บท
ตั้งค่า

15 ถูกจับได้เสียแล้ว

"ซาน เอ้อร์ อี" นางนับเลขถอยหลังให้เขาฟัง

คลื่น ซ่า ฝนตกลงมาทันที ไม่มีการตั้งเค้ามาก่อน

ชาวบ้านพากันส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ ยังไม่ทันเริ่มพิธีเลย ฝนก็ตกลงมา ทว่าดีใจได้เพียงชั่วครู่ต่างก็ต้องก็ต้องพากันเงียบเสียงลงทันที

ครืนนนนนน เพล้ง

เหรินโย่วหลุนหันไปมอง แท่นพิธีที่ทำจากไม้ยกสูงกว่าตัวคนที่มีผ้าปูไว้อย่างสวยงามพังลงมา กระถางธูปใหญ่สีเขียวที่ตกลงมาจากบนนั้น หล่นลงพื้นจนแตกละเอียด ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าถ้าเขายืนอยู่บนนั้นจะโดนกองไม้ทับมาที่ตัวขนาดไหน ผู้คนคงลือออกไปในทางเสียๆ หายๆ ว่าแม้แต่แค่ทำพิธีกรรมฟ้ายังไม่อาจเป็นใจ ช่วยให้เขาทำพิธีได้สำเร็จ หรืออาจจะพากันพูดว่าพอฮ่องเต้ได้รับการลงโทษจากฟ้า เทพสวรรค์ก็ประทานฝนลงมาเป็นการเยาะเย้ยแทนกันแน่

จูมี่เอินมือสั่นตกใจ นางเองก็หันไปเห็นภาพซ้อนทับขึ้นมาจากในนิมิตร แต่นางกลับสามารถช่วยชายผู้นี้ไว้ได้อีกครา แท่นพีธีไม่ได้พังเมื่อฮ่องเต้ขึ้นไป แต่พังเพราะรับน้ำจากน้ำฝนที่กำลังตกลงมาไม่ไหว เป็นเพราะนางรั้งเขาไว้ได้ทัน ดียิ่งนัก ค่อยโล่งใจหน่อย

จูมี่เอินหันกลับมามองมือของตน นางพยายามดึงมือกลับไป อยากหนีไปจากตรงนี้ให้ได้ ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากอยู่ตรงนี้อีก คล้ายตนถูกจับได้เสียแล้ว นางหวาดกลัวในใจลึกๆ ว่าหากมีคนรู้ความสามารถของนางเข้านางจะทำให้คนรอบตัวเดือดร้อนอีก

"ตรวจสอบคนทำแท่นพิธี!" เหรินโย่วหลุนตะโกนสั่งเสียงกร้าวสู้กับเสียงของสายฝน หากเขาไม่พูดออกไปเช่นนั้นชาวบ้านต่างจะคิดไปว่าเป็นอาเพศที่เกิดขึ้นเพราะมีฮ่องเต้แบบเขามาปกครองแคว้นต่อให้ยามนี้ฝนจะตกลงมาแล้วก็ตามแต่อาจจะมีใครบางคนจงใจใส่ร้ายเขาในภายหลังได้ พอเมื่อสั่งการไปแบบนั้นทุกคนต่างก็รู้ว่ามีคนทำให้ฝ่าบาทเกือบได้รับบาดเจ็บ!

"มีคนลอบปลงพระชนม์รึ!" ชาวบ้านบางคนที่พอจะฉลาดหน่อยก็เข้าใจเหตุการณ์ทันที

"นั่นสิ แท่นพิธีทำไมถึงหล่นลงมาได้"

เมื่อเห็นว่าชาวบ้านต่างเข้าใจไปในทางที่เขาต้องการแล้ว เหรินโย่วหลุนก็หันกลับมามองคนที่พยายามจะหนีจากเขาไปอีกครั้ง หญิงสาวพยายามแกะมือเขาออก ก้มหน้าลงต่ำไม่มองขึ้นมา

"ฮ่องเต้ไปหลบฝนก่อนเถิดพะยะค่ะ" องครักษ์ประจำตัวนามฟางอี้ถือร่มเข้ามาให้ ไม่คาดคิดว่าฝนจะตก ฮ่องเต้ตัวเปียกไปหมดแล้ว

จูมี่เอินได้จังหวะหลุดออกจากมือที่กุมมือนางไว้ นางรีบวิ่งหนีกลับออกไปที่อารามของตนทันที ไม่แม้แต่จะกลับหลังหันไปมองเหรินโยว่หลุนแม้แต่น้อย

หากนางหันกลับไปมองคงอาจจะทันได้เห็นรอยยิ้มแปลกๆ ของเหรินโยว่หลุนได้ทัน

คนที่ไม่ได้ยิ้มมานานตอนนี้กลับยิ้มขึ้นมา แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดี

..........

พิธีเสร็จสิ้นแล้ว ไม่ได้แม้แต่จะทันเริ่มต้นไปถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ ฝนก็ตกลงมายาวนานหลายชั่วยาม ชาวบ้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นเพราะบารมีของฮ่องเต้องค์ใหม่ของพวกเขา เรื่องก่อนหน้านั้นที่ฝนไม่เคยตกมาถึงสองปีไม่ได้รับการพูดถึงอีกเลย

ความจริงก็เป็นเพราะเหรินโย่วหลุนสั่งให้คนกระพือข่าวออกไปแบบนั้น ข่าวลือด้านดีของเขานอกจากเป็นผู้มีบุญธิการแล้วยังมีด้านที่ทำเพื่อประชาชนอีกมาก เพียงแค่เหตุการณ์รอดตายครั้งเดียวกลับพลิกเรื่องราวไปในทันตา

"สตรีนางนั้นเป็นนักบวชอารามไหน?" เหรินโย่วหลุนที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็เรียกนักบวชหลวงมาถาม

"เออ...เป็นนักบวชของอารามที่หมู่บ้านจิ้งแห่งนี้พะยะค่ะ" หวังวั่งซูโกหกออกไป นักบวชในพิธีต่างก็รู้กันว่านางไม่ใช่นักบวชซ้ำยังเป็นสตรีอีกด้วย หากฝนไม่ตกขึ้นมาแล้วฮ่องเต้ถามแบบนี้ก็คาดเดาเรื่องราวเลวร้ายต่อจากนั้นได้เลย แต่ยามนี้ฝนก็ตกแล้ว เหตุใดพระองค์ยังทรงถามหานางอีก

หรือจะเป็นเพราะเรื่องที่นางได้ทำลงไป? หวังวั่งซูได้ยินจากนักบวชที่ยืนอยู่ข้างนางในตอนนั้นว่านางห้ามฮ่องเต้ไม่ให้เดินต่อ และบอกว่าฝนจะตก เขากลับรู้สึกประหลาดใจมากแต่ก็สั่งให้นักบวชที่อยู่ใกล้นางทุกคนเงียบปากเอาไว้ ห้ามใครพูดถึงเรื่องของนาง ด้านนักบวชเหล่านั้นเองก็รู้ว่าวันนี้มีการลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เกิดขึ้น หากไม่อยากถูกสงสัยก็ควรเก็บปากเงียบไว้ รับเงินค่าทำพิธีแล้วจากไปเสีย

ยามนี้ไม่มีนักบวชอยู่ที่ลานทำพิธีอีก ต่างพากันกลับอารามไปหมดแล้ว บางคนที่อยู่ไกลหลายหมู่บ้านไม่สามารถเดินทางกลับในวันนี้ได้ทันก็ยังไม่ยอมอยู่พักในหมู่บ้าน รีบเดินทางจากไปทันที

เรื่องเลยกลายเป็นเช่นนั้นไป เด็กสาวผู้นั้นกลับกลายเป็นนักบวชจำเป็นไปเสียแล้ว เมื่อฮ่องเต้บอกให้หวังวั่งซูออกไปได้ เขาก็รีบส่งข่าวบอกที่อารามของหมู่บ้านจิ้งแห่งนั้นทันทีว่าให้วางตัวยังไง

.........

"ใครดูแลงานพิธีครั้งนี้?" เหรินโย่วหลุนเมื่อเห็นนักบวชหลวงจากไปแล้วก็หันไปถามกงกงที่ตามมางานในวันนี้ด้วย เขาคล้ายจะได้ยินอัครเสนาบดีอวี้ป่าวประกาศไปทั่วว่าบุตรสาวตนได้รับเลือกให้มาช่วยดูแลงานในครั้งนี้ เหรินโยว่หลุนอยู่ในวังหลวงมาแต่เด็ก เรื่องแค่นี้จะดูไม่ออกได้ยังไงว่าเสนาบดีอวี้ต้องการสิ่งใด

"เป็นคุณหนูอวี้ซูหนี่บุตรสาวของท่านอัครเสนาบดีพะยะค่ะ" กงกงรายงาน เขาที่เพิ่งเปียกฝนมาเมื่อเห็นสายตาของฮ่องเต้แบบนั้นแล้วก็เหงื่อท่วมหลัง แยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนน้ำฝน อันไหนเหงื่อของตนเอง

เหรินโย่วหลุนกวาดตามองเหล่าข้าราชบริพารใต้อาณัติของตนที่พากันเปียกฝนทุกคนกำลังก้มหน้าลงต่ำที่พื้นด้วยเกรงกลัวว่าเรื่องในวันนี้จะทำให้พวกตนตกที่นั่งลำบาก

"ไปลากนางมา!" สิ้นคำทหารกลุ่มหนึ่งก็จากไป

เหรินโย่วหลุนรอการตรวจสอบจากทางฝั่งของฟางอี้ที่ไปสืบเรื่องการวางแผนลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เขาเองก็ไม่ได้อยู่เฉย คงต้องตรวจสอบด้วยตนเองอีกทาง และตอนนี้ก็มีแผนในใจเช่นกัน

ในเมื่ออัครมหาเสนาบดีอวี้คือผู้ที่มีอำนาจพอๆ กับเหรินโยว่หลุน คานอำนาจเขามานานถึงสองปี พยายามหาทางให้บุตรสาวเข้ามาในวังหลังหลายหลายครา รอบนี้ก็คงอยากให้บุตรสาวมาตีสนิทกับเขา หากทำลายแผนการของอัครมาหาเสนบาดีด้วยความผิดพลาดในงานพิธีกรรมครั้งนี้เหตุผลนี้จะเพียงพอไหมนั้น มาลองดูกันเถิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel