บท
ตั้งค่า

39 มาดูกันว่าเจ้าจะทำตัวเป็นนักบวชได้นานขนาดไหน

"ท่านป่วยหรือ?"

พรืดดด เหรินโยว่หลุนถึงกลับหลุดหัวเราะ เขาพยายามจะกลั้นเสียงไว้เพี่อไม่ให้บุรุษผู้นั้นกลับมา ทั้งขำและถอดถอนใจอยู่ในคราเดียวกัน

ฮ่องเต้ทรงพระสรวล?

จูมี่เอินแปลกใจแต่นางก็ไม่ได้กล่าวอันใดออกไป หากทักท้วงไปเขาจะอาจจะมีท่าทีขึงขังขึ้นมาก็ได้ นางเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า ทำเพียงขยับตัวลงมานั่งที่ข้างตัวเขาอย่างระมัดระวัง

เหรินโยว่หลุนเองก็พอใจมากแล้วจึงยอมปล่อยนางลงจากตัวไป จากนั้นจึงเท้าแขนลุกขึ้นนั่งโดยมีมือเล็กของคนข้างตัวช่วยประคอง

"เข้านอนเถิด พรุ่งนี้เจ้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ" เขาไม่รีบ ยังมีเวลาอีกมากที่จะทำตามที่ตนเองวางแผนไว้ ถึงเหรินโยว่หลุนจะบอกตนเองเช่นนั้นแต่สายตากลับจ้องมองนางตลอด มองดูนางยืนขึ้นก่อน มองดูนางช่วยพยุงเขาตัวยืนขึ้น มองดูนางยกมือขึ้นมาร่ำลาเขา มองดูนางจากไป ใช้สายตาส่งนางจนสุดทาง

จูมี่เอินนั้นก็ซื่อบื้อเหนือใครเปรียบ นางก้มหน้าตลอดเวลาไม่รู้ว่ากำลังถูกมอง เมื่ออีกฝ่ายให้ไปนอนนางก็ไปทันที หากหันกลับมามองคนด้านหลังสักนิด บางทีอาจจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม

เหรินโยว่หลุนยกมือทาบที่หน้าอกของตน ยังรู้สึกได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือเล็กๆ นั้นได้อยู่เลย

"มี่เอิน" น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นกับตนเอง ดวงตาหลุบต่ำลงอย่างใช้ความคิด ใบหน้าที่ก้มลงทำให้แสงจากดวงจันทร์ส่องไม่เห็นไปครึ่งหน้า ในตอนนี้เขาดุเหมือนปีศาจเจ้าเล่ห์มากขึ้นไปทุกที

เช้าวันรุ่งขึ้นจูมี่เอินและเหรินโยว่หลุนมายืนมองขบวนรถที่ถูกบรรทุกสมุนไพร น้ำสะอาด ข้าวสารและอาหารแห้งที่เก็บได้นานออกจากวังหลวง ทั้งหมดมีเกือบสามสิบคัน ถูกคลุมด้วยผ้าสีน้ำตาลเข้มและมีตราของวังหลวงแคว้นเซียวสีขาววาดอยู่บนนั้น เป็นภาพแบบในนิมิตรที่ได้เห็นยามขบวนเคลื่อนตัวออกไป มือบางผสานกันที่เอวบีบมือเข้าหากันเบาๆ คล้ายกังวลแต่ก็เชื่อมั่นว่ามันจะสำเร็จ

เหรินโยว่หลุนยังคงมอบหมายงานให้ผู้ดูแลคนเดิมที่เขาคิดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะให้ดูแลการส่งเสบียงในครั้งนี้ไปที่หมู่บ้าน ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่หลังจากนี้จะขนเสบียงเกินเก้าส่วนเข้าโกดังของตนเอง

ร่างสูงในชุดดำทองหันกลับมายังด้านหลัง พบว่าจูมี่เอินยังคงมองขบวนรถจากไป

"ถ้าข้าเปลี่ยนแผนตอนนี้เจ้าจะว่าไง" จู่ๆ ก็นึกสนุกขึ้นมา ยิงคำถามที่คิดว่าจะได้เห็นท่าทางแบบอื่นจากนางออกไป

ควับ

คนที่มีท่าทางเหม่อลอยตอนแรกหันกลับมามองเขาทันที

"ฝ่าบาท" น้ำเสียงนางไม่ได้ดังแต่มีปลายเสียงที่คล้ายจะเอ็ดเขาเล็กน้อย

"หึ" เหรินโยว่หลุนอดขำท่าทางขึงขังจริงจังของนางไม่ได้ คิดไม่ผิดที่หยอกล้อนางเช่นนี้

จูมี่เอินเพิ่งจะรู้ตัวว่าถูกแกล้งก็หันหน้ากลับไปมองทางขบวนตามเดิม ทำเป็นไม่สนใจฮ่องเต้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตน นางยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งกลางลำตัว พึมพำบางอย่างคล้ายสวดมนต์ขอพรให้การเดินทางครั้งนี้สำเร็จลุล่วง

การกระทำนั้นอยู่ในสายตาของเหรินโยว่หลุนทั้งหมด

'เหอะ แสดงเก่งเชียวนะ มาดูกันว่าเจ้าจะทำตัวเป็นนักบวชได้นานขนาดไหน'

เหรินโยว่หลุนมองนางหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่นุ่มลึกขึ้นกว่าเดิม วันนี้นางสวมชุดที่เขาเพิ่งประทานให้ไป ชุดนักบวชหญิงสีขาวปักดิ้นทองทำให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วของนางคล้ายมีประกายแสงเพิ่มขึ้นมา ไอของสว่างเป็นวงกว้างรายล้อมรอบตัวของนาง หากเขาไม่รู้มาก่อนว่านางไม่ใช่นักบวชจริงๆ ยามนี้คงถูกท่าทางและแสงพวกนี้ของนางหลอกไปแล้ว

กงกงที่อยู่ไม่ไกลจากศาลายกสูงที่ฮ่องเต้และนักบวชหญิงยืนอยู่ก็ได้เห็นสายตาของฝ่าบาทกำลังมองนักบวชหญิงไม่วางตา ในใจได้แต่คิดว่าอย่าให้พระองค์ทรงหลงรักนักบวชหญิงท่านนั้นเลย ต่อให้พระองค์เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดของแคว้น แต่สิ่งใดไม่ควรก็คือไม่ควรอยู่ดี

ในสายตาของกงกงนักบวชหญิงท่านนั้นที่ถูกพากลับวังมาดูน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก การเดิน การวางตัวของนาง ไม่ต่างจากหัวหน้านักบวชหลวงฉือเจาเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่านางเป็นนักพรตลัทธิเต๋าอย่างสมบูรณ์แบบ หาใครที่จะเป็นเช่นนางได้ยากยิ่งนัก

หากฮ่องเต้หลงใหลในหน้าตางดงามของนางก็ช่างเถิด ในโลกนี้มีหญิงสาวอีกมากที่หน้าตางดงามไม่แพ้กันกับนาง ไม่นานพระองค์ก็จะเลิกสนใจนางเอง ยามนั้นก็ไม่ผิดต่อทั้งคู่และสวรรค์แล้ว

ถ้าหากนางไม่ใช่นักบวชก็ว่าไปอย่าง กงกงพร้อมจะมองผ่านๆ ไป ไม่สนว่านางไม่มีฐานะ ไม่มีญาติ ไม่มาจากตระกูลร่ำรวย เขาจะยอมหลับตาหนึ่งข้างเพื่อฝ่าบาท แต่ตอนนี้อีกฝ่ายคือนักบวชหญิงเขาก็ทำได้แค่ภาวนาในใจ ขอให้สายตาที่ฝ่าบาททรงมองท่านนักบวชเป็นแค่การหลงใหลเท่านั้นพอ หากมากกว่าความหลงใหลแล้วนั้นเขาแทบไม่อยากคิดถึงอนาคตเลยว่าจะเป็นยังไง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel