5 ตัดขาดจากโลก
สี่ปีแล้วตั้งแต่จูมี่เอินเข้ามายึดอารามในวันแรก
หลี่ลู่ซือโค้งหัวลงเล็กน้อยรับไหว้จากชาวบ้านที่มาอารามและกำลังจะลากลับ
ยามนั้นเมื่อมองผู้มาเยือนจากไปก็ทอดสายตากลับไปมองเด็กสาวที่ลานกว้าง กำลังขมักเขม้นกวาดพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ นางสวมใส่ชุดเก่าๆ สีน้ำเงินเข้ม ชายเสื้อขาดหลุดรุ่ยหลายส่วน ผมถูกมัดไว้ลวกๆ คล้ายไม่ใส่ใจกับรูปลักษณ์ของตน
นึกถึงตอนที่นางเริ่มพูดกับเขาใหม่ๆ เมื่อสามปีก่อน ยามนั้นนางเองก็เริ่มเปิดใจคุยกับชาวบ้านที่มายังอารามบ้าง แต่หลังจากที่นางทักท้วงบางอย่างไปคนที่หมู่บ้านก็เริ่มมาที่อารามน้อยลง เขาสังเกตก็ได้รู้ว่านางนั้นมีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น
นึกถึงครั้งที่นางพยายามขอให้เขารับนางเข้ามาในฐานะนักบวชหญิง เขาก็ลังเลเพราะรู้ว่านางไม่อาจเป็นแค่นักบวชหญิงธรรมดา จึงยังชั่งใจอยู่นานจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่อาจตัดสินใจได้เสียที ตอนหลังเมื่อนางไม่รบเร้าเรื่องนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกเช่นกัน
จูมี่เอินที่กวาดพื้นเอาเป็นเอาตายเองก็นึกถึงเรื่องที่ตนทำพลาดอีกแล้วเมื่อสามปีก่อน หลังจากเริ่มพูดคุยกับคนอื่นได้อีกครั้งก็เกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้
นางย้อนนึกถึงช่วงเวลานั้น
ในตอนนั้นแม่เฒ่าเมิ่งมาลูบหัวนาง จูมี่เอินก็เกิดภาพนิมิตร ดวงตาเปล่งแสงสีทองอ่อนแว็บหนึ่งแล้วนางก็ร้องไห้ออกมา
ยายเฒ่าตกใจกอดนางไว้ในอก เฝ้าถามว่านางเป็นอะไรอยู่นานสองนาน จนจูมี่เอินตัดสินใจพูดออกไป
"ท่านยายท่านจะไม่ได้มาหาข้าอีกแล้ว ฮึก ข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น" จูมี่เอินสวมกอดท่านยายแน่น แม่เฒ่าเมิ่งเป็นเหมือนมารดาของตนอีกคนไปแล้ว นางไม่อยากให้แม่เฒ่าเมิ่งจากไป แต่จูมี่เอินไม่ได้พูดทั้งหมด ว่าหญิงชราจะจากไปยังไง
เพราะที่ผ่านมานางพยายามบอกคนในหมู่บ้านให้พวกเขาระวังเรื่องใดบ้าง แต่กลับถูกตีความหมายไปเป็นอย่างอื่น นางเลยคิดว่าเรื่องที่นางเห็นไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ครานี้ได้เห็นแม่เฒ่าเมิ่งจากไปนางเลยไม่ได้บอกว่าแม่เฒ่าเมิ่งจะจากไปยังไง
เป็นครั้งแรกที่มีคนเห็นดวงตาของนางแล้วไม่วิ่งหนี ไม่หวาดกลัว แม่เฒ่าเมิ่งกลับสวมกอดนางด้วยความรักและเป็นห่วง ถึงจะไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กน้อยพูดแม้แต่น้อย ได้แต่กอดปลอบนาง นานสองนานอยู่อย่างนั้น
ในหลายวันต่อมาจูมี่เอินก็ได้รับข่าวร้ายถึงการจากไปของแม่เฒ่าเมิ่ง นางร้องไห้อยู่หลายวัน ร่างกายที่ผอมอยู่แล้วยิ่งซูบลงไปหลายส่วน
ทำใจอยู่นานหลายเดือน จนภายหลังนางลองชั่งใจบอกคนที่มาที่อาราม ว่าพวกเขาจะเจอเรื่องร้ายอะไรบ้าง เช่นบางคนที่นางเดินชนเขาก็เกิดภาพนิมิตรขึ้นมา เห็นเขาจะแขนขาดเพราะอุบัติเหตุจากการทำงานของเขา
บางคนนางลองจับไปที่ไหล่ของเขา นางก็ได้เห็นเขาเดินตกภูเขา นางก็เตือนไป
บางคนนางไม่ได้โดนตัวเพียงแค่เดินผ่านก็เห็นว่าเขาจะโดนกับดักสัตว์งับขาจนขาด แต่เมื่อนางพูดไปแล้วพวกเขาก็ไม่เชื่อ หาว่านางบ้า
ทว่าเมื่อคนเหล่านั้นพบเจอเรื่องพวกนั้นเข้า ทั้งที่ตนเองไม่ระวังเอง แต่ด้วยความกลัวกลับโทษนางเป็นต้นเหตุ กลายเป็นว่าทุกคนเริ่มหวาดกลัวนาง กล่าวหานาง คล้ายเหตุการณ์เดิมซ้อนทับขึ้นมาอีกครั้ง นางกลายเป็นปีศาจสำหรับคนอื่นไปโดยปริยาย
ต่อจากนั้นก็ไม่ค่อยมีคนมาที่อารามอีกเลย เพราะข่าวของนางถูกแพร่ออกไปในหมู่บ้าน เป็นท่านอาจารย์และศิษย์พี่ต้องออกไปหาพวกเขา ปลอบประโลมคนเหล่านั้นเพื่อให้พวกเขากล้ามาที่อารามต่อ ไม่เช่นนั้นนาง ศิษย์พี่ และอาจารย์ก็คงต้องย้ายอารามใหม่ แต่มันใช่เรื่องที่ทำได้โดยง่ายเสียทีไหน กว่าจะกลับมาเป็นดั่งเดิมได้ก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน
เป็นนางผิดเอง นางเข้าใจโลกอย่างท่องแท้ขึ้นอีกหลายส่วน
ต่อจากนั้นด้วยความยังเด็ก อยู่ในวัยเพียงสิบเอ็ดขวบ นางเลยเข้าใจไปว่านางไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิดได้ และสิ่งที่นางเป็นนางไม่สามารถควบคุมการมองเห็นได้ มีสิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจก็คือสิ่งที่นางเห็นนั้นจะเกิดขึ้นจริงทั้งหมด นิมิตรของนางไม่เคยพลาด
พอหลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายในตอนนั้นมานางก็ไม่ค่อยพูดคุยกับใครอีก มีเพียงอาจารย์และศิษย์พี่เท่านั้นที่นางจะพูดด้วยเท่านั้น
ครั้นพอคนมาที่อารามนางก็จะหลบไป หลีกหนีจากพวกเขาให้ไกล เมื่อพวกเขาออกไปแล้วนางก็จะออกมาทำงานของตน ปัดกวาดเช็ดถู หาบน้ำ ทำอาหาร เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งสามปีหลังเรื่องเกี่ยวกับตัวของนางก็เริ่มเงียบไป
..........
ในตอนนี้จูมี่เอินอายุสิบสี่ปีแล้วถึงออกมาเจอผู้คนได้ปกติ ด้วยเพราะอาจารย์สั่งให้ออกมาเผชิญโลกภายนอกบ้าง นางจึงจำใจออกมา
เมื่อออกมาก็รู้ว่าพวกเขาจำนางไม่ได้แล้วจึงสบายใจขึ้นมาบ้าง ที่นางไม่ออกมาเลยเพราะไม่อยากทำให้อาจารย์และศิษย์พี่ลำบาก แต่พอเห็นว่าเป็นเช่นนี้แล้วก็โล่งใจขึ้นมาได้บ้าง จากเด็กสาวที่เคยร่าเริ่งมากเริ่มเก็บงำความรู้สึกอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
และนางเองก็ไม่ทักไม่ท้วงเรื่องความตายของใครอีกเลย นางได้บทเรียนถึงสองครั้งสองครา ตัดสินใจแน่แล้วว่าจะไม่มีครั้งที่สาม
ตอนนี้คนในหมู่บ้านลืมเรื่องจูมี่เอินไปจนหมดและคิดไปว่าหญิงสาวที่หน้าตาดีที่อารามหลวงนั้นเป็นใบ้พูดไม่ได้ ทุกคนจำไม่ได้แล้วว่านางคือเด็กที่เคยทำให้พวกเขาหวาดกลัวเมื่อหลายปีก่อน ด้านจูมี่เอินไม่รู้หรอกว่าตนหน้าตาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน คิดไปเพียงว่าคนที่หมู่บ้านลืมเรื่องของตนไปแล้ว
