บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เดินเล่นกับจีถุ่ย

แสงสุริยาส่องสว่างด้วยความเจิดจ้า เมื่อเข้าสู่ยามอู่ [1] แสงที่ส่องลอดบานหน้าต่างเข้ามาในห้องหอ ตกกระทบกับผ้าปูที่นอนที่ยับย่นจากความโกลาหลในค่ำคืนที่ผ่านมา สร้างความอบอุ่นจนไม่อาจข่มตานอน การใช้ชีวิตในฐานะสะใภ้ของตระกูลเฮ่อล่วงเลยมาแล้วสามวัน ก็ยังคงเป็นวันที่นางไม่สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มตา

หลานเยวี่ยซินไม่ได้หลับทั้งคืนเพราะความวุ่นวายในห้องหอ เมื่อผู้เป็นสามีคึกคักและอยากเล่นสนุกในช่วงเวลากลางคืน ทั้งปีนป่าย หมากรุก หมากกระดาน ล้วนแล้วแต่ต้องฝ่าฟัน นางค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความยากลำบาก ใบหน้าของนางซีดเซียว ขอบตาดำคล้ำจนบ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เผลอมองด้วยความสงสาร เพราะต่างพากันคิดไกลว่านางถูกเขาเคี่ยวกรำเรื่องบนเตียงอย่างหนักหน่วง

"อื้อ...เหตุใดวันนี้ถึงได้เช้าเร็วยิ่งนัก"

หลานเยวี่ยซินขยี้ดวงตาหนัก ๆ ราวกับกำลังจะพยายามลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าไรนักเมื่อดวงตายังคงปิดสนิท นางบ่นพึมพำด้วยความงัวเงีย พยายามลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ ก่อนจะยืดแขนและขยับคอที่เจ็บปวดจากการนอนในท่าที่ไม่สบายจนเมื่อยขบไปทั้งตัว

ในขณะที่นางกำลังจะหาวหวอด ๆ และไม่ได้สังเกตบุรุษข้างกายที่หายไป จนกระทั่งมองเห็นร่างสูงของเฮ่อหลิงเทียนผ่านม่านสายตา

ที่หมองมัว กำลังเดินเข้ามาในห้องนอนด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าราวกับมีพลังงานล้นเหลือ

ใบหน้าคมคายนั้นเต็มไปด้วยความสดใส เขาสวมอาภรณ์สบาย ๆ สีแดงสดและส่งยิ้มกว้างให้กับนาง จนนางรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก เพราะในทุกครั้งที่เขายิ้มให้นางเช่นนี้ ชีวิตของนางก็ไม่เคยได้รับความสงบสุขอีกเลย

"ฮูหยิน! เจ้ารีบตื่นเร็วเข้า วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปสนุก"

เฮ่อหลิงเทียนตะโกนบอกหลานเยวี่ยซินด้วยเสียงดัง ขณะที่เขากระโดดไปมาอยู่ด้านหน้าของประตูห้อง มิหนำซ้ำเขายังเรียกนางว่า

ฮูหยินได้อย่างเต็มปาก ส่วนหลานเยวี่ยซินค่อย ๆ เงยใบหน้ามองเขาด้วยสายตาเลื่อนลอย

"เจ้าจะพาข้าไปเล่นสนุกกระไรอีกรึ หลิงเทียน ข้าเหนื่อยนัก" นางเอ่ยถามเขาเสียงแผ่ว ก่อนจะพยายามทำตัวให้สดชื่น

"วันนี้ข้าจะพาเจ้ากับจีถุ่ยไปเดินเล่น"

เขาบอกกับนางด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านข้างของเตียงนอน แล้วยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาจนปลายจมูกชนกัน 

ด้วยความตกใจนางจึงดันอกเขาออกไป ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อเบี่ยงความสนใจของเขาในทันที

"จีถุ่ย...จีถุ่ยคือผู้ใดกัน" หลานเยวี่ยซินเลิกคิ้ว แล้วเอ่ยถามด้วยความงุนงง ทั้งที่หัวใจของนางยังคงเต้นแรงไปกับเหตุการณ์เมื่อครู่

"อ๊ะ...ข้าลืมไป ว่าเจ้ายังไม่รู้จักจีถุ่ย ประเดี๋ยวข้าจะไปพามันมาทำความรู้จักกับเจ้า" เฮ่อหลิงเทียนทำหน้าเหมือนตกใจเล็กน้อย หลังจากพูดจบ เขาก็รีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

หลานเยวี่ยซินยังคงรู้สึกสงสัย นางจึงหันไปถามบ่าวรับใช้สาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้

“จีถุ่ย…ผู้ใดหรือ พวกเจ้ารู้จักหรือไม่” นางกระซิบถามบ่าวรับใช้สาวด้วยเสียงเบา

บ่าวรับใช้สาวสองคนพยายามจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขบขัน

"จีถุ่ย…เป็นไก่เจ้าค่ะ คุณชายเฮ่อเลี้ยงเอาไว้อยู่ด้านหลังจวน" หมิงอันอมยิ้ม ก่อนจะตอบนางให้คลายความสงสัย

“ไก่...ไก่ชื่อ จีถุ่ย อย่างนั้นหรือ” หลานเยวี่ยซินรู้สึกตะลึงอีกครั้งเมื่อรู้ชื่อสัตว์เลี้ยงของคุณชายเฮ่อ

“เจ้าค่ะ ฮูหยิน จีถุ่ย หรือ น่องไก่ เจ้าค่ะ” หมิงซื่อบ่าวรับใช้ผู้น้องของหมิงอัน ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะอธิบายให้นางได้เข้าใจอย่างถ่องแท้

“เขาตั้งชื่อไก่ว่า…น่องไก่! โอ้ มีสิ่งใดให้ข้าต้องประหลาดใจอีกหรือไม่” นางเบิกดวงตากว้าง หลายวันมานี้นางได้พบเจอแต่เรื่องประหลาดที่นางไม่เคยได้พบเจอมาก่อน จนกระทั่งย้ายเข้ามาที่จวนของตระกูลเฮ่อ

หลานเยวี่ยซินยืนนิ่ง สติล่องลอย จนกระทั่งเฮ่อหลิงเทียนปรากฏตัวอีกครั้ง เขาอุ้มไก่ตัวหนึ่งที่มีขนสีน้ำตาลเหลือบทอง หงอนสีแดงก่ำสุขภาพดี หน้าตาดูสง่างามราวกับราชาแห่งฝูงไก่ และที่สำคัญภายในมือของเขา ยังถือเชือกเส้นเล็ก ๆ ที่ผูกเอาไว้กับขาไก่ตัวนั้น

"นี่คือจีถุ่ยของข้า..." เขายิ้มกว้างขณะยื่นไก่ตัวนั้นให้นางได้ดูด้วยความใกล้ชิด

“น่ะ...นี่คือ…จีถุ่ย”

หลานเยวี่ยซินถามเสียงสั่น เหลือบตามองไปที่ไก่ตัวนั้น และมันกำลังจ้องมองหน้าของนางด้วยสายตาที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อน

"ใช่แล้ว เจ้าไม่คิดว่ามันงดงามหรือ ข้าว่าไก่ตัวนี้มีขาที่ดูแข็งแรงมาก ข้าจึงตั้งชื่อมันว่าจีถุ่ย หรือเจ้าน่องไก่อย่างไรเล่า" เฮ่อหลิงเทียนบอกกับนางอย่างภาคภูมิใจ

“อืม...ตั้งชื่อได้น่ากินเชียว...” นางพึมพำกับตัวเอง

“ฮูหยิน เจ้ารีบไปอาบน้ำเถอะ จะได้พาเจ้าจีถุ่ยไปเดินเล่นเสียที แต่รีบ ๆ หน่อยได้หรือไม่ ข้าไม่อยากให้จีถุ่ยของข้าหงุดหงิด” เขาบอกและกำชับกับนางเรื่องเวลาอีกครั้ง

"จะ...เจ้าจะพา…ไก่ ไปเดินเล่นอย่างนั้นหรือ" หลานเยวี่ยซินรู้สึกอยากจะหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน

“ไม่เอาน่าฮูหยิน อย่าเรียกมันว่าไก่ ให้เรียกมันว่าจีถุ่ย”

นางยกมือขึ้นทาบอก จ้องมองไปยังไก่ในอ้อมอกของเขา ก่อนจะมองสลับกับใบหน้าของเฮ่อหลิงเทียน ในใจนั้นรู้สึกสับสนขึ้นมาไม่น้อย นี่นางควรจะหึงหวงไก่ดีหรือไม่ ที่เขาปกป้องมันมากถึงเพียงนี้

“จีถุ่ย...ก็จีถุ่ย น่าจับลงหม้อนัก” นางเหลือบตามองเจ้าจีถุ่ยด้วยความหมั่นไส้

“เร็วเข้าเถิด นี่ก็บ่ายคล้อยแล้ว จีถุ่ยจะร้อนเอาได้...” เขาเร่งเร้านางด้วยความรีบร้อน เพียงเพราะกลัวว่าไก่จะร้อนขึ้นมาขณะออกไปเดินเล่น

“เจ้าจะพา...ไก่...เอ่อ จีถุ่ยไปเดินเล่นจริงหรือ” นางถามซ้ำอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ

"ก็ใช่น่ะสิ เจ้าไม่รู้หรือว่าการพาจีถุ่ยออกไปเดินเล่น เป็นการออกกำลังกายที่ดี จีถุ่ยจะได้แข็งแรงขึ้น" เฮ่อหลิงเทียนตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง

หลังจากนั้นหมิงอันและหมิงซื่อก็พานางไปอาบน้ำชำระร่างกาย ก่อนจะเตรียมอาภรณ์สีหวานสดใสให้นางได้สวมใส่ สำหรับพาไก่ออกไปเดินเล่น เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยดีนางก็เดินออกมาด้านหน้าจวน ทว่า

ภาพเบื้องหน้าที่นางได้เห็นก็เป็นเรื่องที่นางไม่อาจทำใจยอมรับได้อยู่ดี เฮ่อหลิงเทียนเดินจูงไก่ออกมานอกเรือน ด้วยเชือกเส้นเล็กๆ 

ที่ผูกไว้กับขาของเจ้าจีถุ่ยประหนึ่งสุนัขเลี้ยงของจวนอื่น หากเขาเลี้ยงสุนัขและพามันออกไปเดินเล่นนางคงจะไม่ติดใจกระไร แต่นี่ ‘ไก่’ เขาพาไก่ออกไปเดินเล่น นางควรจะจัดการความรู้สึกเช่นไรดี

หลานเยวี่ยซินเดินตามเขาไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งง่วง ทั้งสับสน และทั้งขบขัน เมื่อมองภาพเบื้องหน้าไปพร้อมกัน

"จีถุ่ย ไปเดินเล่นกันเถอะ" เฮ่อหลิงเทียนบอกกับไก่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับมันเป็นสุนัขที่เชื่อฟัง

หลานเยวี่ยซินยังคงจับจ้องสายตามองไปยังไก่ตัวนั้น ที่กำลังเดินไปมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ในขณะที่เฮ่อหลิงเทียนส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข

"เจ้าดูนี่สิ ฮูหยิน มันเดินเหมือนนักรบเลย"

“นักรบ...หรือ ฮ่า”

นางหลุดขำขันออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ เมื่อไก่ตัวนั้นกำลังเดินต้วมเตี้ยมไปทางหนึ่ง ก่อนจะสะดุดหินจนล้มลงไปในพุ่มไม้

“จีถุ่ย ระวังหน่อย!” เฮ่อหลิงเทียนรีบวิ่งไปอุ้มไก่ขึ้นมาด้วยความทะนุถนอม ก่อนจะหันมาพูดกับหลานเยวี่ยซิน

"ฮูหยินเจ้าหัวเราะกระไร เจ้าไม่เห็นหรือ แม้ว่าจีถุ่ยจะล้ม แต่มันก็ยังดูสง่างามเสียยิ่งนัก" เขาลูบหงอนของมัน เพื่อปลอบโยนที่มันเดินล้มไป

“สง่างามอะไรกันเล่า หน้าคว่ำลงไปถึงเพียงนั้น ฮ่า” หลานเยวี่ยซินหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด

“ฮูหยิน เจ้าอย่ามาหัวเราะจีถุ่ยของข้านะ” เขาบุ้ยหน้าใส่นางด้วยความไม่พอใจ ที่นางต่อว่าไก่ของเขา

“…” นางไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป เพียงแต่อมยิ้มให้กับท่าทางของเขา

ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา ต่างเริ่มหันมามองภาพประหลาดตรงหน้าเป็นสายตาเดียวกัน อดีตคุณชายอันดับหนึ่งแห่งตระกูลเฮ่อเคยเป็นผู้เลื่องชื่อ ตอนนี้เป็นเพียง ‘บุรุษบ้า’ ที่กำลังจูงไก่เดินเล่นอย่างมีความสุขราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่คนทั่วไปเขาทำกัน

“ข้าบอกแล้วว่าจีถุ่ยเป็นไก่ที่พิเศษ เจ้าดูสายตาของชาวบ้านพวกนั้นที่จ้องมองจีถุ่ยของข้าสิ” เฮ่อหลิงเทียนบอกกับนาง

หลานเยวี่ยซินได้แต่ยืนปิดหน้าด้วยความเขินอาย นี่หรือสามีของนางที่ใคร ๆ ต่างก็ลือว่าเป็นคนบ้า ที่คลุ้มคลั่ง อาละวาด แต่ภาพที่นางมองเห็น เขาเป็นเพียงบุรุษบ้าที่ไม่ได้มีใจคิดจะทำร้ายผู้ใด แต่เขาเป็นเหมือนเด็กน้อยที่หลงใหลในความเรียบง่ายและความสุข

เสียมากกว่า หลานเยวี่ยซินก็ได้เรียนรู้ว่า

การมีสามีอย่างเฮ่อหลิงเทียน…ชีวิตของนางคงไม่มีวันธรรมดาอีกต่อไป!

[1] ยามอู่ ช่วงเวลาประมาณ 11.00 – 12.59 น.
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel