11 อวี้ซูหนี่ฮ่องเฮาในอนาคต
ด้านล่างที่ทางเดินของลานพิธี อวี้ซูหนี่บุตรสาวของเสนาบดีอวี้เองก็มาดูพิธีขอฝนในครั้งนี้ด้วยเพราะได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแลงานในครั้งนี้ นางเดินทางจากเมืองหลวงมายังพื้นที่ห่างไกลก่อนงานหนึ่งวัน ทำท่าคล้ายตนเป็นผู้จัดงานแต่ความจริงแล้วนางนั้นได้ผลักภาระไปให้คนอื่น ซึ่งนางได้ส่งคนผู้นั้นมาเตรียมงานก่อนนางแล้วสองวัน งานพวกนี้ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร
แต่ที่รับงานนี้มาก็เพียงเพื่อหวังให้ตนเองได้อยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้สักครา ก่อนที่พ่อของนางจะช่วยนางเข้าไปในวังหลัง อย่างน้อยนางต้องทำให้พระองค์จดจำนางในทางที่ดีไว้ก่อน หากนางเข้าไปโดยใช้อำนาจของบิดากดดันฮ่องเต้ให้รับนางเป็นสนมในตำหนักอีกคน ยามนั้นก็คงไม่ถูกพระองค์แลตามองมาเป็นแน่ นางไม่อยากเป็นเหมือนกับสนมคนอื่นในวังหลวง ไม่มีใครไม่รู้ว่าฮ่องเต้นั้นไม่เคยไปเยี่ยมวังหลังแม้สักครา นางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นกับตนไม่ได้
อวี้ซูหนี่นั้นเหนือกว่าสนมพวกนั้นอยู่มาก บิดาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้มีอำนาจมากสุดลองจากฮ่องเต้พระองค์เดียว บ้านของนางสืบเชื้อสายมารุ่นต่อรุ่นเป็นขุนนางเก่าแก่ในวังหลวง พี่ชายนางยังเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้น สิ่งนี้สนมคนอื่นไม่อาจเทียบนางได้
นางถูกบิดาพูดกรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่านางคือฮองเฮา ดวงของนางเกิดมามีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ทุกคนในเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้ ยามนางเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา
แต่เมื่อเดินทางมาที่หมู่บ้านซึ่งห่างไกลความเจริญเช่นนี้นางกลับรู้ว่าคนที่นี่ไม่มีใครรู้จักนางสักคน ก่อนออกมาที่ลานพิธีนางถึงได้แต่งองค์ทรงเครื่องมาอย่างดี ให้ตนดูเด่นที่สุด ไม่มีใครในหมู่บ้านที่ไม่มองมาที่นาง นางนั้นรังเกียจสายตาของพวกบุรุษพวกนั้นนักแต่ก็ต้องวางท่าทางสง่างามไว้ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็นถึงความไม่พอใจจากนางได้
ไม่ไกลจากที่นางอยู่ เมื่อเสียงกลองสงบลงเป็นครั้งคราว อวี้ซูหนี่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยของหญิงชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่อยู่บนเนินเขาซึ่งดังมาก ดังจนมาถึจุดที่นางยืนอยู่ หญิงสาวพวกนั้นได้แต่มองลานพิธีไกลๆ เพราะไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ มีเพียงนางที่ได้รับสิทธิพิเศษ โดยการอ้างอำนาจของบิดาในการมาช่วยดูแลพิธีกรรม
เสียงของหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนกลุ่มนั้นดังมาถึงหูของนาง อวี้ซูหนี่ได้ยินเรื่องที่พวกนางคุยกันทั้งหมด พอได้ยินก็ถึงกลับยิ้มชั่วร้ายอย่างดูถูกดูแคลนหญิงชาวบ้านกลุ่มนั้นไม่ได้
อวี้ซูหนีอยากรู้นักว่าคนที่หมายตาตำแหน่งฮองเฮานั้นหน้าตาเป็นเช่นไร นางจึงหันไปมองทางหญิงสาวกลุ่มนั้นที่อยู่ห่างออกไป
'หน้าตาบ้านๆ ต่อให้แต่งตัวสวยขนาดไหนก็ไม่มีทางเป็นที่ต้องตาต้องใจของฝ่าบาทได้หรอก'
เห็นหน้าของหญิงสาวพวกนั้นแล้วนางก็เบาใจมากกว่าเดิม ไหนจะหญิงสาวอีกคนที่ยืนห่างออกไปที่สวมโต้วลี่ปิดบังใบหน้าคงขี้ริ้วขี้เหร่จนไม่อาจให้คนมองได้ เหอะ ไม่มีใครสู้นางได้สักคน
อวี้ซูหนี่หันกลับไปคร้านที่จะใส่ใจ ตำแหน่งฮองเฮายังไงเสียก็ต้องเป็นของนางอยู่แล้ว
งานซ้อมทำพิธีเสร็จสิ้นแล้ว เมื่ออวี้ซูหนี่กลับมาที่โรงเตี๊ยมเก่าๆ ในหมู่บ้าน นางก็เลือกชุดที่สั่งให้บ่าวรับใช้ถือมาด้วยหลายชุดอยู่นานสองนาน จนในที่สุดก็เลือกออกมาได้
ชุดสีขาวชุดนี้จะทำให้นางดูโดดเด่นกว่าผู้อื่น ไม่มีใครจะมาเทียบนางได้ นางยืนลูบอาภรณ์ที่ตนเลือกพลางรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย การที่นางต้องมาอยู่ในโรงเตี๊ยมซ่อมซ่อแห่งนี้ทำเอานางอึดอัดไม่ใช่น้อย แต่พอนึกถึงสายพระเนตรของฝ่าบาทที่จะมองมาที่นางในวันพรุ่งนี้ด้วยชุดนี้แล้ว นางก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที รอยยิ้มสวยที่ไม่ได้ดูจริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของนาง
บ่าวรับใช้ที่พากันก้มหน้างุ่นต่างถอดถอนใจที่ในที่สุดนายของตนก็เลือกชุดออกมาได้เสียที พวกนางนั้นยังกลัวว่าหากไม่มีชุดที่ถูกใจคงโดนเฆี่ยนตีอีกเป็นแน่ คนภายนอกอาจคิดว่าคุณหนูของนางนั้นใส่ซื่อบริสุทธิ์ชอบทำบุญเข้าอาราม บริจาคสิ่งของ แต่คนในจวนทุกคนต่างรู้ถึงนิสัยเอาแต่ใจของอวี้ซูหนี่ดี เวลาอารมณ์ไม่ดีนางมักจะชอบเฆี่ยนตีบ่าวในจวนเพื่อระบายอารมณ์อยู่ร่ำไป
พวกนางยังเคยพูดว่าหากอวี้ซูหนี่ได้เป็นเฮาเฮาขึ้นมาจริงๆ ยามนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แทบไม่อยากนึกถึงอนาคตของแคว้นเลย
ที่อารามหมู่บ้านจิ้ง
"กลับไปพักผ่อนเถิดงานที่เหลือข้าจะจัดการเอง" จูมี่เอินเห็นพวกศิษย์พี่ซ้อมพิธีมาเหนื่อยๆ ยังจะมาช่วยนางทำงานอีกก็อดที่จะออกปากไล่ไม่ได้
เถียงกันอยู่นานสองนานจูมี่เอินก็เป็นฝ่ายชนะ พวกศิษย์พี่ต่างพากันแยกย้ายไป บางคนก็ไปอ่านคัมภีร์ บางคนก็ไปนั่งสมาธิ ทุกคนต่างคิดว่าการมีน้องเล็กนั้นช่วยให้ตนได้มีเวลาฝึกฝนกว่าเดิมมาก ในใจทั้งรักทั้งเอ็นดูนาง
จูมี่เอินมองส่งพวกเขาจากไปคนละทางในใจพลางคิด
'พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะได้เห็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เองกับตา'
นางเองก็ภาวนาขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ชาวบ้านทำนาทำไร่ไม่ได้มานานแล้ว พืชผลน้อยยิ่งนัก น้ำในลำธารด้านหลังก็แห้งเหือดจนแทบไม่เหลือ กว่านางจะตักมาจนเต็มโอ่งได้ก็นานหลายชั่วยาม
ในตอนนี้จูมี่เอินนั้นไม่อาจควบคุมการมองเห็นภาพนิมิตรได้ นางพยายามฝึกอยู่หลายครั้งก็ไม่เป็นผล จะเห็นก็เห็นเองไม่มีกำหนดว่ากี่วันถึงเห็น
เรื่องที่นางเห็นส่วนมากคืออันตรายและการจากไปของผู้คน ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าฝนจะตกหรือไม่ ไม่สามารถมองเห็นอนาคตของแคว้นเซียวได้ ยามนี้นางเองก็ทำได้เพียงขอให้พีธีในวันพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดี และขอให้ฝนตกลงมาเสียที
จูมี่เอินไม่ใช่เทพเซียนนางหารู้ไม่ว่าพิธีขอฝนในวันพรุ่งนี้กลับไม่ราบลื่นอย่างที่นางหวัง....
