28 มีปีกก็ค่อยบินหนีไปเถอะ!
"แล้วเจ้าเห็นคนวางยารึไม่?"
"..." จูมี่เอินส่ายหน้า นางรู้...แต่นางเลือกที่จะโกหก
ยามนี้นางก้มหน้าอยู่เหรินโยว่หลุนเลยไม่รู้ว่านางพูดปลด
"คนที่ตัดขาของแท่นพิธีเล่า?"
"..." จูมี่เอินก็ส่ายหน้าอีก ครั้งนั้นนางเห็นเพียงฮ่องเต้ตกลงมาเท่านั้น และได้ยินคนของฮ่องเต้ตะโกนมาว่าขาแท่นพิธีถูกเลื่อยไว้ นางจึงพูดออกไปตามที่ได้ยินเท่านั้น
"ไปกับเรา" เหรินโย่วหลุนที่คราแรกยังมีสีหน้าเรียบเฉยตอนนี้กลายเป็นบูดบึ่งขึ้นมา ก้าวขาเดินมาหานักบวชหญิงจับข้อมือของนางไว้แล้วลากนางเดินออกมาจากกระโจมด้วยกัน
"พระองค์จะเสด็จไปไหนเพคะ?" จูมี่เอินเร่งเท้าเดินตามคนตัวสูงจนรู้สึกเจ็บที่แผล เขาเดินไวมาก ไวจนนางเกือบตามไม่ทัน จากตอนแรกที่เดินนางจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งแทนแล้ว
"กลับวังหลวง" เสียงทุ้มตอบกลับมา
"หม่อมฉันไม่..."
"ในเมื่อเจ้าเองก็รู้สึกผิดเรื่องฮ่องเต้พระองค์ก่อนงั้นก็กลับไปกับเรา" เหรินโย่วหลุนหยุดเดิน หันมาบอกนาง จงใจใช้เรื่องที่อีกฝ่ายรู้สึกผิดต่อตนมาเป็นข้อต่อรองเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ทว่าพอหันมามองคนตัวเล็กที่ตนลากมาด้วยก็เห็นเลือดที่ซึมผ่านชุดสีขาวออกมาเป็นวง เขาได้สติขึ้นมา มองเห็นใบหน้าเล็กมีเหงื่อผุดออกมาเต็มกรอบหน้าด้วยความตกใจ "แผลเปิดแล้ว"
จูมี่เอินคล้ายอยากจะบอกว่า เป็นเพราะใครกันแผลถึงเปิด? แต่ก็ทำได้เพียงขมวดคิ้วไม่พูดออกไปตามความคิด
ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องลำบากหมอหลวงอีกครั้งจนได้
..........
รถม้าออกเดินทางอีกครั้ง เมื่อถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเส้นทางกลับวังหลวงจูมี่เอินก็ได้ชุดใหม่มาใส่ ยามนี้นางนั่งอยู่ในมุมเดิมของรถม้าที่เคลื่อนตัวค่อนข้างช้า
"มีเหตุผลอะไรที่หม่อมฉันต้องตามพระองค์ไปเพคะ?" คนตัวเล็กมีสีหน้าบึ้งตึง ถามเขาออกไปตามตรง
หากเป็นหญิงสาวคนอื่นยามได้ใกล้ชิดฮ่องเต้คงได้ทำท่าทางออดอ้อนยั่วยวน แต่จูมี่เอินไหนเลยจะเป็นเช่นนั้น ขยับเข้ามุมได้เท่าไหร่ก็ยิ่งทำ แทบจะฝังตัวเป็นส่วนหนึ่งของผนังรถม้าเสียแล้ว
"เจ้ามีประโยชน์ขนาดนี้ ข้าย่อมต้องพาเจ้าไปด้วย"
เหรินโย่วหลุนยกยิ้มกลับมาใช้คำเรียกตัวเองตามเดิม เมื่อลากนางมาด้วยได้ก็อารมณ์ดียิ่งนัก ยิ่งเห็นท่าทางนางคล้ายตีตัวออกห่างจากเขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งนางมากขึ้นเท่านั้น ไม่เคยรู้สึกสนุกเช่นนี้มาก่อน
"หากพระองค์ไม่เกิดอันตรายใดๆ ขึ้นต่อจากนี้หม่อมฉันก็อาจไม่มีประโยชน์เพคะ หรือต่อให้เกิดขึ้นบางทีก็อาจจะไม่เห็น" นางปลงตกแล้ว ไร้ชีวิตชีวา ผ่านเรื่องราวมามากมายเคยคิดว่าตนไม่อาจช่วยใครได้ พอได้รู้ว่าสามารถเปลี่ยนชะตาได้ก็ยิ่งเสียใจที่ผ่านมาไม่พยายามให้มากกว่านี้ จากคนที่เคยยิ้มมีรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าตลอดกลับเปลี่ยนเป็นนิ่งเงียบลงไปหลายเท่า
"แล้วทำยังไงถึงจะเห็นได้"
"หม่อมฉันเคยเดินชนคนที่มายังอารามก็เห็นเพคะ ภายหลังเลยลองโดนตัวคนอื่นก็เห็นเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่เสมอไปเพราะกับบางคนก็ไม่เห็น อาจจะขึ้นอยู่กับว่าเขาจะพบอันตรายหรือไม่" จูมี่เอินหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
เหรินโย่วหลุนกำลังจะถามต่อ แต่คนที่นั่งหน้าบึ้งมาตลอดก็หลับไปแล้ว
มองดูนางหลับด้วยท่าทางแปลกๆ แบบนั้นอยู่นานสองนานเหรินโย่วหลุนก็ขยับกายเปลี่ยนลงไปนั่งที่พื้น จับนางมานั่งในขาของตน ใช้ตัวเองเป็นที่พิงให้นาง
เป็นเพราะเจ้าช่วยข้าหรอกนะ ข้าถึงยอมลดตัวลงมาเป็นที่พิงให้เช่นนี้
เหรินโย่วหลุนหลุบตาลงมองใบหน้าซบอยู่กับอกของตนเอง แปลกใจที่ไม่รู้สึกรังเกียจนางเหมือนที่เป็นกับสนมในวัง
ข้าตามหาเจ้ามานานถึงสามปีกว่า ปากบอกจะจากไปก็สามารถจากไปได้เลยหรือ? มีปีกก็ค่อยบินหนีไปเถอะ!
.........
ตอนนี้เปิดอ่านฟรีนะคะสำหรับสายอ่านล่วงหน้าด้วย เพราะตอนสั้นค่ะ ไรท์ไม่ทันดู ขอบพระคุณที่สนับสนุนค่า
ปล. ฉากไหนที่มี Nc จะใส่เครื่องหมาย + ไว้นะคะ จะไม่ได้เขียนกำกับว่า Nc เพื่อไม่ให้นิยายดูโจ่งแจ้งเกินไป กลัวโดนแบนค่ะ
