บท
ตั้งค่า

31 เหรินเยว่เทียน

.......

"ท่านนักบวช" ชายคนหนึ่งที่ผ่านมาทางอารามได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่พอดี เขาเดินเข้ามาหาจูมี่เอินหลังจากขบวนของกงกงจากไป ร่างสูงยกมือข้างหนึ่งขึ้นทักทายนาง เรียนแบบท่าทางของนักบวช "ได้ยินว่าท่านนักบวชอยากไปที่อารามในเมืองหลวง?"

"..." จูมี่เอินมองการแต่งตัวของเขา นางไม่รู้จะเรียกเขาว่าอย่างไร ชุดที่เขาสวมไม่เหมือนชุดของขุนนางในวัง อีกทั้งการพบปะพูดคุยกับผู้คนก็ไม่ใช่ทางถนัดของนาง จึงทำได้เพียงนิ่งเงียบและยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งที่อกเท่านั้น

"ข้าเสียมารยาทแล้ว ลืมแนะนำตัวไปเสียได้" เหรินเยว่เทียนปกติไม่ต้องแนะนำตัวเอง คนทั้งวังต่างก็รู้จักเขากันหมดว่าเขาคืออ๋องห้าพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ยามนี้อยู่ต่อหน้าคนที่เพิ่งเข้าวังมาก็ลืมไปเสียสนิทว่าต้องแนะนำตัวก่อน "ข้าเหรินเยว่เทียน"

ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณอาทิตย์ก่อนได้ยินข่าวมาว่าฮ่องเต้พานักบวชคนหนึ่งกลับมาและเป็นนักบวชหญิงด้วยเขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมา เพราะนักบวชหญิงเป็นอะไรที่พบเห็นไม่ค่อยบ่อยนักในแคว้นเซียว เลยลองเดินผ่านมาทางนี้ดู

แถมเมื่อครู่ถ้าไม่ได้ยินกงกงเรียกนางว่าท่านนักบวช เขาคงคิดว่านางเป็นสนมคนใหม่ของเสด็จพี่เป็นแน่ ด้วยความงดงามและท่าทางเรียบร้อยของนาง เป็นใครก็ต้องชมชอบนางหากได้พบ

จูมี่เอินพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมบอกนามของตนเองไป

"จูมี่เอินเพคะ" นางได้ยินชื่อของเขาและชุดที่เขาสวมต่างจากคนที่ทำงานในวังก็พอจะเดาได้ว่าอาจจะเป็นเชื้อพระวงค์คนใดคนหนึ่งในวัง จึงลงท้ายด้วยคำสุภาพกลับไป

"ท่านนักบวชมาจากที่อื่น เกรงว่าอาจจะหลงทางได้ ยังไงเสียข้าก็ว่างตลอด หากท่านอยากเดินทางไปที่อารามของเมืองหลวงสามารถมาบอกข้าได้" เหรินเยว่เทียนมองใบหน้างดงามของนาง ผิวพรรณที่กระจ่างใสกลับรู้สึกเสียดายที่นางมาเป็นนักบวช และเมื่อรู้ตัวว่าตนคิดเช่นนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมาในใจ

หากชมชอบสนมของพี่ชายตนยังไม่ผิดเท่าไปคิดไม่ดีต่อนักบวชหญิงเช่นนี้ แต่ท่าทางเรียบร้อยวางตัวเหมาะสมคล้ายไม่สนโลกของจูมี่เอินก็ทำให้เขาถูกชะตายิ่งนัก หญิงสาวที่เขาเคยเห็นมามักจะมีท่าทางอ่อนหวาน งดงามหยาดย้อย เห็นแบบนั้นจนเบื่อเต็มทน

เขามีศักดิ์เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ใครเห็นต่างก็ชอบเขาจากยศที่ติดบ่ามาเช่นนั้น ทำให้คนที่เข้าหาเขาส่วนใหญ่มักจะไม่ได้เข้ามาด้วยความจริงใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบสตรีที่ต่างออกไป "แล้วก็ท่านพูดธรรมดาเถิด"

"ข้าเข้าใจแล้ว" จูมี่เอินเป็นครั้งแรกที่เห็นเชื้อพระวงศ์คนอื่นนอกจากฮ่องเต้ ท่าทางไม่หยิ่งยโสไม่ถือตัว ทำให้นางรู้สึกไม่ประหม่าเท่าที่ควร "วันนี้ข้ายังต้องไปทำพิธีขับไล่สิ่งไม่ดี หากข้าว่างเมื่อไหร่จะขอให้ท่านพาไปได้รึไม่"

คราแรกยังมีความกังวลอยู่บ้างว่าจะไปยังไง จะหลงทางหรือไม่ แม้จะความจำนางจะเป็นเลิศ แต่นางไม่เคยได้ออกไปไหนเลยนอกจากอาศัยอยู่ในอารามแล้วก็มีเพียงเดินทางไปตักน้ำที่ลำธารเท่านั้น จึงคิดว่าหากต้องไปที่อารามในเมืองหลวงเพียงคนเดียวอาจกลับวังไม่ถูกก็เป็นได้

"ยินดียิ่งนัก!" เหรินเยว่เทียนยกยิ้มทรงเสน่ห์ขึ้น รู้สึกถูกชะตากับนักบวชหญิงอย่างบอกไม่ถูก

.......

จูมี่เอินเดินทางมาพร้อมกับเหรินเยว่เทียนมาที่ห้องทรงอักษรของฮ่องเต้ นางยังคิดว่าที่เขาบอกว่าว่างก็คือมีเวลาบ้างเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะว่างมากขนาดเดินตามนางมาถึงห้องทรงอักษร ปากบอกจะมาส่ง นางเองก็ไม่ได้ขัด จึงได้เดินตามกันมาถึงตรงนี้

มาถึงก็เห็นนางกำนัลวิ่งกันให้วุ่น ถือถาดไม้ออกมาจากในห้องทรงอักษร บนนั้นยังเหมือนมีเศษกระเบื้องแตกจำนวนไม่น้อย

ดวงตากลมโตหันมองตามร่างของนางกำนัลก่อนจะหันกลับมามองที่ทางเข้าห้องทรงอักษร เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฮ่องเต้หรือ ทำไมนางไม่เห็นในนิมิตรเลย ถึงนางยังไม่แน่ใจว่านิมิตรของนางจะมองเห็นทุกครั้งก็ตาม แต่สำหรับเขาก่อนหน้านี้เขาก็บอกว่าไม่เคยเจอเรื่องอันตรายยกเว้นเรื่องที่นางบอกนี่น่า นางเลยคิดว่าบางทีอาจจะเห็นนิมิตรเกี่ยวกับอันตรายของเขาทั้งหมดก็เป็นได้ แต่ทำไมตอนนี้ไม่เห็นแล้วเล่า

"ข้างในเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า" เป็นเหรินเยว่เทียนที่พึมพำออกมา

.......

ด้านในห้องทรงอักษร

เหรินโยว่หลุนดวงตามองห้องซึ่งทำความสะอาดเสร็จแล้วแต่ใจกับลอยไปไกล แต่แล้วก็กลับมามีสติอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงรายงานจากคนหน้าห้องว่าใครมาขอเข้าเฝ้า เขาเองก็ตอบรับไปหนึ่งคำ ทันทีที่นางกำนัลยกเศษกระเบื้องรอบสุดท้ายไป คนในชุดขาวก็ก้าวเข้ามา

เป็นจูมี่เอินที่เขากำลังรอ

แต่ที่ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเห็นจะเป็นอีกคนที่ตามนางมาด้วย ชายในชุดน้ำเงินดิ้นทองนั้น อนุชาของเขา

ปกติเขาไม่ได้อะไรกับน้องชายคนนี้นัก เพราะเป็นคนที่วันๆ ไม่ทำอะไร ไม่มีอะไรให้เขาต้องกังวล แต่เมื่อเห็นนักบวชปลอมที่เขากำลังนึกถึงเดินคู่กันมากับน้องชายของเขา ก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าน้องชายขึ้นมาทันที

"ถวายบังคมเพคะ" จูมี่เอินยกมือขึ้นมากลางอกทักทายคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องตรงโต๊ะเขียนหนังสือ

"เสด็จพี่" เหรินเยว่เทียนเองก็พูดทักทายพี่ชายตนเองพร้อมกันกับจูมี่เอิน การกระทำของทั้งสองคนคล้ายกับนัดแนะกันมา นั้นยิ่งทำให้เจ้าของห้องยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่

"มาทำไม" เหรินโยว่หลุนกระแทกน้ำเสียงถามออกไป

จูมี่เอินถึงกับสะดุ้ง เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินน้ำเสียงคล้ายโมโหของเขาเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยทำไมท่านนักบวชหลวงถึงได้เหมือนกับจะกลัวฮ่องเต้ขนาดนี้ และที่นางแปลกใจมากกว่าเดิมก็คือสิ่งที่เขาถามออกมา

เขาไม่ใช่หรือที่บอกให้นางมาจุดธูปหอมให้ทุกวัน หรือทรงเบื่อแล้ว คิดได้ดังนั้นนางก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง ก้มหัวลงเล็กน้อย ถอยหลังไปหลายก้าว กำลังจะจากไปพร้อมถาดไม้ที่ใส่กำยานหอมในมือ

"ใครให้เจ้าไป"

กึก

จูมี่เอินหยุดลงทันที ก้าวเดินมายืนข้างเหรินเยว่เทียนตามเดิม ไม่เข้าใจว่าฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัยอะไร เมื่อครู่เหมือนจะไม่อยากให้นางมา คราวนี้ก็ไม่ให้ไปอีก

ปัก

เหรินโยว่หลุนทุบโต๊ะทำงานเสียงดัง นางยังจะไปหยุดยืนข้างน้องชายเขาอีก?

จูมี่เอินสะดุ้งอีกรอบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel