35 โรคระบาดของหมู่บ้านที่ไม่รู้ชื่อ
"โรคระบาด ท้องร่วง มากับน้ำ หมู่บ้านทางเหนือ" จูมี่เอินคล้ายยังจมดิ่งไปกับความรู้สึกที่ได้เห็นภาพเมื่อครู่ในหัวของนาง
"รู้ชื่อหมู่บ้านรึไม่?"
"ไม่ทราบเพคะ" จูมี่เอินไม่รู้ว่าหมู่บ้านแห่งนั้นชื่ออะไร นางได้เห็นหมอคนหนึ่งส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากทางการ บนแผ่นกระดาษนั้นเขียนเพียงตัวสมุนไพรที่ต้องการและชนิดของโรคเท่านั้น
ภายนอกโรงหมอนั้นนางได้ยินคนพูดถึงแค่ว่าหมู่บ้านทางเหนือ ภาพต่อมาก็เห็นผู้คนล้มตายจำนวนมาก
"มีอะไรที่เป็นจุดน่าสังเกตรึไม่ จะได้รีบส่งทหารออกไปค้นหาหมู่บ้านที่เจ้าเห็น เผื่อจะได้ยับยังไม่ให้คนในหมู่บ้านดื่มน้ำนั้น" เหรินโยว่หลุนกำลังจะหันไปทางหน้าประตูเพื่อจะเรียกองครักษ์ด้านหน้ามาสั่งงาน
แต่มือเล็กที่กำต้นแขนเขาไว้ก็บีบแน่น เขาหันกลับมามองนางก่อน เห็นดวงหน้างามเมื่อครู่ที่คราแรกมมีเพียงอาการตกใจตอนนี้กลับน้ำตานองเต็มสองแก้มนวล นางส่ายหน้า คล้ายเหม่อลอย แม้ดวงตาจะจ้องมองมาที่เขาโดยตรงแต่ราวกลับมองผ่านร่างของเขาไป
"ฝ่าบาท..." นางเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เหรินโยว่หลุนรู้สึกถึงน้ำหนักที่แขนที่ตนเกี่ยวเอวบางไว้ รับรู้ได้ว่ายามนี้เจ้าของร่างบางในชุดขาวคล้ายคนไม่มีขาเป็นของตนเองไปเสียแล้ว นางทิ้งน้ำหนักทั้งหมดให้เขาช่วยประคองตนเองไว้
"มีอะไรน่าเป็นห่วงกว่านั้นหรือ" เหรินโยว่หลุนโตมาในวัง สิ่งที่ถูกสอนเป็นอย่างแรกคือการรู้จักอ่านความคิดจากสีหน้าของผู้คน เขาเลยรู้ว่านางแปลกไปจากปกติ แม้นางจะเห็นเขาตายต่อหน้ามาแล้วในนิมิตรของนางแต่ตอนนั้นนางไม่ได้ตกใจถึงขนาดนี้ แสดงว่ามีอะไรที่น่าตกใจกว่านั้นอีกใช่หรือไม่
"ทุกคนในหมูบ้านติดโรคไปแล้ว" ปากเล็กยามเอื้อนเอ่ยออกไปก็สั่นไปด้วย เรียบเรียงเวลาที่คาดการณ์ในหัวกับจดหมายที่เห็น สลับกันไปมาในความคิด
"ไหนเจ้าว่าเจ้าเห็นอนาคต"
"เพคะ ไม่ผิด" นางสูดหายใจเข้าลึกๆ กลืนเสียงที่กำลังจะสะอื้นลงไป พยายามควบคุมตนเอง "สิ่งที่หม่อมฉันเห็นคือคนในหมู่บ้านนั้นเสียชีวิตทั้งหมด ก่อนที่มันจะเกินควมคุมหมอในหมู่บ้านได้ส่งจดหมายมาให้ทางการช่วยเหลือ แต่จดหมายนั้น ตอนท่านหมอกำลังเขียนเขาพูดว่า 'นี่ก็จดหมายฉบับที่ห้าแล้ว เหตุใดไม่มีคนลงมาช่วยเหลือ' แสดงว่าก่อนหน้าในนิมิตรได้ส่งมาแล้วสี่ฉบับเพคะ"
เหรินโยว่หลุนเข้าใจทันที แล้วก็นึกสงสัย
"จดหมายฉบับที่ห้าคืออีกเมื่อใด!" คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากัน
"อีกแปดวันจากนี่เพคะ ถ้าหม่อมฉันเดาไม่ผิดท่านหมอดูเหมือนจะส่งจดหมายทุกสามวันหลังจากฉบับที่สอง แสดงว่าจดหมายฉบับแรกควรมาถึงทางการนานแล้ว"
จดหมายฉบับแรกห่างจากฉบับที่สองหกวัน เหมือนทางนั้นกำลังรอทางการไปช่วยเลยไม่ได้ส่งจดหมายมาเพิ่ม หลังจากไร้การตอบกลับจากฉบับที่แรก ท่านหมอถึงส่งออกมาทุกสามวันแทน
เหรินโยว่หลุนขบกรามแน่น เหตุใดถึงไม่มีคนรายงาน!
จูมี่เอินคล้ายนึกอะไรได้นางรีบผละออกจากอ้อมกอดที่ช่วยประคองนางไว้ เบี่ยงตัวเดินไปทางโต๊ะทรงงานของฮ่องเต้ มือหนึ่งหยิบพู่กันจุ่มลงแท่นฝนหมึก มือหนึ่งหยิบกระดาษข้างโต๊ะมาวางตรงกลาง
เหรินโยว่หลุนแม้จะเสียดายที่ร่างบางหลุดออกจากวงแขนของตนไปแต่ก็ทำได้แค่ปัดเรื่องนั้นทิ้งไปก่อน เขาหันหลังเดินตามมาที่โต๊ะของตนเอง มองนางเขียนๆ อะไรบางอย่างลงไป พอนางเขียนเสร็จก็รีบยื่นให้เขา
"ในจดหมายท่านหมอขอรายการสมุนไพรตามนี้เพคะ หากเตรียมตอนนี้อาจจะยังช่วยได้ทัน" นางไม่แน่ใจทั้งยังกังวลอยู่มาก คนเหล่านั้นที่นางเห็นช่างน่าเวทนายิ่งนัก เป็นการเสียชีวิตของผู้คนมากที่สุดเท่าที่นางเคยเห็น แต่นางไม่มั่นใจเลย ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเปลี่ยนชะตาพวกเขาได้เหมือนกับที่ช่วยฮ่องเต้รึไม่
เหรินโยว่หลุนดึงมือเล็กที่ถือกระดาษไว้ให้ยื่นมาตรงหน้าตน ลายมือที่รีบร้อนของนางกลับอ่านง่ายและเป็นระเบียบ อีกทั้งดูเหมือนนางจะมั่นใจว่าเขียนชื่อสมุนไพรครบทุกตัวด้วย
พรึบๆ
แต่แล้วสายตาของนางกลับแปลเปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อกลับมาเป็นปกติได้นางก็รีบพูดกับเขาว่า
"สมุนไพรจะถูกส่งไปถึงหมู่บ้าน แต่จะหายไปมากกว่าเก้าส่วน" ที่นางรู้ถึงจำนวนเสบียงเพราะนางเห็นนิมิตรของคนผู้หนึ่งที่ถูกฮ่องเต้ลงโทษเกือบตายเนื่องจากยักยอกเสบียงสมุนไพรและอาหาร ก่อนที่จะเห็นจุดจบของชายผู้นั้นภาพตัดไปให้เห็นถึงสาเหตุการตายของเขา นางเห็นว่าเขายืนอยู่รวมกับขบวนรถเสบียงของวังหลวงที่มีเกือบสามสิบคันก่อนออกจากประตูวัง แต่ต่อมาก็ได้เห็นชาวบ้านที่ติดโรคก็ยังคงล้มตาย ในนิมิตรนั้นเห็นรถส่งเสบียงของวังหลวงแค่ไม่กี่คัน "ชาวบ้านพวกนั้นได้รับยาไม่เพียงพอ ทั้งยังขาดแคลนอาหาร พวกเขายังคงมีจุดจบเช่นเดิม" คล้ายเป็นภาพนิมิตรใหม่หลังจากนางได้ลองเปลี่ยนนิมิตรครั้งแรกโดยการให้ฮ่องเต้ส่งสมุนไพรไป ความตายของคนในหมู่บ้านยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เหรินโยว่หลุนเองพอได้เห็นรายชื่อสมุนไพรเมื่อครู่แล้ว ก็คิดเผื่อไปด้วยว่าจะส่งเสบียงไปให้ชาวบ้าน แต่พอนางเห็นนิมิตรใหม่เขาก็เข้าใจแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงที่เขาส่งเสบียงไปนั้นถึงมือชาวบ้านก็จริง แต่กลับได้ไม่ครบจำนวน
"เมื่อครู่ข้ายังจะคิดส่งเขาไป เขากลับยักยอกของหลวง!"
จูมี่เอินพอรู้ว่าฮ่องเต้ทรงคิดอะไรก่อนที่นางจะได้เห็นนิมิตรเมื่อครู่ก็เข้าใจถึงเรื่องราวต่อมาทันที ที่แท้การเห็นนิมิตรครั้งใหม่ก็เพราะฮ่องเต้ทรงมีความคิดจะส่งคนไป เป็นการเปลี่ยนชะตาในคราแรก แต่มันก็ไม่สำเร็จจึงทำให้นางได้เห็นคนล้มตายเช่นเดิมอีกครั้ง เป็นผลพวงต่อกันมา
"แต่ก็ได้รู้ว่าพระองค์ทำสำเร็จ เราหาหมู่บ้านเจอ" นางพูดด้วยความดีใจแววตาทอประกายแสง อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง
เหรินโยว่หลุนเผลอมองจูมี่เอินเนินนานโดยไม่รู้ตัว เป็นครั้งแรกที่เห็นสีหน้าดีใจของนาง เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมนางจึงไม่ค่อยยิ้ม เพราะนางเห็นคนตายมามากแต่กลับช่วยไม่ได้ ยามนี้เมื่อรู้ว่าตนเองอาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ก็เริ่มมีความหวัง มีความรู้สึกยินดีขึ้นมา
