12 พิธีกรรมขอฝน
วันทำพิธีขอฝน
นักบวชหลวงนามหวังวั่งซูที่เดินทางมาซ้อมพิธีเมื่อวานก่อนวันจริงก็ได้พบข่าวร้าย นักบวชของอารามแห่งหนึ่งเกิดล้มป่วยท้องเสียกระทันหัน ทำให้นักบวชที่จะต้องเข้าทำพิธีในวันนี้ขาดไปหนึ่งคน
เขาทำงานให้วังหลวงมานาน สองปีที่ผ่านมาฝนไม่ตกเขาเองก็กระวนกระวายใจ หวังว่าพิธีในวันนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลเสียที กลับไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ในใจคิดถึงคำพูดของคนในเมืองหลวงที่ต่อว่าฮ่องเต้ ว่าเป็นคนที่พอได้ขึ้นครองราชก็ไม่มีฝนอีกเลยคล้ายดาวหายนะ ต่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้นออกมา ปากชาวบ้านไหนเลยจะห้ามได้ พวกเขาต่างพากันพูดเช่นนั้นลับหลังฮ่องเต้ พากันกระจ่ายข่าวเสียหายออกไป จนตอนนี้ทุกคนมากกว่าครึ่งก็คิดเช่นนั้นไปแล้ว หากครานี้ฝนไม่ตกอีก ฮ่องเต้คงตกเป็นประเด็นในการพูดถึงอีกเช่นเคย บัลลังก์ของพระองค์ก็จะสั่นคลอนมากกว่าเดิม
รอบนี้ดันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก หวังวั่งซูเลยคิดว่าอาจมีคนวางแผนไว้ให้พิธีกรรมวันนี้พังไม่เป็นท่า นักบวชนั้นไม่ใช่ว่าจะหามาเพิ่มไม่ได้ แต่ใกล้เปิดพิธีแล้วไม่น่าจะหาได้ทัน เพราะจากที่คาดการณ์ไว้นักบวชที่เขาเชิญมาในละแวกนี้ก็มากันหมดแล้ว แถมนักบวชที่ไม่ได้ซ้อมพิธีมาก่อนหากถูกจับเข้าไปรวมในนั้นยังไงก็ดูแปลกแยก เขาจะทำเช่นนั้นเพื่อหลอกลวงเบื้องสูงได้เช่นไร มีแต่จะพังไม่เป็นท่าเสียเปล่า
มองดูนักบวชที่มากันครบยี่สิบสองคนแล้วก็ได้แต่หวั่นใจ
"ท่านนักบวชหลวงเกิดอันใดขึ้นหรือ?" นักบวชของอารามแห่งหนึ่งดูเหมือนจะจับสังเกตได้เลยลองถามดู
"เป็นเพราะนักบวชเฟิ่งปวดท้องไม่สามารถมาได้" นักบวชท่านหนึ่งที่อยู่อารามเดียวกับนักบวชเฟิ่งผู้นั้นก็ได้แต่ทำหน้าหนักใจ เป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครในอารามอยากให้เกิดขึ้น แต่ทำอย่างไรได้ นักบวชเฟิ่งไม่สามารถแม้แต่จะมีแรงลุกขึ้นมาได้
"เป็นเช่นนั้นหรือ แล้วเราจะทำยังไงดี" พอทุกคนได้รู้ข่าวก็พากันมองซ้ายมองขวาปรึกษากัน จนในที่สุดก็มีหนึ่งในนั้นพูดออกมา
"เป็นไปได้รึไม่ที่จะให้นักบวชท่านอื่นมาร่วมพิธีแทน" ศิษย์พี่เอ้อร์ลองเสนอ
"จะหาใครที่รู้พิธีแบบที่เราซ้อมเมื่อวานได้ทันกันเล่า" หวังวั่งซูกล่าวด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง ใบหน้าที่เคยสงบนิ่งเมื่อวานตอนนี้เต็มไปด้วยความร้อนรน
"น้องเล็กของข้าไง! นางฉลาดมาก เมื่อวานนางอยู่ดูพิธีอยู่ด้วย นางต้องจำได้แน่" ศิษย์พี่อีก็เข้าใจทันทีว่าศิษย์น้องเอ้อร์ของตนหมายถึงใคร พวกเขานั้นรู้ว่านิสัยของน้องเล็กสามารถบวชได้แต่อาจารย์กลับไม่เคยยอม หากครั้งนี้นางได้มาร่วมพิธีในครั้งนี้ อาจารย์ของพวกเขาอาจเปลี่ยนใจก็ได้
"มีนักบวชที่อารามของท่านอีกหรือ" หวังวั่งซูถามขึ้นทันที ทำไมเขาไม่ได้ยินเรื่องนี้ เท่าที่จำได้ที่อารามของหมู่บ้านมีนักบวชอยู่แค่ห้าคนซึ่งก็อยู่ที่นี่จนครบแล้ว
"เออ เรียนท่านนักบวชหลวง น้องเล็กของข้าคล้ายผู้ฝึกตนแต่ยังไม่ได้ผ่านพิธี แต่ข้ามั่นใจได้ว่าพิธีในวันนี้จะไม่ผิดพลาด" ศิษย์พี่อีก้าวมาข้างหน้ายกมือขึ้นกลางอกท่าทางสุภาพเรียบร้อย ทำให้ดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก
"ไปเรียกเขามา!" หวังวั่งซูไม่มีทางเลือกจำต้องลองดู อย่างไรเสียฝนก็ไม่ตกมาถึงสองปีแล้ว หากพิธีวันนี้ผ่านไปไม่ตกอีกก็คงไม่เป็นที่น่าสงสัยอันใด ยามนี้เขาคงทำได้แค่ทำให้พิธีเสร็จสมบูรณ์ ไม่งั้นหากเกิดเรื่องขึ้นชีวิตของเขาอาจรักษาไว้ไม่ได้ เขาไม่ได้ห่วงตนเองขนาดนั้น แต่นักบวชทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ก็อาจจะไม่พ้นโทษนั้นด้วยเช่นกัน หากมีการประหารนักบวชเกิดขึ้นไม่แน่ว่าอาจทำให้แคว้นเซียวเปลี่ยนทิศทางไปในทางที่แย่ลงกว่าเดิมก็เป็นได้
หลี่ลู่ซือได้แต่มองตามศิษย์คนที่สองของตนจากไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เขาไม่ได้ทันร้องห้าม ยัยเด็กตัวเล็กก็ถูกเสนอตัวมาในพิธีเสียแล้ว และดูท่านักบวชหลวงเองก็คงถึงทางตันแล้วจึงยอมให้คนที่ไม่ได้ทำพิธีบวชอย่างแท้จริงเข้ามาร่วมงานในพิธีกรรมครั้งนี้ด้วย
ทว่าใครจะไปคิดว่าน้องเล็กที่คนจากอารามของหมู่บ้านพูดถึงกลับเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง!
จูมี่เอินได้แต่เดินตามมาอย่างงงๆ วันนี้นางไม่ได้สวมโต่วลี่ปิดหน้าเพราะอยากเห็นพิธีได้เต็มสองตาอย่างชัดๆ จึงใส่ผ้าบางสีขาวปิดใบหน้ามาครึ่งหนึ่งแทน
นางมองนักบวชรอบตัวก็แปลกใจก่อนจะมองนักบวชหลวงตรงหน้าตน มีอะไรกันหรือทำไมต้องมองนางเช่นนั้น
"นางเป็นสตรี?!"
หวังวั่งซู่ตกใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันไม่อาจรู้ได้ แน่นอนว่ามีอารามหลายแห่งที่มีนักบวชหญิง แต่พิธีของวังหลวงไม่เคยใช้นักบวชหญิงเลยสักครั้ง เพราะนักบวชหญิงยังไม่ได้ถูกเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน แถมนางก็ไม่ใช่นักบวชหญิงด้วย เป็นแค่คนในอารามเท่านั้น นี่มันเกินขอบเขตความถูกต้องไปไกลมาก
"..." จูมี่เอินได้แต่แปลกใจ สรุปเกิดอันใดขึ้นหรือ นางเป็นสตรีแล้วยังไง
"เอาเถอะๆ ให้นางรีบไปเปลี่ยนชุดใกล้ถึงเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จแล้ว" หวังวั่งซูทำอะไรไม่ได้แล้วในตอนนี้ จำต้องปล่อยผ่านไป วางตัวนางไว้หลังสุดของแถวเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตจนเกินไป ยังดีที่เขานำชุดมาเพื่อด้วยอีกหลายชุดเผื่อกันเหตุไม่คาดฝัน
จูมี่เอินไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุ รู้อีกทีตนก็สวมชุดสีขาวแบบศิษย์พี่ทั้งสี่ ถูกวางไว้แถวหลังสุดของขบวนนักบวชเสียแล้ว
ตุ้มๆ
เสียงกลองดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า งานพิธีเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ไม่นานขบวนเสด็จของฮ่องเต้ก็มาถึง
อวี้ซูหนี่แต่งตัวงดงามในชุดสีขาว บนผมประดับไปด้วยปิ่นมากมายและเครื่องหัวที่ดูเกินงาม นางยืนอยู่ข้างทางเดินของพื้นที่ทำพิธี ก้มตัวลงที่พื้นรอรับเสด็จ ยามนั้นยังแอบเงยหน้าตางดงามขึ้นมองไปที่ฮ่องเต้ให้พระองค์ได้ยลโฉมนาง แต่กลับผิดคาด พระองค์ทรงเดินผ่านนางไปโดยไม่ชายตามองสักนิด
