บท
ตั้งค่า

18 ไม่สนความตาย

.........

"ฝ่าบาทจะทรงเสด็จไปไหนหรือพะยะค่ะ" กงกงมองฮ่องเต้ของตนทำท่าจะเดินออกไปจากที่พักก็อดที่จะถามไม่ได้ ฝนเพิ่งหยุดตกได้ไม่นาน ด้านนอกเป็นหมู่บ้านที่มีแต่ดินเมื่อโดนฝนตกใส่ทางเดินก็เฉอะแฉะและลื่นน่าจะไม่เหมาะให้พระองค์ย่างกายออกไป

"ไปอารามของหมู่บ้านจิ้ง" เหรินโย่วหลุนตอบเพียงคำเดียว ขบวนเสด็จก็ตั้งแถวทันที

ผู้ติดตามขบวนเสด็จทุกคนได้ถูกสั่งให้ไปเปลี่ยนชุดก่อนหน้านั้นสักพักแล้ว พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็ได้ยินคำสั่งเดินทางของฝ่าบาททันที คล้ายกับว่าพระองค์ทรงคิดไว้นานแล้ว รอเพียงแค่ฝนหยุดตกเท่านั้น

เหรินโย่วหลุนมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม แต่ในใจกลับตื่นเต้นจนไม่อาจนิ่งเฉยได้ต่อไป เขาต้องไป ต้องไปหาเด็กสาวคนนั้น ผ่านไปสามปีแล้วดวงตาของนางยังคงเหมือนเดิมไม่ไปเปลี่ยน แต่ตัวของนางคล้ายไม่โตขึ้นเท่าไหร่เลยเดาไม่ออกเลยว่านางมีอายุเท่าไหร่ เป็นครั้งแรกที่เขาอยากรู้เรื่องคนอื่นเช่นนี้ นี่มันออกจะแปลกใหม่สำหรับเขาไม่น้อย

............

"ไฟไหม้หรือ!" จูมี่เอินรีบวิ่งออกมาหน้าตาตื่น มองไฟที่กำลังลุกไหม้อารามฝั่งของอาจารย์ก็ได้แต่ตกใจไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฝนเพิ่งตกไป ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำ ไม่มีทางที่จะเกิดไฟไหม้ขึ้นได้ ทว่าความร้อนและเปลวไฟที่นางมองเห็นคือของจริง หันมองไปด้านหลังก็เห็นร่างของบุรุษสี่ร่างกำลังวิ่งตักน้ำในบ่อไปช่วยกันดับไฟ "อาจารย์ลู่!" ดวงตากลมโตเบิกมองทางเข้าห้องที่ไฟลุกท่วมอยู่ ในดวงตาสีดำสะท้อนแสงของเปลวไฟจนเหมือนมีกองไฟก่ออยู่ในดวงตาของนาง

ภาพในนิมิตรที่เห็นป้ายชื่อของหลุมศพของอาจารย์ลอยเข้ามาในหัว ยามนั้นนางเห็นเพียงป้ายชื่อ แต่ไม่อาจเห็นว่าเขาเสียชีวิตยังไง เมื่อเห็นไฟตรงหน้ากำลังไหม้อยู่ก็คิดได้ทันทีว่าเหตุการไฟไหม้ในครั้งนี้อาจเป็นจุดจบของอาจารย์ของนาง

นางอาจเปลี่ยนชะตาได้ อาจเปลี่ยนได้ นางทำสำเร็จมาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้อาจได้ผล

ร่างบางตัดสินใจได้ก็รีบวิ่งไปทางโอ่งน้ำตักน้ำขึ้นรดตัว จากนั้นนางพุ่งเข้าไปในกองเพลิงโดยไม่สนความตายของตนเอง

"มี่เอิน!" ศิษย์พี่ทั้งสี่ไม่อาจห้ามทัน คิดเพียงว่านางไปทางโอ่งน้ำเพื่อจะช่วยเอาน้ำมาดับไฟ ที่ไหนได้นางวิ่งกลับไปทางต้นไฟในมือไม่มีน้ำสักถัง เห็นอีกทีร่างนั้นก็วิ่งผ่าเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหมเข้าไปแล้ว

ศิษย์พี่ทั้งสี่ต่างรู้ว่าอาจารย์ลู่ติดอยู่ในนั้นแต่ไฟไหม้ขนาดนี้ไม่มีทางที่เขาจะรอดได้ พวกศิษย์พี่เองก็พยายามช่วยกันดับไฟอย่างเต็มที่ด้วยความหวังว่าอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ แต่ใครจะนึกว่าน้องเล็กกลับเข้าไปโดยไม่ห่วงชีวิตตนแม้แต่น้อย

.........

ผู้วางเพลิงที่อยู่บนเนินไม่ไกลจากอาราม คราแรกเห็นนักบวชหญิงวิ่งออกมาจากอีกห้องที่ตนไม่ได้วางเพลิงก็คิดว่าตนทำพลาดแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าเด็กสาวนั้นกลับอยากตาย วิ่งหายไปในกองเพลิงเสียเอง ยามนั้นจึงจากไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

ไฟนั้นโหมกระหน่ำขนาดนั้นไม่นานจะเผาที่นั้นจนวอดวายนางไม่มีทางรอดออกมาแน่ นักบวชพวกนั้นเองหากไม่ออกมาตอนนี้ก็ไม่น่ารอดเช่นกัน

บุรุษชุดดำผู้วางเพลิงไม่อยู่รอดูความสำเร็จก็จากไปก่อนแล้ว ด้วยเพราะความชะล่าใจคิดว่าตนทำสำเร็จ

.........

เหรินโย่วหลุนมาถึงครึ่งทางของเนินเขาเพื่อเดินทางไปยังอารามก็สังเกตเห็นควันสีเทากลุ่มใหญ่บนท้องฟ้า

เกิดอะไรขึ้นกันนะ

ใบหน้าที่เรียบเฉยมองดูแล้วก็เร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิด แม้ทางจะลื่นและชันแต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงคิดว่าต้องรีบไปให้ไวที่สุด

เมื่อมาถึงก็ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากด้านในของอาราม ทั้งยังมีนักบวชคนหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากประตู ในมือทั้งสองข้างยังถือถังน้ำออกมาด้วย

"เกิดอันใดขึ้น!?" เหรินโย่วหลุนคว้าตัวคนที่วิ่งหน้าตั้งไม่สนใจสิ่งใดไว้ได้ทัน

"ไฟไหม้อาราม!" ศิษย์พี่ซานบอกจบก็สะบัดแขนออกวิ่งไปทางลำธาร น้ำในอารามใกล้หมดแล้วไฟยังไม่มีท่าทีจะลดลง เขาเลยต้องเป็นคนไปตักน้ำมาให้คนที่เหลือช่วยกันดับไฟ

"ไปช่วยเขานำน้ำมา!" เหรินโย่วหลุนตะโกนสั่งคนของตน ขบวนข้ารับใช้ที่ตามมาต่างวิ่งไปในอาราม นำเอาของที่พอจะตักน้ำได้ติดมือออกไปด้วยคนละอย่างสองอย่าง

เหรินโย่วหลุนเองก็รีบวิ่งไปทางต้นเพลิง แม้ตนจะเป็นฮ่องเต้แต่ก็ไม่อยู่เฉย เขาวิ่งตามหลังศิษย์คนหนึ่งในอารามไปที่โอ่งน้ำ จากนั้นก็ช่วยพวกเขาเอาน้ำมาดับไฟ ระหว่างนั้นก็มองซ้ายมองขวาไม่หยุด ด้วยความชุลมุนของคนที่กำลังช่วยกันดับไฟกับไม่เจอนักบวชหญิงที่ตนตั้งใจจะมาหาเลย

"นักบวชหญิงเล่า นางอยู่ที่ไหน!?" เขาสาดน้ำในมือดับไฟไปก็ถามไป

"นางอยู่ข้างใน วิ่งเข้าไปช่วยอาจารย์!" ศิษย์พี่อีตะโกนบอก ไม่ทันได้มองด้วยซ้ำว่าผู้ที่ถามเป็นใครพูดจบก็วิ่งกลับไปเอาน้ำอีกรอบ

"เร็วเข้าๆ" กงกงเองที่มีอายุมากแล้วก็ช่วยดับไฟอีกแรง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel