40 ข้าคือหัวหน้าผู้นำเสบียง
สามวันต่อมา
ขบวนเสบียงช่วยเหลือมาถึงหมู่บ้านแล้ว เจียงหลี่เฉียงหมอที่ทำการส่งจดหมายของความช่วยเหลือเมื่อได้ทราบข่าวก็รีบวิ่งออกมาทันที่ มองเห็นขบวนรถขนของเรียงรายยาวสุดลูกหูลูกตาที่หน้าหมู่บ้าน ด้านหน้าสุดยังมีคนบนม้าอีกสิบกว่าคนคล้ายผู้คุ้มกัน
"ท่านหมอ" เสียงของผู้นำขบวนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงใสก้องกังวาลไพเราะเอ่ยเรียกฝั่งตรงข้ามคล้ายสนิทสนม คล้ายคนที่รู้จักมานาน และเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อยู่กลายๆ
"ท่านคือ?" เจียงหลี่เฉียงไม่ทราบว่าคนในชุดคลุมสีน้ำเงินคือผู้ใคร รู้เพียงว่าเป็นสตรีนางหนึ่งที่มีน้ำเสียงก้องกังวาลบางเบาคล้ายระขังที่ดังจากไกลๆ เป็นเสียงที่ฟังได้ชัดแต่ไม่หนวกหูเลยสักนิด
คราแรกที่ได้ยินว่าทางการส่งสมุมไพรตามที่ได้ขอไปมาให้รวมทั้งน้ำและอาหารเขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คิดว่าตนเองแก่จนหูตึงไปเสียแล้ว เพียงแค่หกวันหลังจากจดหมายส่งไปของก็ถูกส่งมายังหมู่บ้าน เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้จริงๆเพราะสมุนไพรนั้นไม่ใช่แค่หยิบมือ หากแต่ต้องการเป็นจำนวนมาก การจะหาได้ในเวลาอันสั้นไหนจะเรื่องขนส่งอีก ใช้เวลาเพียงแค่หกวันดูเหมือนจะเกินจริงไปบ้าง
แต่ยามนี้เล่า เมื่อได้เห็นขบวนเสบียงที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ก็รู้ได้ทันที ชาวบ้านมีทางรอดแล้ว! ยังคิดว่าหากไม่ได้รับการตอบกลับเขาจะส่งจดหมายอีกรอบแล้ว หมึกก็เตรียมแล้ว พู่กันกับกระดาษก็เตรียมแล้ว กำลังจะลงมือเขียนจดหมายฉบับที่สองก็ได้ยินชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งมาแจ้งเสียก่อน
"ข้าเป็นคนของวังหลวงเจ้าค่ะ" หญิงสาวยกมือเรียวยาวขึ้นเปิดผ้าคลุมออก ผมดำขลับเมื่อได้สัมผัสกับสายลมก็สยายออกมาจากในผ้าคลุม ดวงหน้างดงามถูกผมบางส่วนที่กำลังปลิวไสวเพราะแรงลมบดบังไปเล็กน้อย แต่เพียงแค่นั้นก็รับรู้ได้ว่านางนั้นงดงามไม่แพ้น้ำเสียงที่น่าฟังเลยสักนิด
ภายดวงตาคู่สวยมีน้ำตาบางๆ เคลือบอยู่ยามพูดประโยคข้างต้นออกมานางก็ช้อนตาขึ้นมองป้ายชื่อหมู่บ้านจวง ต่อจากนั้นจึงก้มหน้าลงมองท่านหมออีกครั้ง "ข้ามีนามว่าจูมี่เอินเจ้าค่ะ"
สี่วันก่อนหน้านั้นที่ห้องทรงอักษร
'ทำแผนซ้อนแผนดีรึไม่เพคะ?'
รอจนคนที่ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ไปจัดเตรียมสมุนไพรจากไปจูมี่ เอินก็ลองเสนอแผนของตนดู
'ทรงรับสั่งให้คนที่พระองค์คิดเมื่อครู่เป็นคนส่งเสบียงไปเช่นเดิม แต่เราจะซ้อนแผนเขา ให้เขานำขบวนเสบียงปลอมออกไปก่อน กระสอบสมุนไพรข้างในให้บรรจุหินลงไปที่ชั้นล่างสุดของกระสอบเพื่อสร้างน้ำหนักให้สมส่วน จากนั้นใช้ฟางยัดให้กระสอบพองและเอาสมุนไพรเพียงเล็กน้อยไว้ด้านบนเพื่อตบตา กระสอบใช้แบบที่เป็นหูรูดเพื่อให้คนส่งเสบียงที่จะยักยอกของไปได้เห็นว่ามีของจริงๆ จากนั้นเราเอาผ้าคลุมอีกรอบ ด้านกระสอบข้าวยังไงต้องเย็บปิด จะตรวจสอบได้ก็คงแค่เจาะข้าวออกมาดูเล็กน้อยเท่านั้น ใช้ข้าวจริงแค่ส่วนที่อยู่ด้านนอกสุดเป็นพอ กระสอบด้านในใช้แค่หินและฟางทำให้มีขนาดเท่าๆ กัน แล้วให้เขาออกเดินทางไปก่อน'
'จากนั้น?'
มองเห็นสีหน้าที่เหมือนจะเห็นด้วยของเหรินโยว่หลุนแล้ว จูมี่เอินก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างคล้ายจะลุล่วงไปด้วยดี
'พอขบวนแรกออกเดินทาง ให้ส่งคนตามไป ในเมื่อเสบียงหายไปกลางทางเก้าส่วน อาจจะต้องมีการแวะเอาเสบียงไปเก็บระหว่างทางที่ใดที่หนึ่ง ยามนั้นอาจจะได้พบของที่เคยถูกยักยอกไปด้วย'
คนที่กล้าแม้กระทั่งขโมยของหลวงจักต้องเป็นคนใจกล้าเพียงไร โลภมากไม่กลัวถูกจับได้ขนาดไหน หากมีความกล้าเทียบฟ้าท้าดินขนาดนั้นย่อมไม่ใช่ทำเพียงแค่ครั้งสองครั้งแน่
'...' เหรินโยว่หลุนมองจูมี่เอินด้วยสายตาแปลกๆ ไปแว็บหนึ่ง นึกในใจว่า...นี่ใช่คนซื้อบื้อผู้นั้นหรือไม่?
'ครึ่งวันหลังจากรอบแรกถูกส่งไปเราค่อยนำขบวนจริงออกเดินทางเพคะ แต่ใช้ประตูหลังแทน อาจเสียเวลาไปบ้างแต่จะเลี่ยงคนของผู้ขนเสบียงรอบแรกได้ ทำให้เขาไม่ทันระวังตัวเอาเสบียงไปเก็บที่โกดังส่วนตัวของเขาระหว่างทาง ตอนนั้นจะได้จับเขาได้คาหนังคาเขา และเรื่องนี้ยังต้องปิดเป็นความลับมากกว่าเดิมด้วยเพคะ เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นคนของเขาบ้าง' จูมี่เอินยังคงกล่าวต่อ
'เป็นความคิดที่ดี ข้าจะสั่งให้คนเตรียมของตามนั้นเดี๋ยวนี้'
เหรินโยว่หลุนเริ่มแปลกใจที่นางฉลาดถึงเพียงนี้
'เดี๋ยวเพคะ' จูมี่เอินเรียกไว้ก่อนที่ฮ่องเต้จะได้ทันเรียกคนมาสั่งการอีกรอบ
'เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มอีกหรือ?'
'หม่อมฉันขอเป็นคนนำส่งขบวนไปที่หมู่บ้านด้วยตนเอง'
จูมี่เอินคิดว่าหากฮ่องเต้ยอมเห็นด้วยกับตนส่งนางไปพร้อมกับขบวน หลังจากวันนี้เมื่อส่งคนออกไปค้นหาหมู่บ้านให้เจอในเร็ววัน ครั้นเมื่อนางเดินทางไปถึง นางจะมองหาชื่อหมู่บ้านเป็นสิ่งแรก เผื่อถ้ายังมีการตายเกิดขึ้นของคนในหมู่บ้านมันจะเชื่อมมาในนิมิตรของนางทำให้นางได้รู้ชื่อของหมู่บ้านได้ไว้ขึ้น พอเห็นป้ายชื่อหมู่บ้านแล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาให้คนออกไปค้นหาอีก ตอนนี้เพียงให้ฮ่องเต้ยอมให้นางไป บางทีนางอาจจะได้เห็นภาพตามที่ตนคิดไว้ก็ได้
หากมันสำเร็จนางก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับดวงตาวิเศษของนางเพิ่มว่ามันมีส่วนได้ที่เอามาใช้ช่วยเหลือผู้คนได้บ้าง ทว่าคำตอบจากฮ่องเต้กลับทำให้จูมี่เอินรู้สึกผิดหวัง
'ไม่ได้ เสี่ยงเกินไป'
นั้นคือคำที่เขาบอกกับนาง
