บท
ตั้งค่า

10 วันซ้อมของพิธีกรรมของฝน

จูมี่เอินจมอยู่กับความทุกข์เรื่องของอาจารย์นานหลายวัน ศิษย์พี่ที่เห็นนางมาแต่เล็กก็พากันเห็นความผิดปกตินี้ของนาง บางคนถึงกลับเข้าไปในตัวหมู่บ้านนำขนมติดมือกลับมาให้นาง บางคนก็ช่วยนางทำความสะอาดอารามทั้งหมดไม่ให้นางเหนื่อยคนเดียว จูมี่เอินรับรู้ความปรารถนาดีทั้งหมดของพวกเขาได้ จึงพยายามทำตัวเป็นปกติ

แล้ววันนั้นศิษย์พี่เอ้อร์ที่ออกไปปัดเป่าทำพิธีในหมู่บ้านก็กลับมาแจ้งข่าวว่าวังหลวงมีการจัดพิธีขึ้นที่หมู่บ้านที่อารามของพวกเขาตั้งอยู่ มีการส่งข่าวมาให้พวกเขาเข้าร่วมพิธีขอฝนในอีกสามวันข้างหน้าที่ลานกลางหมู่บ้านซึ่งกำลังจะเตรียมพื้นที่อยู่ตอนนี้

"มีนักบวชจากอารามอื่นมาด้วยรึไม่?" จูมี่เอินรู้ว่าพิธีขอฝนนั้นต้องทำเช่นไร ยามปกติใช้นักบวชไม่กี่คนก็ได้ แต่หากเป็นพิธีของวังหลวงไม่แน่ว่าคนของอารามแห่งนี้อาจไม่พอ ขึ้นอยู่กับทางนักบวชหลวงเป็นผู้กำหนด

"ใช่ ครั้งนี้ใช้นักบวชยี่สิบสี่คน" ศิษย์พี่เอ้อร์บอกก่อนจะขอตัวไปหาอาจารย์ของตนเพื่อแจ้งข่าวให้เขาทราบ

จูมี่เอินก้มหน้าลงใช้ความคิด เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่วังหลวงมาจัดพิธีในหมู่บ้านจิ้งของนาง เพราะที่แห่งนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างห่างไกลจากวังหลวงมาก ต้องใช้เวลาเดินถึงหกวัน

แต่ที่นางได้เรียนรู้มาตลอดหลายปีนั้นก็คือนักบวชหลวงจะเป็นผู้กำหนดสถานที่ร่วมกับท่านโหราศาตร์ของวังหลวง พวกเขาทำนายถึงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในการทำพิธีครั้งใหญ่ทุกปี ยามนี้ฝนไม่ตกมาถึงสองฤดูกาลแล้ว ชาวบ้านต่างขาดแคลนน้ำ มีการทำพิธีถึงสองครั้งแต่ก็ไร้ผล ปีนี้เป็นปีที่สามหากไม่ได้ผลอีกเกรงว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่เพิ่งได้ขึ้นครองราชย์มาสองปีนั้นต้องเป็นที่กล่าวถึงในทางไม่ดีแน่

แม้นางจะอยู่ห่างไกลแต่ก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์มาบ้าง สองปีก่อนเป็นปีที่นางมีพิธีปักปิ่นยามนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ ฮ่องเต้สวรรคตจากไปด้วยโรคร้าย องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ ยามนั้นนางมองเห็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ของวังหลวง เป็นครั้งแรกที่เห็นการเสียชีวิตของคนที่อยู่ไกลขนาดนั้น ฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ได้จากไปจากโรคร้ายหากกลับถูกวางยาพิษ แต่จูมี่เอินไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะไม่มีใครที่เชื่อนางเป็นแน่

รอบนี้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ถูกเลือกแล้ว นางหวังว่าฝนจะตกตามฤดูกาลเสียที

สองวันต่อจากนั้น นางช่วยศิษย์พี่และอาจารย์เตรียมตัวไปทำพิธี เพราะจะมีการซ้อมพิธีก่อนวันจริงหนึ่งวันเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจากการทำพีธีต่อหน้าฮ่องเต้

จูมี่เอินยามนี้สวมชุดสีเทาอ่อนคล้ายชุดของเหล่าศิษย์พี่ที่สวมใส่กันทุกวัน เป็นเนื้อผ้าบางเบาไม่เหมือนชุดปกติที่นางใส่ อาภรณ์ชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่สุดที่นางเก็บไว้ไม่เอาออกมาสวมในยามปกติ ชุดที่นางสวมมาตลอดเป็นผ้าหยาบแบบเดียวกับของพวกชาวนา แม้จะหยาบและหนาแต่ทนต่อการใช้งานมากนางจึงมักสวมแต่ชุดพวกนั้นมาตลอด บนศรีษะยังสวมหมวกโต่วลี่*สี่ขาว เพราะเป็นครั้งแรกที่นางเดินทางลงมาที่หมู่บ้านด้วยตนเอง อาจารย์ของนางจึงมอบหมวกใบนี้ให้เพราะรู้ว่านางอาจเกิดความประหม่าได้ (*โต่วลี่ หมวกสานแบบมีผ้าคลุมปิดหน้า)

ส่วนศิษย์พี่และอาจารย์ของนางในวันนี้ใส่ชุดขาวดิ้นทองของราชวงศ์ส่งมาให้เมื่อวันก่อน ยามนี้ได้มองพวกเขาจากที่ไกลๆ ซ้อมพิธีขอฝน ความยิ่งใหญ่ที่เพิ่งเคยได้เห็นครั้งแรกอดทำให้นางตื่นตาตื่นใจไม่ได้ มีทั้งนางรำ กลอง ดนตรี ไม่ใช่แค่นางเท่านั้นคนอื่นในหมู่บ้านก็ต่างพอกันมาดู ทั้งนางยังได้ยินชาวบ้านบอกว่าพรุ่งนี้คงมีคนจากหมู่บ้านอื่นมาด้วย มาต้อนรับฮ่องเต้ที่นานครั้งจะออกจากวังหลวง ก็คิดว่าพรุ่งนี้คงน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่านี้

หญิงสาวข้างกายนางยังคงพูดถึงฮ่องเต้ด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าว่า

"ได้ยินว่าฮ่องเต้จะเสด็จมา พรุ่งนี้ข้าจะแต่งตัวให้สวยที่สุด หากต้องตาต้องใจฝ่าบาทเข้าข้าอาจมีบุญวาสนาได้เป็นสนมของพระองค์"

"ข้าด้วยๆ ได้ยินว่าพระองค์มีสนมในวังหลายคนแต่กลับไม่มีใครเป็นที่โปรดปรานเลยสักคน หากเข้าไปได้และเป็นที่รักของฝ่าบาทยามนั้นไม่แน่ข้าอาจได้เป็นฮองเฮาของแคว้น!"

"เจ้าก็หวังสูงเกินไป แค่จะได้เป็นสนมก็มากพอแล้ว เราเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาต่อให้พระองค์ทรงชื่นชอบเพียงใดก็ไม่อาจเป็นฮองเฮาของแคว้นได้ พวกเรามิได้เป็นลูกของคนใหญ่คนโตเสียหน่อย"

จูมี่เอินไม่ได้อยากร่วมวงสนทนากับหญิงสาวกลุ่มนั้น นางรักความสงบอยากอยู่เงียบๆ เลยหลบออกมาอยู่ที่เนินไกลๆ แต่หญิงสาวพวกนี้กลับมาตามมาเสียได้ ทั้งพากันคุยเรื่องราวมากมายจนจูมี่เอินแทบจะจับใจความไม่ทัน เสียงก็ไม่ใช่เบาๆ หากอยู่ไกลไปหลายจั้ง*ก็ยังคงได้ยินแน่ๆ (จั้ง หน่วยวัดความความยาวของจีน 1 จั้งเท่ากับ 3.33 เมตรโดยประมาณ)

จูมี่เอินยกมือขึ้นเปิดผ้าออกอีกเล็กน้อยมองการทำพิธีต่อ เนินดินที่นางอยู่สูงห่างจากประรำพิธีอยู่มาก เมื่อนางมองลงไปกลับได้เห็นหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งอยู่เบื้องล่างของทางเดินไปที่แท่นพิธีกรรม ข้างกายมีคนติดตามอีกหลายคน ความแต่งต่างของเสื้อผ้าชนชั้นสูงกับชาวบ้านนั้นดูออกได้ไม่อยาก เดาได้ว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้าน คาดว่าอาจเป็นลูกของขุนนางบางคน

นอกจากหญิงสาวนางนั้นแล้วที่จูมี่เอินสนใจก็คงเป็นนักบวชหลวงที่เดินทางมาซ้อมพิธีล่วงหน้าก่อนฮ่องเต้หนึ่งวัน ท่าทางของเขามีสง่า ดูสงบร่มเย็นคล้ายอาจารย์ของนางเก้าส่วน อีกส่วนนางสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของเขา เป็นเพราะเขาอาศัยอยู่ในวังหลวงรึไม่ถึงได้ถูกขัดเกลาให้เป็นเช่นนั้น

อาจารย์ลู่ของนางมีความเมตตาต่อสัตว์โลก นั้นจึงทำให้นางรู้สึกว่าทั้งสองคนนั้นต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีความน่าเลื่อมใสจริงๆ เห็นแล้วก็ได้แต่ถอดถอนใจ อยากเป็นผู้ที่ได้ไปอยู่ในการทำพิธีบ้าง แน่นอนว่าสตรีมักถูกมองข้ามเสมอ ต่อให้นางเป็นนักบวชหญิงแต่บางทีก็คงไม่อาจได้มีโอกาสไปยืนทำพิธีขอฝนที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นได้

ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม

เสียงกลองยังคงดังต่อเนื่อง จากนั้นเสียงดนตรีก็ดังขึ้น นางรำเดินออกมารำ การร่ายรำไม่ได้ดูชดช้อยเหมือนการรำทั่วไป แต่กับดูแล้วทรงพลังอย่างบอกไม่ถูก จูมี่เอินเห็นแล้วก็คิดว่าการทำพิธีพรุ่งนี้น่าจะเกิดผลไม่มีอะไรน่าเป็นกังวล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel