20 เส้นทางยาวไกล เวลาไม่หวนกลับ โปรด...รักษาตัว
ครั้นเมื่อได้ยินคำสั่งของฮ่องเต้ทุกคนก็รีบถอยทันไม่มีการอิดออด นักบวชสี่คนเองก็เห็นเหล่านางกำนัลและขันทีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถอยไปด้านหลังก็พากันก้าวถอยหลังตามไปด้วย แยกกันไปคนละฝั่ง
สุดท้ายเหลือเพียงเหรินโย่วหลุนและศิษย์น้องเล็กของอารามที่ยืนอยู่ด้วยกัน คนตัวสูงจ้องอีกคนที่มองตนเองอยู่ แต่ดวงตาสีทองของอีกฝ่ายกลับคล้ายมองผ่านตัวของเขาไป
พรึบ
ภาพนิมิตรที่ชัดเจนตัดหายไป
จูมี่เอินจ้องมองเหรินโย่วหลุ่นด้วยดวงตาสีดำ แพขนตาหนาของนางยังคงมีคราบน้ำตาเล็กๆ เกาะอยู่ ทำให้นางดูบอบบางและเหมือนภาพฝัน
ในนิมิตรนั้น นางเห็นเขา เป็นเขาที่เอ่ยถามนางในรถม้าว่านางชื่ออะไร พอนางตอบออกไปหลังจากนั้นการลอบโจมตีก็เกิดขึ้น ฮ่องเต้พระองค์นี้ก็โดนลูกธนูปักลงที่อกซ้ายทันที ตำแหน่งที่แม่นยำนั้นทำให้เขาไร้ลมหายใจ...
จูมี่เอินรู้ทันทีว่าเขามาที่อารามถึงสองครั้งสองคราทำไม ไม่ใช่เพียงเพราะผ่านมาแล้วได้บังเอิญมาช่วยพวกนางดับไฟ การมาของเขาเหตุผลคือนาง!
"เจ้าเห็นอะไรใช่ไหม"
"..." นางพยักหน้าตอบ ดวงตาที่แดงกร่ำมองไปที่ใบหน้าของเขา เมื่อรู้ตัวก็รีบหลุบดวงตาต่ำลง
"คราวนี้เป็นใบ้แล้วรึไง" เหรินโยว่หลุนไม่พอใจเล็กน้อย เหตุใดถึงไม่ยอมพูดออกมาว่าเห็นอะไร หรือต้องให้เขาถามก่อน คิดว่าตัวเองมีสิ่งที่คนอื่นไม่มีก็พิเศษกว่ารึไง ทว่าท้ายที่สุดคนที่ไม่เคยยอมใครอย่างเขาก็เป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ อดที่จะพูดก่อนไม่ได้ว่า "พูดมาเจ้าเห็นอะไร"
"เส้นทางกลับวัง ธนูปักลงที่อกข้างซ้ายของฝ่าบาท...เพคะ"
จูมี่เอินไม่เคยชินกับการใช้คำพูดที่พูดกับผู้ที่มียศสูงเป็นถึงเจ้าของแคว้นขนาดนี้จึงดูคล้ายคนติดอ่างอยู่บ้าง
"ข้าจะไม่เปลี่ยนเส้นทาง" ทั้งที่ได้ฟังเช่นนั้นเขากลับตอบออกไปทันที ตัดสินใจอย่างแนวแน่เหมือนเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้วและทบทวนมาอย่างดี
จูมี่เอินเงียบไม่พูดต่อ แม้นางจะอยู่เพียงในอารามไม่สนเรื่องภายนอก แต่ไม่ใช่กบในกะลาและไม่ได้โง่ถึงไม่รู้ว่าความหมายของประโยคที่เขาพูดนั้นหมายถึงสิ่งใด
นางรู้ว่าไม่ใช่เขาไม่เชื่อนาง หากเป็นเขาที่ต้องการพิสูจน์สิ่งที่ตนเองเพิ่งได้พบเจออีกครั้ง ถ้าเขาไม่เชื่อนางฮ่องเต้ผู้นี้คงไม่มาหานางถึงที่นี่ แถมยังพานางเดินทางกลับวังไปด้วย ที่นางแปลกใจที่สุดก็ตรงนี้แหละ
ในนิมิตรนั้นนางเดินทางกลับไปพร้อมเขา ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมนางถึงตามเขาไป นางไม่ได้มองเห็นส่วนนั้น แต่คิดว่าคงเป็นเพราะเขาเป็นยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น หากเขาบอกให้นางไป นางก็ต้องไปไม่สามารถปฏิเสธได้ ถึงต่อให้ปฏิเสธไปคนอย่างเขาก็ต้องลากนางไปด้วยอยู่ดี
ในวินาทีสุดท้ายนี้ จูมี่เอินเองก็ตัดสินใจบางอย่างที่คิดไม่ตกมานานได้
เมื่อครู่ที่มองป้ายชื่อของอาจารย์นางยังคิดว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้ แต่เมื่อหันกลับมาเห็นเขา เขาคือหนึ่งในสิบส่วนที่ต่างออกไป เขาสามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้ถึงสองครา ยามนี้นางจะลองดูอีกสักครั้ง เขาอาจเป็นคำตอบในหลายเรื่องที่นางสงสัย
ภาพของเขาชัดเจนที่สุดในนิมิตรของนาง มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต่างจากคนทั่วไป
"ศิษย์พี่ข้าขอลาตรงนี้ เส้นทางยาวไกล เวลาไม่หวนกลับ โปรด...รักษาตัว" ร่างบางในชุดเทาเดินไปตรงหน้าของศิษย์พี่ทั้งสี่คนโดยที่มีสายตาของเหรินโย่วหลุนมองตามมาตลอด มือเล็กยื่นป้ายในมือของตนไปให้ศิษย์พี่อี ในใจยังคงกล่าวลาอาจารย์อีกหลายครา
เมื่อศิษย์พี่อีรับป้ายชื่อของอาจารย์ไปแล้วนางโค้งตัวคารวะพวกเขาทั้งสี่คนโดยลืมไปว่าตอนนี้ตนเองโกหกคนอื่นอยู่ว่าเป็นนักบวช แต่ในตอนนั้นก็ไม่มีใครทันสงสัยในเรื่องนี้เพราะคนที่มองนางอยู่ก็มีเพียงศิษย์พี่ทั้งสี่คนและฮ่องเต้ของแคว้นเท่านั้น คนที่เหลือต่างก้มหัวกันหมด
ด้านเหรินโยว่หลุนก็ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดตรงหน้า คิดไปว่าเป็นการกล่าวลาแบบเต็มรูปแบบของพวกนักบวชเท่านั้น
ศิษย์พี่ทั้งสี่คนไม่รู้ว่าจูมี่เอินพูดอะไรกับฮ่องเต้ เห็นนางขยับปากเพียงแค่ไม่กี่ประโยค พวกเขาไม่เข้าใจว่านางจะไปที่ใด เหตุใดไม่ตามพวกเขาไปด้วย
จูมี่เอินสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครา มองหน้าศิษย์พี่ทั้งสี่คน จดจำใบหน้าของพวกเขาไว้ขึ้นใจ
'จากกันครานี้ไม่รู้จักได้พบอีกเมื่อใด'
เหรินโย่วหลุนเพราะคาดการณ์ว่านักบวชหญิงอาจจะรู้ว่าตนมารับนางไปด้วย จึงไม่รีบร้อนเมื่อเห็นนางเดินไปหานักบวชสี่คนที่เหลือ ยามนางหันกลับมาแล้วเดินตรงมาหาเขา เขาก็คิดในใจว่า 'นางรู้'
"ไม่เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยน" จูมี่เอินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้ นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ คล้ายพูดกับเขาแต่ประโยคกับไม่มีหางเสียง
ได้ เขาไม่เปลี่ยนเส้นทาง ดี ดียิ่งนัก! นางก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำยังไงต่อไป จะหลบหลีกเหตุการณ์ครั้งต่อไปที่ตนอาจจะไม่รอดชีวิตได้รึไม่มาดูกันเถอะ
เหรินโย่วหลุนหันไปมองศิษย์พี่ทั้งสี่คนของนางที่มีสายตาอาลัยอาวรห่วงน้องเล็กของตน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะร้องเรียกนางให้กลับไป
ทางฝั่งศิษย์พี่เองก็คล้ายเข้าใจอะไรขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้มีจดหมายมาจากนักบวชหลวงที่กล่าวว่าฮ่องเต้ถามถึงน้องเล็กของพวกเขา ครานี้ก็ได้เห็นฮ่องเต้เสด็จมาที่อารามด้วยตนเองถึงสองครา จุดประสงค์ของพระองค์คงตั้งใจมาพาน้องเล็กของพวกเขาไป แต่ก็ไม่รู้ว่าพูดยังไงถึงทำให้น้องเล็กของพวกเขาติดตามพระองค์กลับไปได้
ศิษย์พี่ทั้งสี่จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งตอนที่จูมี่เอินอายุสิบเอ็ดขวบเกิดเรื่องประหลาดขึ้น ไม่มีคนมาที่อารามจนพวกเขาต้องลงไปหาชาวบ้านที่หมู่บ้านกับอาจารย์ ตอนนั้นชาวบ้านต่างบอกนางเป็นคนสาปแช่งพวกเขา
