บทที่ 2 อลหม่านคืนเข้าหอ
หลังจากพิธีแต่งงานเสร็จสิ้นลง หลานเยวี่ยซิน ได้คำนับฟ้าดินตอบรับการเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้อง จวนของตระกูลเฮ่อก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความครึกครื้น นางถูกบ่าวรับใช้พาตัวมายังห้องหอ เป็นเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง แยกจากเรือนทุกหลัง ราวกับถูกจัดให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว
ภายในห้องหอยังคงถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าสีแดงสดและเทียนหอมพร้อมกับอักษรมงคล ‘มั่นคง’ เป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขสันต์ แต่กลับทำให้หลานเยวี่ยซินรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันจากความเงียบงันรอบตัวหลังจากที่บ่าวรับใช้พากันออกไป จิตใจของนางเริ่มตกอยู่ในความสับสนจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
หลานเยวี่ยซินนั่งอยู่บนเตียงใหญ่ ความรู้สึกของนางในค่ำคืนนี้เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังและความกลัวในเวลาเดียวกัน ทว่าความคิดหนึ่งพลันย้อนกลับมาในหัว “คืนนี้...มันจะเป็นอย่างไรนะ”
“เฮ่อหลิงเทียน...”
หลานเยวี่ยซินพึมพำเสียงเบา ใบหน้านวลนั้นแดงซ่านขึ้นมาราวกับถูกไฟร้อนแผดเผา ร่างกายของนางเย็นวาบไปทั้งตัว แต่ใจกลับเต้นรัวแรงจนเหมือนจะหลุดออกจากอก
เมื่อเสียงประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออกท่ามกลางความเงียบของห้องหอ ดวงตาของหลานเยวี่ยซินเบิกกว้าง ขณะที่ร่างสูงสง่าของ
เฮ่อหลิงเทียนปรากฏอยู่ตรงหน้าประตู แม้เสียงเท้าของเขาจะดังก้องอยู่ภายในหู แต่ก็เหมือนจะเริ่มจางหายไป เมื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้
เฮ่อหลิงเทียนเดินเข้ามาในห้องหอ ด้วยท่วงท่าที่สง่างามจนแทบจะมองไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเขาเป็นบุรุษที่ได้ชื่อว่า ‘บ้า’ ดวงตาคมคายประดุจเหล็กกล้าของเขาจับจ้องมาที่หลานเยวี่ยซิน
นางรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกเขาตรวจสอบอย่างละเอียดลออ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเหมือนภาพวาดของจิตรกรมากฝีมือ แต่ทว่าในแววตานั้นกลับซ่อนความลึกลับบางอย่างที่ทำให้หลานเยวี่ยซินเริ่มรู้สึกกังวลไปทั้งใจ
“เจ้ามาแล้ว…”
หลานเยวี่ยซินเอ่ยเสียงเบา ใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก แม้จะพยายามยิ้มให้เหมือนทุกอย่างปกติ แต่ความตื่นเต้นในตัวก็บ่งบอกทุกสิ่ง
"ข้าเอง...เจ้าบ่าวของเจ้า เจ้าลืมไปแล้วหรือ"
เฮ่อหลิงเทียนเอ่ยขึ้นพลางส่งยิ้มบาง ๆ เขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้หลานเยวี่ยซิน จนนางรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมาอย่างชัดเจน
ทั้งๆ ที่ห้องนี้มีอากาศเย็นสบาย แต่หัวใจของนางกลับร้อนผ่าวจนแทบจะทนไม่ไหว
ยังไม่ทันที่นางจะได้ได้ตอบอะไรออกไป เฮ่อหลิงเทียนก็ทำในสิ่งที่ทำให้นางตกตะลึงจนชาไปทั้งตัว เมื่อเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้า กำลังเริ่มถอดเสื้อคลุมสีแดงออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เป็นเสื้อตัวในและกางเกงชั้นในของเขาที่ถูกโยนไปตามพื้น
“กรี๊ด เจ้า…เจ้ากำลังทำอะไร!”
หลานเยวี่ยซินรีบหันหลังให้เขาในทันที ใบหน้าของนางร้อนผ่าวราวกับมีกองไฟกองโตอยู่บนดวงหน้า นางอยากจะหันหน้ากลับไปเพื่อพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ก็ทำได้แค่กัดฟันแน่น และทำใจให้สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ข้าก็ถอดเสื้ออย่างไรเล่า...เจ้านี่ก็ถามแปลก"
เฮ่อหลิงเทียนตอบนางพลางโยนเสื้อคลุมของเขาไปทางหนึ่ง จากนั้นก็โยนกางเกงไปอีกทาง เขาทำทุกอย่างเหมือนมันเป็นเรื่องปกติที่ทำในทุก ๆ วัน
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นเสียหน่อย!” นางบอกเขาด้วยเสียงดัง
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่คู่แต่งงานควรทำหรอกหรือ พ่อบ้านเฮ่อบอกให้ข้าทำเช่นนี้เมื่อเข้ามา แล้วข้าทำผิดอันใดกัน” เฮ่อหลิงเทียนพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
หลานเยวี่ยซินได้แต่อ้าปากค้าง มองเขาที่ยืนอยู่ในห้องด้วยสภาพ…เปลือยเปล่า ‘ไร้เดียงสาเกินไปแล้วกระมัง’ ก่อนจะตั้งข้อสงสัยว่าเขากำลังจะทำสิ่งใดต่อไปกับการกระทำที่ไร้ยางอายนี้
“มะ...หมายถึงสิ่งใดที่ควรทำ” นางถามกลับ หลังจากที่ได้ยินเขาพึมพำ หัวใจดวงน้อยในอกเต้นตึกตักจนรู้สึกเหนื่อยหอบ
“พ่อบ้านเฮ่อบอกข้าว่า ในคืนแรกของคู่แต่งงาน เจ้าสาวจะทำอะไรบางอย่างให้เจ้าบ่าว…”
เฮ่อหลิงเทียนพูดพลางเอนกายนอนลงบนฟูกนอนของเตียงใหญ่ที่ถูกประดับด้วยผ้าลูกไม้สีแดงสด โรยกลีบดอกเหมยกุ้ยเอาไว้ ใบหน้าของเขายังคงไร้เดียงสาจนเห็นได้ถึงความตื่นเต้นของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“ทำอะไร!”
หลานเยวี่ยซินรีบหันกลับมา ใจสั่นระรัว ความคิดที่ปั่นป่วนเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว นางเอ่ยถามพร้อมกับสะบัดหน้าหนีเพราะอีกฝ่ายยังคงเปลือยกายล่อนจ้อน
"ก็...นวดให้ข้าอย่างไรเล่า...หรือไม่ใช่ ก็พ่อบ้านเฮ่อบอกกับข้าว่าคู่แต่งงานจะ 'ช่วยกันผ่อนคลาย' ในคืนแรกนี่นา" เขาเอียงคอไปข้างหนึ่ง พลางยิ้มแบบไร้เดียงสาและไร้ประสบการณ์
หลานเยวี่ยซินอึ้งจนพูดไม่ออก หัวสมองของนางเหมือนจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ เมื่อวาจาของเฮ่อหลิงเทียนนั้นมีความหมายสองแง่สองง่าม จนความคิดไม่ซื่อวนเข้ามาในหัวของนาง แล้วมันก็ทำให้สติของนางแทบจะหลุดออกจากร่าง ‘เฮ้อ โล่งอกไปที’
"เร็วเข้าสิ ข้ารอเจ้าอยู่นะ"
เฮ่อหลิงเทียนยกแขนขึ้นสูงโชว์มัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรง แผงอกของเขากว้างใหญ่และขาวสะอาดตา ต่ำลงไปกว่านั้นมันคือแท่งหยกขนาดใหญ่โต จนนางไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะจ้องมองมันให้เต็มตา ด้วยความไม่เคยเห็นมาก่อน เลือดลมสูบฉีดไปทั่วร่างจนร้อนผ่าวบริเวณใบหน้า
“เจ้าไม่เคยรูปร่างของบุรุษหรือ ตาโตเชียว...” เฮ่อหลิงเทียนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้นางได้สติ
“เจ้า…ใส่เสื้อผ้ากลับไปเดี๋ยวนี้!”
หลานเยวี่ยซินร้องออกมาเสียงดัง เมื่อถูกเขาเอ่ยถามหลังจากที่นางจ้องมองร่างกายที่งดงามของเขาอยู่นาน ทั้ง ๆ ที่ร่างกายของนางยังรู้สึกชาที่เกิดจากความตกใจ แต่ทว่ากลับเป็นอารมณ์ที่ผสมผสานระหว่างความโกรธและความเขินอาย
"นั่น เจ้ากำลังอาย! พ่อบ้านเฮ่อบอกข้าว่าหากสตรีหน้าแดงเมื่อเห็นร่างกายบุรุษ หมายความว่านางกำลังประหม่าและชอบใจ แต่เหตุใดต้องเขินด้วย ในเมื่อเจ้าเป็นภรรยาข้า เจ้าก็ควรจะต้องเห็นร่างกายของข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ เจ้าจะได้รู้จักข้าดีขึ้นอย่างไรเล่า" เฮ่อหลิงเทียนหัวเราะเบา ๆ
“ผู้ใดอยากรู้จักเจ้าด้วยวิธีเช่นนี้เล่า! นอกจากเจ้าจะบ้าแล้ว เจ้ายังชวนให้ข้าบ้าตามอีก พ่อบ้านเฮ่อของเจ้าเห็นทีจะเชื่อไม่ได้แล้วกระมัง”
หลานเยวี่ยซินกัดฟันกรอด ต้นเหตุในวันนี้คงมาจากการเสี้ยมสอนของพ่อบ้านเฮ่อผู้นั้นเป็นแน่ ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาขว้างใส่เขาเต็มแรง ในขณะที่นางรู้สึกเหมือนจะเกิดระเบิดขึ้นภายในหัว
“ข้า...” เขาทำท่าทางราวกับจะพูดต่อโดยไร้ความรู้สึกอาย นางจึงได้แต่โบกมือห้ามและเอ่ยคำขู่ออกไป
"ใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้! มิฉะนั้น ข้าจะไปนอนอีกห้อง"
นางประกาศเสียงกร้าว น้ำเสียงของนางไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นการตำหนิหรือขู่เขา เพราะตอนนี้มันเต็มไปด้วยความขัดแย้งภายในจิตใจ รู้ทั้งรู้ว่าเขาเปลื้องผ้าอยู่ต่อหน้า ทว่ามันกลับรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เฮ่อหลิงเทียนมองนางด้วยสายตาขบขันที่แฝงด้วยความสำนึกผิด เมื่อได้เห็นใบหน้าของนางแดงซ่านราวกับเป็นไข้
“ก็ได้ ๆ ข้าใส่ก็ได้…ภรรยาของข้านี่ดุเสียจริง ๆ”
เขาหยิบอาภรณ์ที่ทิ้งเอาไว้บนพื้นมาใส่อย่างไม่รีบร้อน ในขณะที่ยังคงปรายดวงตามองสตรีโฉมงามที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนเตียง
หลานเยวี่ยซินนั่งลงบนเตียงอย่างหมดแรง ร่างเล็กหอบหายใจถี่กระชั้น นางรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งวิ่งหนีสัตว์ร้ายมาเป็นเวลานาน ท่ามกลางความรู้สึกเหมือนหลุดออกมาจากความฝัน
“นี่คือชีวิตคู่ของข้าอย่างนั้นหรือ คืนแรกก็เปลื้องผ้าให้ข้าดู โดยไร้ซึ่งความอาย ทั้งที่ข้าคิดว่ามันจะ...”
นางเว้นจังหวะเอาไว้เพียงเท่านั้น หลังจากที่ความคิดเริ่มจะหลุดลอยไปไกล
เฮ่อหลิงเทียนยิ้มกริ่มพลางเดินมานั่งลงข้าง ๆ กายของหลานเยวี่ยซิน เขามองนางด้วยสายตาที่อบอุ่นก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลว่า
“คืนนี้ยังมีอะไรอีกมาก ที่จะทำให้เจ้ากับข้าได้รู้จักกัน”
หลานเยวี่ยซินถอนหายใจยาว ดูเหมือนว่าชีวิตคู่ของนางกับเฮ่อหลิงเทียน จะเริ่มต้นด้วยความตลกขบขันแบบที่นางไม่เคยคิดมาก่อน แต่บางที...มันอาจจะไม่แย่เท่าไรนัก