บท
ตั้งค่า

30 เข้าทาง

.......

"ท่านนักบวชจูมี่เอิน"

"..." ผู้ถูกเรียกลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นใครนางก็ยืนขึ้นก้มหัวลงเล็กน้อยพลางยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งเคารพเขาตามแบบนักบวชทั่วไป

เหรินโยว่หลุนมองชุดนักบวชที่นางสวมอยู่ นั่นคือชุดประจำตำแหน่งของนักบวชหลวงแต่มันเป็นชุดของผู้ชาย เขาเองก็ไม่เคยเห็นชุดของนักบวชหญิงมาก่อนว่าเป็นแบบไหน ในใจคิดว่าคงต้องบอกทางกองเสื้อผ้าให้ดูแลเรื่องนี้สักหน่อย ถึงนางจะดูเข้ากับชุดดีแต่ยังไงเสียนักบวชท่านนี้ก็เป็นสตรี

เหลือบตามองดูริมฝีปากที่มีสีเลือดแล้วก็รู้ว่านางคงดีขึ้นบ้าง ใบหน้าที่เคยไร้สีเลือดพอกลับมาปกติก็ดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก ถึงนางจะยังชอบทำหน้านิ่งก็ตาม

"ช่วงนี้เจ้าไม่เห็นนิมิตรเลย?" ยามพูดนั้นตีหน้าเรียบเฉยเฉกเช่นที่ทำอยู่เป็นประจำ ที่เพิ่มเติมมาคือการยกมือพ่ายหลังยืดตัวอีกเล็กน้อยให้ดูสง่ามากกว่าเดิม กดตาลงต่ำมองคนที่ตัวเล็กกว่าตนเอง

"เห็นเพคะ" นางตอบออกไป "แต่เป็นของคนอื่น" แล้วก็ไม่ได้ถึงขั้นเสียชีวิตหรือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง ตั้งแต่ได้ทำสมาธิมากขึ้นก็จิตใจสงบขึ้นด้วย เห็นนิมิตรมากกว่าปกติแต่เป็นนิมิตรที่ไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ นางจึงเบาใจไม่น้อย

"แล้วทำไมไม่ไปหาข้า"

จูมี่เอินนิ่งงันไป แพขนตาสั่นไหวเล็กน้อย

'แล้วทำไมต้องไปหาพระองค์? หรือทรงอยากรู้เรื่องของคนอื่นด้วย?'

"หากพระองค์ต้องการพบก็ทรงเรียกคนมาตามหม่อมฉันเถิดเพคะ" นางอยากจะถามออกไปมากว่าทรงอยากรู้เรื่องคนอื่นด้วยหรือ แต่ก็กลัวจะทำให้เสียมารยาท นางอยู่ที่อารามพูดคุยกับคนอื่นน้อยมากมีแต่แต่กับอาจารย์และศิษย์พี่เท่านั้นที่พอจะคุยกันทุกวัน พอมาที่วังหลวงท่านฉือเจาเองก็บอกนางว่าให้ระวังคำพูดและการกระทำทุกครั้งที่อยู่ในวัง เพราะจะทำให้นางเดือดร้อนและเขาเองก็จะเดือดร้อนไปด้วย แต่นางอยู่ในวังตลอดเลยกลายเป็นว่านางต้องระวังทั้งวันทั้งคืน

"งั้นก็ไปจุดธูปหอมให้ข้าทุกวันในห้องทรงอักษร บริกรรมคาถาช่วยให้ข้ามีชีวิตที่แข็งแรงขึ้นทุกวันที่นั้น"

"เพคะ" จูมี่เอินย่อยกมือขึ้นมาหนึ่งมือก้มหัวลงอีกนิดนึงเพื่อตอบรับคำสั่งของฮ่องเต้ ถึงค่อนข้างจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าปกตินักบวชหลวงมีหน้าที่แบบนี้หรือไม่ก็ตาม และที่วังหลวงยังมีนักบวชหลวงอีกหลายท่าน พวกเขามักจะทำงานร่วมกับท่านโหราศาสตร์ ทำพิธีปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นพิธีกรรมทั่วไป แต่ไม่เคยได้ยินว่าต้องไปจุดธูปหอมให้ฝ่าบาทด้วย

แต่จูมี่เอินก็ได้ต้องตามเขาไปด้วยเหตุนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

"นั่งอยู่ที่นี่เถิด เผื่อสิ่งชั่วร้ายจะไม่กล้ามาเข้าใกล้ข้า"

นั้นคือคำพูดของฮ่องเต้ยามที่จูมี่เอินจะจากมาหลังจุดธูปและสวดคาถาปัดเป่าวิญญาณร้ายให้เขาเสร็จแล้ว

ไม่นานต่อจากนั้นที่รองนั่งอันหนึ่งก็ถูกยกเข้ามา จูมี่เอินก็ได้แต่ไปนั่งลงบนนั้นตามรับสั่งของฮ่องเต้ นางกลับรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

แม้ตอนเดินทางมาในรถม้าด้วยกันหลายวันนางกับเขาก็อยู่ด้วยกันตลอด แต่สถานการณ์ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ครานั้นต้องเดินทางจำเป็นต้องอยู่ในรถม้ากับเขา ให้นางลงไปเดินกับนางกำนัลก็คงทนไม่ไหวเพราะเพิ่งได้แผลมา แต่ยามนี้นางควรได้นั่งเงียบๆ ในอารามหลวง กลับถูกสั่งให้มาที่ห้องทรงอักษรของฮ่องเต้เสียได้

จูมี่เอินสูดหายใจเข้าลึก กว่าจะผ่านพ้นไปหนึ่งวันรู้สึกว่าค่อนข้างนาน

ความรู้สึกของนางกับผิดกับอีกคนที่เป็นคนสั่งการลิบลับ

เหรินโยว่หลุนไม่รู้ทำไมเมื่อได้รับการจุดธูปหอมให้โดยนักบวชหญิงเป็นคนทำให้กลับรู้สึกเบาสบายตัวและสงบใจมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งเมื่อได้อ่านฎีกาที่หน้าปวดหัวทั้งหลายทีไรพอหันไปมองหญิงสาวในชุดสีขาวจิตใจก็สงบตามนางไปด้วย สามารถทำงานได้ไวกว่าปกติหลายเท่าตัว แถมกลิ่นธูปหอมที่นางจุดให้ก็ต่างจากที่เคยมีนักบวชท่านอื่นมาจุดให้ด้วย เหรินโยว่หลุนเลยคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะกลิ่นธูปหอมที่เปลี่ยนไปก็เป็นได้ เขาถึงได้รู้สึกสงบและเบาสบายเช่นนั้น

............

เช้าวันต่อมาจูมี่เอินก็ได้รับพระราชทานชุดใหม่พร้อมกับเงินหนึ่งหีบใหญ่

กงกงที่นำมามอบให้ก็อ่านราชโองการให้ฟัง เพราะนางช่วยฮ่องเต้ไว้ เสียสละตนเองรับลูกธนูแทนพระองค์นางจึงมีความดีความชอบได้รับเงินจำนวนหนึ่งที่สามารถใช้ได้หลายปีเป็นสิ่งตอบแทน

จูมี่เอินอยากรับไว้เพียงแค่ชุด แต่กงกงกลับบอกว่าไม่สามารถไม่รับได้ ยามนั้นจูมี่เอินจึงเอ่ยปากถามถึงอารามในเมืองหลวงแทน

"นางถามถึงอารามที่อื่น?" ฮ่องเต้หนุ่มพอได้รับรายงานจากกงกงสีพระพักตร์ก็เปลี่ยนทันที มือกำแน่นเข้าหากัน สายตาดำนุ่มลึกลงหลายส่วน

เหตุใด เหตุใดยังคิดจะจากไปอีก!

ตำแหน่งก็ได้รับ เงินทองก็มอบให้ นางไม่มีอะไรที่ต้องการเลยรึยังไง ใครต่างก็พากันแย่งเข้าวังมา อยากมีหน้ามีตา อยากเป็นคนที่มีความสำคัญกันทั้งนั้น ไยนางถึงได้แปลกกว่าผู้อื่นเช่นนี้

ตอนนั้นเองฟางอี้ก็มารายงานการตรวจสอบเรื่องแท่นพิธีกล่าวว่าตรวจไม่พบว่าใครทำ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฟางอี้ต้องรายงานด้วยนั้นคือ

คนที่ฟางอี้ส่งไปตรวจสอบ ได้ไปสอบปากคำนักบวชทั้งหมดในงานพิธี มีคนหนึ่งที่กลัวตายเผลอพูดบางอย่างออกมา นักบวชคนนั้นบอกว่าคนที่น่าสงสัยที่สุดคงจะเป็นหญิงสาวที่ถูกนำมาแทนที่นักบวชอีกคนที่ป่วยกระทันหัน อ้างว่าอาจเป็นเพราะนางไม่ใช่นักบวชจริงๆ ทำให้เกิดอาเพศ แท่นพิธีถึงหักลงมา เพราะนักบวชคนนั้นไม่รู้ว่าแท่นพิธีถูกเลื่อยตัดไว้อยู่ก่อนแล้วก็ไปโทษฟ้าโทษดินและโทษหญิงนางนั้น พูดทุกอย่างออกมาเพื่อให้ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความผิดครั้งนี้

เหรินโยว่หลุนที่รู้ว่าโดนหลอกมาตลอดพอได้รู้เรื่องก็โมโห เขาหยิบของที่อยู่ใกล้ที่สุดปาลงไปที่พื้น

เพล้ง!!!

โถแจกันที่โชคร้ายถูกฟาดไปกระแทกพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

นักบวชหลวงและนางพากันโกหกเขา เห็นเขาโดนหลอกง่ายขนาดนั้นเลย? แถมจูมี่เอินยังชอบตีตัวออกห่าง เจอหน้านางทีไรก็นึกถึงคำพูดที่นางจะขอจากไปก็โมโหทุกครั้ง

แต่พอนึกอะไรได้ขึ้นมาก็เปลี่ยนอารมณ์ทันที เขาคิดว่ามันเป็นประโยชน์อย่างมาก

นางไม่ใช่นักบวช หึ! เช่นนั้นไม่เข้าทางเขาหรือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel