บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 พานพบ

สามวันหลังจากนั้น ...

แสงตะวันแห่งรุ่งอรุณส่องแสงสว่างเรืองรองต้อนรับวันมงคลท้องนภาเต็มไปด้วยเมฆหมอกบาง ๆ ที่ปกคลุมผืนฟ้าอันสวยงามราวกับภาพวาด ทั่วทั้งต้าเฟิงนั้นเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องยินดี ผู้คนมากมายต่างพากันมายืนห้อมล้อมเต็มสองฝั่งทาง เพื่อดูโฉมหน้าของสะใภ้ตระกูลเฮ่อด้วยความตื่นเต้น

หลานเยวี่ยซินนั่งอยู่ภายในเกี้ยวเจ้าสาวขนาดแปดคนหามที่ถูกประดับประดาด้วยผ้าสีแดงเพลิง ซึ่งสะท้อนกับแสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้าได้เป็นอย่างดี ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าที่ปักลายอย่างประณีต กับชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บจากช่างฝีมือ มันทั้งสวยและหนัก นางจะยินดีมากกว่านี้หากตัวเองได้แต่งงานกับบุรุษอันเป็นที่รักด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่การแต่งงานเพื่อความต้องการของผู้อื่น มือเรียวบางกำชายผ้าคลุมหน้าเอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับกำลังต้องการควบคุมอารมณ์ที่หมองหม่นอยู่ในใจไปด้วยพร้อมกัน

ในใจของหลานเยวี่ยซินเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย งานมงคลควรจะเป็นวันที่เต็มไปด้วยความสุข กลับกลายเป็นวันที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิตของนาง ตั้งแต่นางได้ตกลงจะแต่งงานกับเฮ่อหลิงเทียน นางไม่เคยรู้สึกสงบได้อีกเลย

แม้ว่านางจะเป็นบุตรสาวของตระกูลหลานที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร และเป็นตระกูลที่นับหน้าถือตาของบรรดาผู้คน ทว่าตอนนี้หลานเยวี่ยซินกลายเป็นคุณหนูตกอับ ผู้คนหน่ายหนี เท่านั้นยังไม่พอ นางกลับรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ต่างไปจากการโยนชีวิตของตัวเองไปในห้วงฝันอันมืดมิด

เฮ่อหลิงเทียน เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฮ่อ ตระกูลอันยิ่งใหญ่และมั่งคั่ง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในด้านการทหารและอำนาจในราชสำนักเพราะต้นตระกูลเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เคียงข้างกายฮ่องเต้

แต่ทว่าเมื่อหลายปีก่อนในวัยที่เฮ่อหลิงเทียนมีอายุเพียงสิบหนาว ได้ติดตามท่านปู่ไปยังชายแดน ทว่ากลับถูกลอบทำร้ายระหว่างทาง จนเฮ่อหลิงเทียนพลัดตกเขา อาการบาดเจ็บทำให้เขาสติฟั่นเฟือนและลืมเลือนตัวตน ไม่ว่าจะหาหมอที่เก่งกาจเพียงใดมารักษา เขาก็ไม่กลับมาเป็นปกติเช่นเดิมอีกต่อไป

เมื่อคุณชายที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะวงศ์ตระกูล ซ้ำยังเฉลียวฉลาดมากความสามารถ กลับกลายเป็นผู้ที่ไม่สามารถยืนอยู่บนโลกได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังถูกตราหน้าว่า ‘บ้า’

แม้ตระกูลเฮ่อจะรู้ดีถึงชื่อเสียงของเฮ่อหลิงเทียนในตอนนี้ แต่พวกเขาก็อยากให้บุตรชายเป็นฝั่งเป็นฝามีสตรีที่เกิดในตระกูลดีมาดูแล แม้จะต้องจ่ายด้วยเงินมากมายเพียงใดตระกูลเฮ่อก็พร้อมที่จะจ่าย

เสียงกลองของงานมงคลยังคงดังขึ้นเป็นจังหวะ ทุกเสียงของมันสะท้อนกึกก้องไปทั่วทั้งต้าเฟิง ทำให้หัวใจของหลานเยวี่ยซินเต้นไม่เป็นจังหวะ เกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนตัวไปตามถนนหนทางที่แคบและคดเคี้ยว มุ่งหน้าสู่จวนของตระกูลเฮ่อที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง

ในขณะเดียวกันนางก็พยายามสะกดความกลัวที่มีเอาไว้ในใจ สิ่งที่นางกำลังจะพบเจอ ทำให้อดไม่ได้ที่จะจินตนาการไปไกลถึงชีวิตความเป็นอยู่หลังจากนี้

เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวเดินทางมาถึงยังประตูใหญ่ของจวนตระกูลเฮ่อบ่าวรับใช้สาวต่างพากันเข้ามาช่วยประคองหลานเยวี่ยซินลงจากเกี้ยว ขณะที่เดินผ่านธรณีประตูที่สูงตระหง่านเข้าไปสู่ห้องโถงใหญ่ ใจของนางนั้นสั่นไหวและเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด

ทั้งกังวลและรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก แม้ห้องโถงจะถูกตกแต่งอย่างหรูหราและงดงาม ดอกไม้สีแดงสดประดับอยู่รอบ ๆ กายทำให้บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความหอมหวาน แต่ความตึงเครียดในใจของหลานเยวี่ยซินกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย

“เจ้าสาว เชิญเข้ามาเถิด นายท่านของเรา...รออยู่แล้ว”

เสียงของบ่าวรับใช้ดังขึ้นอย่างสุภาพ ก่อนจะยื่นมือเข้ามาช่วยประคองหลานเยวี่ยซินไปสู่กลางห้องโถง

ผ้าคลุมหน้าผืนบางสีแดงสดทำให้นางมองเห็นทุกอย่างเบื้องหน้าเป็นอย่างดี นางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เมื่อร่างสูงโปร่งของเฮ่อหลิงเทียนปรากฏขึ้นต่อหน้าของนาง เขาอยู่ในอาภรณ์เจ้าบ่าวสีแดงปักลวดลายเช่นเดียวกับนาง ร่างกายของเขาสูงใหญ่ราวแปดฉื่อ หลังตรงผึ่งผาย ไหล่กว้างน่าแอบอิง แค่เพียงรูปลักษณ์ของเขาก็สง่างามแล้ว

เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงทำให้นางอยากจะเห็นใบหน้าของเขาให้เต็มตา นางจึงเลื่อนสายตามองสูงขึ้นไป แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้หลานเยวี่ยซินตะลึงไปก็คือรูปโฉมของเขา

เฮ่อหลิงเทียนผู้นี้มีใบหน้าที่คมคายราวกับถูกแกะสลักจากหยกขาวชั้นดี จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วหนาดกดำได้เป็นอย่างดี ผิวพรรณก็ขาวเนียนราวกับแสงจันทร์ที่สะท้อนจากวารีในฤดูวสันต์

ริมฝีปากหยักได้รูปราวกับถูกวาดขึ้นมาอย่างประณีต รูปร่างของเขาดูสมส่วนสง่างาม แต่ก็ยังคงความนุ่มนวลไม่แข็งกระด้างจนเกินไป รอยยิ้มของเขานั้นทรงเสน่ห์ เมื่อมันปรากฏขึ้นบนใบหน้ากลับเหมือนแสงแรกในยามเช้าที่ค่อย ๆ เผยตัวผ่านเมฆหมอก แม้จะบางเบา แต่กลับซ่อนความลึกลับและอ่อนโยนเอาไว้

ดวงตาคู่คมของเขาคือสิ่งที่จับใจและสะกดสายตาของนางให้หยุดมอง ดวงตาคู่นั้นดำขลับล้ำลึก มันสะท้อนแสงเล็กน้อยจากสิ่งรอบข้าง สายตาของเขาลึกซึ้ง จนทำให้หลานเยวี่ยซินรู้สึกประหม่า

เขาเป็นบุรุษหนุ่มในวัยยี่สิบสี่หนาวที่หล่อเหลาเกินกว่าจะบรรยาย

“เจ้า...คือเจ้าสาวของข้าหรือ”

เสียงของเขาหวานต่ำ แต่กลับแฝงไปด้วยความหนักแน่น ราวกับต้องการคำยืนยันจากหลานเยวี่ยซิน

หลานเยวี่ยซินพยักหน้าอย่างช้า ๆ ในใจยังคงเต้นระรัว แม้นางจะยังไม่สามารถทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่บางอย่างในตัวเขากลับทำให้นางรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่น่ากลัวเลยสักนิด ถึงแม้เฮ่อหลิงเทียนจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนวิกลจริต แต่ในสายตาของหลานเยวี่ยซิน เขากลับดูเหมือนคนที่มีอะไรบางอย่างที่ยังคงซ่อนเร้นเอาไว้

เฮ่อหลิงเทียนโน้มตัวเข้ามาใกล้ หลานเยวี่ยซินรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาที่สัมผัสบนผิวหน้าของนาง

“เจ้างดงาม...ราวกับภาพวาด...”

เขาพึมพำเสียงเบา ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด แม้เห็นเพียงภาพเลือนรางผ่านผ้าบางสีแดง เขาก็ยังคงมั่นใจว่าสตรีเบื้องหน้าโฉมงามไม่ต่างจากภาพวาดของสตรีที่เขาเคยได้เห็น

คำพูดนั้นทำให้หลานเยวี่ยซินรู้สึกประหม่า แต่ในขณะเดียวกัน กลับรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่เปี่ยมล้นจากเขา ความรู้สึกนี้ทำให้หัวใจของนางหวิวไหว แต่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงสิ่งใด

“อย่ากลัวข้าเลย…”

เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้ง เขาเอื้อมมือมาจับมือของหลานเยวี่ยซิน ด้วยความตกใจนางจึงดึงมือออกอย่างแรง แต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกโมโหแต่กลับยื่นฝ่ามือมาจับมือของนางอีกครั้ง ความอบอุ่นจากมือของเขาทำให้นางรู้สึกสับสน ในสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความเปราะบางที่ทำให้

หลานเยวี่ยซินสงสัยว่า เขากำลังสู้กับบางสิ่งบางอย่างในตัวเองอยู่หรือไม่

“ข้า...ข้าไม่ได้กลัวเจ้า...” แม้ในความจริงจะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง ทว่านางก็ไม่ได้ใจร้ายจนถึงขั้นบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไป

ในครั้งนี้หลานเยวี่ยซินได้พบกับเฮ่อหลิงเทียนเป็นครั้งแรก และถือเป็นการเลื่อนขั้นจากสถานะบุรุษที่เพิ่งจะรู้จักไม่ทันข้ามวัน มาเป็นสามีเคียงข้างกายของนางด้วยความรวดเร็ว

ความกลัว ความเศร้าและความโดดเดี่ยวที่หลานเยวี่ยซินรู้สึกก่อนหน้านี้ได้ทุเลาลงไปหลังจากที่นางได้พบเจอกับเขา รูปลักษณ์ที่งดงามและความอ่อนโยนของเขา กำลังทำให้ทุกสิ่งรอบตัวของนางดำเนินต่อไปไปในทิศทางที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของนางในขณะนี้ กลับทำให้นางไม่อาจละสายตาจากเฮ่อหลิงเทียนได้เลย...
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel