บทที่ 5 การปกป้องของบุรุษบ้า
ยามบ่ายคล้อยในวันที่แดดร่มลมตก สวนตระกูลเฮ่อนั้นเย็นสบาย สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านต้นไม้สูงใหญ่จนเกิดสายลมบางเบา ใบไม้ที่มีสีเขียวสดสะท้อนแสงแดด ทำให้บรรยากาศภายในสวนดูสงบเงียบและร่มเย็น หลานเยวี่ยซินนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ที่ถูกจัดวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าได้รูปแหงนรับสายลมเย็นที่พัดโชยกระทบใบหน้า ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลาย
แม้ดวงตาของนางจะปรากฏร่องรอยของความเหนื่อยล้า แต่นางก็ยังคงรักษาท่าทีที่สงบเรียบง่ายไว้ดังเช่นเดิม นางหลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อยู่หลายครา เพื่อสงบจิตใจที่ยังคงว้าวุ่นจากการกระทำของผู้เป็นสามี
ไม่ไกลจากที่นางนั่งอยู่ เฮ่อหลิงเทียนกำลังหยอกล้อกับจีถุ่ย ไก่ตัวโปรดของเขา ที่ถูกเลี้ยงเอาไว้เป็นอย่างดี เขาใช้หญ้าก้านเล็กๆ
หลอกล่อให้จีถุ่ยจิกกินด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเมตตาและความสุขที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เขาหยุดยิ้มได้
“ฮูหยิน เจ้าดูสิ จีถุ่ยของข้าฉลาดขึ้นทุกวัน” เฮ่อหลิงเทียนหันมายิ้มให้หลานเยวี่ยซิน พลางยกจีถุ่ยขึ้นอุ้มด้วยสายตาที่รักใคร่
หลานเยวี่ยซินนั่งมองการกระทำของเขาด้วยท่าทีเรียบนิ่ง แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
"เฮ่อหลิงเทียน ข้าคิดว่า...จีถุ่ยอาจไม่ได้ฉลาดอย่างที่เจ้าคิด แต่เป็นเจ้าต่างหากที่หลงใหลมันมากจนเกินไป" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขบขัน
"ฮ่า หากเจ้าเห็นความรักของข้ากับจีถุ่ย เจ้าจะเข้าใจเอง"
เฮ่อหลิงเทียนหัวเราะออกมาโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านที่นางเอ่ยวาจาจิกกัดไก่ของเขา ฝ่ามือหยาบลูบหัวจีถุ่ยเบา ๆ ต่อไป ให้มันจิกกินหญ้าต่อไปด้วยความเอร็ดอร่อย
นางอมยิ้มและส่ายหน้าให้กับความน่ารักของเขา ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะดังกังวานขึ้นในสวน เป็นรองเท้าของสตรีที่ประดับด้วยอัญมณีจนเกิดเสียงดังเมื่อยามที่ก้าวเท้าเดิน ดวงตาคู่งามหันมองไปตามเสียง
สตรีร่างเล็กอรชรในอาภรณ์สีแดงเพลิงเดินเข้ามาในสวน สตรีผู้นั้นคือหลานอี้หลัน น้องสาวต่างมารดาของหลานเยวี่ยซิน ใบหน้าสวยสดของผู้เป็นน้องสาวยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ทว่าแววตากลับฉายแววเย้ยหยันออกอย่างชัดเจน กิริยาท่าทางไม่ได้ต่างไปจากมารดาเลี้ยงจอมร้ายกาจเลยแม้แต่น้อย
หลานอี้หลันสวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน ซึ่งดูหรูหราและสง่างาม ตรงข้ามกับหลานเยวี่ยซินที่นั่งอยู่ในชุดสีเรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย
“ท่านพี่เหยี่ยซิน ไม่เจอกันนาน ท่านพี่ดู…”
หลานอี้หลันหยุดคำพูดชั่วครู่ ก่อนจะแสยะยิ้มด้วยสายตาไม่เป็นมิตร สักเท่าใดนัก
“ดู...ดูกระไรหรือ” นางเอ่ยถามผู้เป็นน้องสาว
"เรียบง่ายกว่าที่ข้าจำได้..." หลานอี้หลันเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรายดวงตามองไปที่อาภรณ์ของพี่สาวด้วยท่าทางเยาะเย้ย
"แต่งกายก็ต้องรู้จักประมาณตน จะใช้เงินเหมือนกับทิ้งดินอย่างเช่นเมื่อก่อน เห็นทีจะไม่ได้...อี้หลัน เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใด"
หลานเยวี่ยซินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยคำเปรียบเปรยจนอีกฝ่ายชะงักนิ่งไป
หลานอี้หลันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะจ้องมองมองไปที่เฮ่อหลิงเทียนที่ยังคงนั่งเล่นกับจีถุ่ยด้วยสายตาแห่งความสมเพชและเหยียดหยัน
"ฮ่า ไม่มีอะไรนักหรอก ข้าเพียงแค่อยากมาเยี่ยมเยียนพี่สาวก็เท่านั้น แต่ข้ารู้สึกสงสัยว่าเหตุใดชีวิตของฮูหยินตระกูลเฮ่อที่ร่ำรวยถึงได้ดูตกต่ำนัก นี่หรือคือสามีของท่าน ช่างดู...แปลกยิ่งนัก"
น้องสาวตัวดีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย นางปรายตามองเฮ่อหลิงเทียนที่กำลังยิ้มอย่างไม่รู้เรื่อง ด้วยสายตารังเกียจ
คำพูดนั้นทำให้หลานเยวี่ยซินนิ่งไปเล็กน้อย นางกัดปากห้ามไม่ให้ตัวเองแสดงอารมณ์ไม่พอใจออกไป แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ตอบอะไร เฮ่อหลิงเทียนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กลับหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
“แปลกหรือ ใช่ ข้าแปลก และข้าก็แปลกที่สุดในจวนนี้ด้วย” เขาพูดพลางลูบหัวจีถุ่ย ด้วยรอยยิ้มที่มีนัยแอบแฝง
หลานอี้หลันจ้องมองสามีของผู้เป็นพี่สาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะแบะริมฝีปากออกมา
"ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น...เสียดายความรูปงามของท่านจริง ๆ" นางพึมพำเสียงเบา ก่อนจะหันไปมองหลานเยวี่ยซินด้วยท่าทีเยาะเย้ย
เฮ่อหลิงเทียนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกายภรรยา พลางส่งสายตามองหลานอี้หลันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเอ่ยถามชื่อของนาง
"เจ้าชื่ออะไรหรือ"
"หลานอี้หลัน" นางตอบด้วยน้ำเสียงถือดี
“อืม...หลานอี้หลัน ว่าแต่เจ้ามาพูดจาเย้ยหยันภรรยาของข้าด้วยเหตุใดเล่า” น้ำเสียงเขายังคงดูอ่อนโยน และไม่แสดงออกถึงความโกรธเลยแม้แต่น้อย
“ข้าก็แค่พูดตามที่เห็น...พี่สาวข้าเป็นสตรีที่เคยโดดเด่นในเมืองนี้ แต่กลับแต่งงานกับ บุรุษบ้าเช่นท่าน” หลานอี้หลันตอบโต้อย่างไม่ลดราวาศอก
คำพูดนั้นทำให้หลานเยวี่ยซินหน้าแดงซ่านด้วยความโกรธ สองมือกำเข้าหากันแน่น และนางพยายามเอ่ยห้ามปราม
“อี้หลัน พอได้แล้ว!”
แต่เฮ่อหลิงเทียนกลับไม่แสดงท่าทีโกรธเลยแม้แต่น้อย เขายังคงยิ้มด้วยท่าทางที่สง่างาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ
"ข้าขอถามเจ้า ว่าเจ้าเคยเห็นบุรุษอื่นที่เลี้ยงไก่ได้ดีเช่นข้าหรือไม่ บางทีจีถุ่ยของข้า อาจจะราคาแพงมากกว่าสินสมรสของเจ้าก็เป็นได้"
"ท่านว่าอะไรนะ!" หลานอี้หลันชะงัก เพราะคำพูดของเขากำลังดูถูกนางอยู่
“อ่า...ขนของจีถุ่ย ข้าก็คิดว่างามกว่าเส้นผมของเจ้าอยู่หลายส่วนนัก” เขาพูดพลางยื่นจีถุ่ยเข้าไปใกล้หลานอี้หลัน
“กรี๊ด ท่านกำลังหลอกด่าข้าอยู่รึ...ว้าย ไก่ เอาออกไปนะ!” หลานอี้หลันกรีดร้องเสียงดัง ก่อนจะถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากลัวไก่หรือ” เฮ่อหลิงเทียนเอ่ยพลางหัวเราะ ก่อนจะเดินตามนางไปพร้อมจีถุ่ยในมือ
กรี๊ด
ภาพของเฮ่อหลิงเทียนที่กำลังเดินอุ้มจีถุ่ยเข้าไปใกล้น้องสาวจอมร้ายกาจ พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ในขณะที่หลานอี้หลันถอยหนีด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนจนล้มลงไปบนพื้น ทำให้หลานเยวี่ยซินที่ยืนมองอยู่ต้องกลั้นหัวเราะจนรู้สึกปวดท้อง
“กรี๊ด นี่มันอะไรกัน...”
หลานอี้หลันยกมือที่เลอะอะไรบางอย่างขึ้นมาสูดดม ก่อนจะเบ้หน้าด้วยท่าทางราวกับจะอาเจียนออกมา
“อุ๊บ ข้าต้องขออภัย พอดีวันนี้จีถุ่ยท้องไม่ค่อยดี เลยถ่ายออกมาไม่เป็นที่ทาง และข้าต้องขอบคุณที่เจ้าช่วยเช็ด ‘ขี้ไก่’ ให้ข้า”
เฮ่อหลิงเทียนเดินเข้าไปใกล้หลานอี้หลัน เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอกให้นางได้รับรู้ว่าสิ่งที่เปื้อนฝ่ามือคือสิ่งใด อีกทั้งยังเน้นย้ำถ้อยคำที่ทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน
“กรี๊ด! สกปรกนัก”
สุดท้ายหลานอี้หลันก็จนมุม จนต้องรีบพาตัวเองออกจากสวนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมูลของจีถุ่ยที่ติดมือและอาภรณ์ที่แสนจะงดงามของนาง ก่อนที่เฮ่อหลิงเทียนเดินกลับมาหาหลานเยวี่ยซินพร้อมกับรอยยิ้มกว้างชวนใจเต้น
“ข้าทำได้ดีหรือไม่ เหยี่ยซินเจ้าไม่ต้องกลัว จะไม่มีผู้ใดมาดูถูกภรรยาของข้าได้!” เขาพูดพร้อมกับท่าทางมั่นใจเต็มที่ สีหน้าและแววตาที่จริงใจของเขาในยามนี้ทำให้นางรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ อีกทั้งยังใจเต้นแรงจนรู้สึกเหนื่อยหอบ
“เจ้าช่าง...ไม่ธรรมดาจริง ๆ” หลานเยวี่ยซินถอนหายใจ แต่ก็อดยิ้มและชื่นชมเขาออกมาไม่ได้ วิธีการปกป้องของเขาช่างไม่เหมือนผู้ใด
“แน่นอน ข้าปกป้องจีถุ่ยมากเท่าใด ข้าก็จะปกป้องเจ้ามากเท่านั้น” เขาพูดพลางลูบหัวจีถุ่ยด้วยความรัก
“เจ้าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับไก่อย่างนั้นรึ...” หลานเยวี่ยซินยกมือขึ้นเท้าเอว มองเขาด้วยสายตาพิฆาต
“จุ๊ ๆ จีถุ่ย ไม่ใช่ไก่...” เขายกนิ้วมือขึ้นทาบริมฝีปากเมื่อนางไม่ได้เรียกว่าจีถุ่ย
“เฮ่อหลิงเทียน ต่อจากนี้ข้าจะเรียกมันว่าไก่ หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าจะจับมันยัดใส่หม้อน้ำร้อน แล้วถอนขนมันเสีย!” นางขบกรามแน่น ก่อนจะเอ่ยบอกกับเขาด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ไม่นะ!...ฮูหยินเจ้าร้ายกาจนัก ไปกันเถอะจีถุ่ยลูกพ่อ พ่อจะปกป้องเจ้าเอง”
เฮ่อหลิงเทียนพาไก่วิ่งหนีไป ส่วนนางได้แต่ทุบกำปั้นที่ขมับเพราะเริ่มจะรู้สึกปวดร้าว...และได้แต่คิดในใจว่า
ชีวิตข้ากับสามีผู้นี้…เห็นทีคงจะไม่มีวันสงบสุข!