัพพ์ลังเลที่จะรับ เพราะเขาไม่นิยมดื่มของมึนเมา แต่เมื่อถูกคะยั้นคะยอให้รับเขาจึงรับมาแล้วกระดกดื่มพอเป็นพอพิธี
“เอาจริงๆ ผมก็อยากรู้ว่าใครเป็นพ่อ แล้วทำไมต้องทิ้งผมกับแม่ไป แต่ผมไม่อยากรื้อฟื้นให้แม่ต้องเสียใจกับเรื่องนี้ ผมเลยตัดสินใจว่าจะไม่ถามและไม่ตามหา” ปากหยักแค่นยิ้มให้ตัวเอง เพราะยังจำได้ดีว่าสมัยเด็กๆ เขามักจะโดนล้อประจำว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ และนี่ทำให้เขามีเรื่องชกต่อยเป็นประจำ
“ฉันขอโทษ” เมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของอีกฝ่ายพิมพ์พิศาจึงรีบขอโทษ
“คุณแพรรี่มาขอโทษผมทำไม” ถามจบก็กระดกเครื่องดื่มอีกครั้ง ก่อนจะวางลงบนโต๊ะกระจก แล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา สายตาจับจ้องไปที่เจ้าของห้องพักหรู ที่เขาก็เดาไม่ผิดว่าเธอเป็นลูกคุณหนู หลังจากได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอ ที่นามสกุลดัง และไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลสุวรรณธิรารัตน์
“ก็ขอโทษที่ฉันไปถามเรื่องที่ทำให้นายไม่สบายใจไง”
“งั้น...ผมขอเป็นฝ่ายถามคุณบ้างได้ไหม” ถามเสียงทุ้มน่าฟัง ตาคมจับจ้องที่ดวงหน้าเนียนสวยไม่วางตา ทำเอาคนถูกจ้องชักร้อนๆ หนาวๆ
“จะถามก็ถามมาสิ แต่อย่ามาจ้องฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”
“แล้วผมจ้องแบบไหนล่ะ” ทัพพ์ยอกย้อน หน้าทะเล้น
“นายทัพพ์!” พิมพ์พิศาตวาด สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจมากที่อีกฝ่ายทะเล้นใส่
“โอเค! ผมไม่กวนแล้ว” ทัพพ์ยกมือยอมแพ้ ก่อนที่บรรยากาศการสนทนาจะเสียไปมากกว่านี้
“คราวหลังก็อย่าทำให้ฉันอารมณ์เสียอีกแล้วกัน”
“ครับ”
พิมพ์พิศายกยิ้มพอใจเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับเสียงเรียบๆ “จะถามอะไรฉันก็ถามมาสิ”
“ทำไมคุณไม่ให้เพื่อนๆ มาอยู่เป็นเพื่อน ดูท่าทางเพื่อนคุณเป็นห่วงคุณมาก” ทัพพ์ถามขณะที่สายตาจับจ้องที่ริมฝีปากเรียวสวยที่กำลังเปิดอ้ารับไวน์เข้าไป ภาพนั้นทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่ม แอบคิดว่าหากปากสวยๆ คู่นั้นกำลังอ้ารับลูกชายของเขาเข้าไป คงได้อารมณ์มากกว่านี้แน่
“ฉันรู้ว่าเพื่อนห่วง แต่คืนนี้ฉันอยากอยู่กับนายมากกว่า”
“ทำไม”
“ฉันมีเหตุผลของฉัน ส่วนนาย กลัวหรือไงที่ต้องมาอยู่กับฉันสองต่อสอง แต่ฉันว่านายไม่ต้องกลัวหรอก นายไม่ใช่สเปกฉัน!”
“พูดแบบนี้ผมก็เสียใจแย่”
พิมพ์พิศาฟังแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย
“แล้วทำไมคุณถึงเจาะจงให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อน หน้าตาอย่างผมน่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ไม่รู้สิ แต่ในเมื่อฉันติดสินใจจะทำอะไรแล้ว ฉันก็ไม่กลัว” คนบอกไม่กลัว ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่ออีกฝ่ายขยับมานั่งข้างๆ
“นายจะทำอะไร!” พิมพ์พิศาถามหน้าตาตื่น
“ผมก็แค่อยากนั่งใกล้ๆ คุณ” ขาดคำก็หัวเราะเสียงดังที่ได้เห็นสีหน้าตื่นกลัวของคุณหนูคนสวย ทั้งที่เจ้าตัวเพิ่งจะบอกว่าไม่กลัว แต่เพียงแค่เขาขยับมานั่งใกล้ เจ้าตัวก็ถึงกับตื่นตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
“ฉันไม่อนุญาต! นายรีบกลับไปนั่งที่เดิม เดี๋ยวนี้” พิมพ์พิศาพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นออกคำสั่งกับคนหน้าทะเล้น
“ถ้าผมกลับไปนั่งที่เดิม แล้วเราจะคุยกันรู้เรื่องเหรอครับ” ทัพพ์ไม่พูดเฉยๆ แต่ขยับย้ายที่เข้าไปนั่งเบียดคนสวย และเขาก็เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่ากลิ่นกายของเธอช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน
“ฉันไม่ได้หูตึง ทำไมจะคุยกันไม่รู้เรื่อง” เสียงหวานโต้กลับแทบจะทันที พลางมองด้วยสายตาขุ่นขวาง บอกเป็นนัยว่าให้รีบย้ายก้นไปนั่งที่เดิม ไม่งั้นเธอจะเอาขวดเหล้าฟาดไม่ยั้ง
“แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่หูตึงนะครับ”
“นายทัพพ์!” พิมพ์พิศาตวาดกร้าว มือก็หันไปคว้าขวดไวน์ที่อยู่ใกล้มาถือไว้
