บทนำ พายุโหมกระหน่ำ
เมืองต้าเฟิง แคว้นกวางหยวน ...
ในยามที่ฤดูใบไม้ผลิหวนมาเยือนอีกครา สภาพอากาศอันแสนอบอุ่นได้ถูกส่งผ่านไปยังดอกไม้และต้นไม้นานาพรรณ ให้ทุกหย่อมหญ้าเริ่มผลิดอกออกใบไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินของต้าเฟิง เฉกเช่นเดียวกับดอกเหมยที่สูงตระหง่านอยู่ภายในลานกว้างของจวนตระกูลหลาน มันกำลังบานสะพรั่งอวดโฉมความงดงามและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ แต่ทว่าบรรยากาศภายในจวนที่เคยเต็มไปด้วยความรุ่งเรืองและเสียงหัวเราะ บัดนี้กลับมีแต่ความโศกเศร้าและเงียบงัน
หลานเยวี่ยซิน คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลาน ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าแท่นบูชาของผู้เป็นบิดา ดวงตาที่สดใสของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจ
หลานเหวินเซียว ผู้เป็นบิดาและหัวหน้าตระกูลหลานได้ด่วนจากไปอย่างกะทันหันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการจากไปของเขาสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองใหญ่ ผู้คนต่างพากันเล่าขานถึงบุรุษผู้เริ่มต้นก่อสร้างตระกูลหลานจนรุ่งเรืองใหญ่โต แต่กลับต้องล้มเหลวลง เมื่อกิจการค้าขายประสบกับวิกฤตครั้งใหญ่
ในคืนสุดท้ายก่อนที่บิดาจะสิ้นลม หลานเหวินเซียวกอบกุมมือของบุตรสาวคนโตเอาไว้แน่น น้ำเสียงอ่อนแรงเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้า และเต็มไปด้วยความเป็นห่วงราวกับไม่อยากจากไป
"ซินเอ๋อร์...พ่อขอโทษ...ที่อยู่ปกป้องเจ้าไม่ได้"
คำพูดสุดท้ายของผู้เป็นบิดาแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดและถ้อยคำนั้นเปรียบเสมือนดั่งเข็มแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของหลานเยวี่ยซินจนแหลกสลาย
หลังจากนั้นไม่นาน หยางซื่อ มารดาเลี้ยงของนางก็ก้าวขึ้นมาควบคุมทุกสิ่งในฐานะผู้ดูแลทรัพย์สินของตระกูลเพียงแค่ชั่วข้ามคืน
หลานเยวี่ยซินไม่ได้เป็นคนโง่ จนถึงขั้นมองเจตนาที่แท้จริงของหยางซื่อไม่ออก นางรู้ดีว่าสตรีผู้นี้ไม่ได้สนใจความเป็นอยู่ของตระกูลหลานเลยแม้แต่น้อย หากแต่นางสนใจเพียงผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น
ทรัพย์สินที่เหลือเพียงน้อยนิดของบิดาถูกเปลี่ยนมือไปอย่างรวดเร็ว หยางซื่อแสร้งทำเป็นแบกรับหนี้สินของตระกูลหลานเอาไว้อย่างน่าเห็นใจ แต่แท้จริงแล้วนางกลับปิดประตูขังหลานเยวี่ยซินเอาไว้ในเงามืด เพื่อบีบบังคับให้นางยอมรับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้
"เจ้าต้องแต่งงานกับเฮ่อหลิงเทียน"
หยางซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางนั้นร้ายกาจราวกับมีชัยเหนือทุกสิ่ง
"เหตุใดข้าจะต้องทำตามที่ท่านว่าด้วยเล่า หากท่านอยากแต่งก็แต่งเอง หรือไม่ก็ให้บุตรีของท่าน แต่งออกไปก็สิ้นเรื่อง" หลานเยวี่ยซิน
จ้องมองแม่เลี้ยงจอมปลอมด้วยความไม่ยอม
"ซินเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจหรือว่าจะต่อต้านข้า เฮ่อหลิงเทียนอาจจะเป็นบุรุษที่ผู้คนตราหน้าเขาว่าบ้า แต่เจ้าก็ไม่มีทางเลือก เจ้าต้องยอม
หากเจ้าอยากได้อิสรภาพของตัวเองกลับคืน"
มารดาเลี้ยงจ้องมองนาง พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาราวกับมารร้าย นางไม่ได้หวังดีต่อลูกเลี้ยงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย หากแต่ข้อเสนอของอีกฝ่ายนั้นหอมหวานราวกับน้ำผึ้งป่าที่หายากและมีราคาแพง จนนางต้องคว้าเอาไว้
หลานเยวี่ยซินกำมือแน่น นางจ้องมองแม่เลี้ยงด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความโกรธแค้น ความผิดพลาดที่นางไม่อาจตอบโต้นั้นมาจากความโง่เขลาของบิดาที่ตกหลุมพรางมารยาของสตรีเช่นนี้
"ท่านให้ข้าแต่งงานกับบุรุษที่ข้ารู้จักเขาแค่เพียงชื่อ ท่านช่างกล้านัก!" นางตอบโต้ออกไป
"กล้าหรือไม่กล้าก็ไม่สำคัญ ตอนนี้เฮ่อหลิงเทียนคือทางรอดเดียวของเจ้า"
หยางซื่อยื่นหนังสือสมรสที่เต็มไปด้วยรายการของมีค่าที่ตระกูลเฮ่อส่งมาเป็นสินสมรสอันแสนยาวเหยียด ตามสถานะความร่ำรวยของอีกฝ่าย พร้อมกับข้อเรียกร้องสินสมรสในจำนวนมหาศาล
"หากข้าไม่ยอมแต่งเล่า!" นางหยั่งเชิงในท่าทีของนางมารร้ายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทว่าอีกฝ่ายกลับเหยียดยิ้มส่งมาให้
"คิดดูให้ดีเถิด หากเจ้ายอมแต่งงานออกไป เจ้าก็แค่มอบสินสมรสเหล่านั้น เพื่อแลกอิสระจากข้า แต่หากเจ้ารั้งจะอยู่ต่อที่ตระกูลหลาน จะไม่มีคำว่าคุณหนูใหญ่อีกต่อไป และเจ้าจะเป็นเพียงทาสรับใช้ของข้าเท่านั้น!"
หยางซื่อบีบให้ลูกเลี้ยงแต่งงานกับคนบ้า เพียงเพราะตระกูลเฮ่อนั้นร่ำรวย และอยากให้บุตรชายมีคู่ครองที่ดี ตระกูลนั้นจึงยอมมอบสินสมรสมากมายมหาศาลตามที่นางเรียกร้อง หากอีกฝ่ายเป็นบุรุษที่มีสติสมประกอบ นางก็คงจะส่งบุตรสาวของตัวเองให้แต่งงานกับเขาไปแล้ว
"แต่ที่นี่คือบ้านของข้า เป็นบ้านที่บิดาของข้าสร้างมา ท่านมีสิทธิอะไรมายึดครอง" นางยังคงโต้แย้งออกไป
"หึ สิทธิอะไรอย่างนั้นหรือ ก็สิทธิที่ข้าเป็นเมียของพ่อเจ้าอย่างไรเล่า ทุกอย่างภายในตระกูลหลานพ่อของเจ้าก็ยกให้ข้า แม้แต่ตัวของเจ้าก็เช่นกัน"
ฟึ่บ
หยางซื่อโยนหนังสือที่มีตัวอักษรของบิดาอยู่บนนั้น นางอ่านมันทุกตัวอักษร จนน้ำตาไหลนองหน้า เพราะความรักบังตา ผู้เป็นบิดาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาถึงเพียงนี้
"โธ่ ท่านพ่อ..." นางได้แต่คับแค้นใจ ที่บิดาไว้ใจคนผิดตลอดมา
"ซินเอ๋อร์ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องยอม ไม่ใช่เพื่ออิสระของเจ้าเอง แต่เป็นตระกูลหลานที่รอความช่วยเหลือ มีเพียงความร่ำรวยของตระกูลเฮ่อเท่านั้นที่จะกอบกู้กิจการคืนมาได้ หรือเจ้าต้องการให้มันพังทลายลงไปพร้อมกับเจ้า อย่าลืมไปเล่า ว่าข้าหาได้สนใจตระกูลที่ไร้ความร่ำรวยเช่นนี้"
คำพูดของหยางซื่อทิ่มแทงจิตใจของนางเหมือนคมดาบ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดแต่หลานเยวี่ยซินรู้ดีว่ามารดาเลี้ยงพูดความจริง หากนางปฏิเสธ ไม่เพียงแต่นางจะสูญเสียศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่ แต่นางยังต้องเห็นตระกูลที่บิดาทุ่มเทมาทั้งชีวิตล่มสลายลงไปต่อหน้าต่อตา
หากนางยังคงอยู่ที่ตระกูลหลานต่อไป ชีวิตของนางก็เป็นได้แค่เบี้ยล่างที่มารดาเลี้ยงรอโขกสับ และไม่อาจช่วยเหลือทุกคนในตระกูล
หลานเยวี่ยซินหลับตาลง ยอมรับชะตากรรมที่นางไม่อาจหลีกหนี และไม่มีทางเลือก ในเมื่อผู้เป็นบิดามอบทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวของนางให้กับแม่เลี้ยงจอมร้ายกาจผู้นี้เสียจนหมดสิ้น
"ข้าจะแต่งงานกับเฮ่อหลิงเทียน..." หลานเยวี่ยซินตอบออกไปด้วยความจำใจ
"แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง จงจำเอาไว้ว่า เจ้าต้องกอบโกยเงินทองของตระกูลเฮ่อส่งมาให้ข้าอย่าให้ขาด" มารดาเลี้ยงแค่นยิ้ม พร้อมกับส่งสายตาเหยียดหยามมาให้กับนาง ก่อนจะเดินจากไป
ใครจะคิดว่าชีวิตของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลานผู้เลื่องชื่อในความสูงศักดิ์และสง่างาม กลับต้องเผชิญกับชะตากรรมที่พลิกผันเพียงแค่ชั่วข้ามคืน จากชีวิตที่เคยเปี่ยมสุขภายใต้ชายคาของตระกูลใหญ่ บัดนี้นางกลับกลายเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมอำนาจของมารดาเลี้ยงผู้เย็นชา
เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล นางถูกบังคับให้แต่งงานกับ เฮ่อหลิงเทียน บุรุษลึกลับที่ผู้คนทั่วเมืองต่างพากันเรียกขานว่า "คนบ้า" ผู้คนต่างโจษจันไปต่าง ๆ นานา ว่าสายตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง อีกทั้งจิตใจยังเย็นชาไม่ต่างจากภูเขาน้ำแข็ง และในบางครั้งเขาก็อาละวาดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
สินสมรสที่ได้จากการแต่งงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสนองความโลภของมารดาเลี้ยงแล้ว ยังอาจช่วยกอบกู้ตระกูลหลานได้
แต่กลับต้องแลกมาด้วยอนาคตและศักดิ์ศรีของนาง
เมื่อยามแสงจันทร์สาดส่องผ่านม่านหมอก หลานเยวี่ยซินมองเงาสะท้อนของตัวเองในสายน้ำของสระใหญ่ด้วยความรู้สึกหม่นหมอง นางรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ต่างจากการเดินเข้าสู่คุกทองคำ
หากแต่ในหัวใจที่แหลกสลาย นางกลับสาบานกับตนเองว่า จะไม่มีวันยอมจำนนให้แก่ชะตากรรมที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้เป็นแน่
หลานเยวี่ยซินกลับมานั่งอยู่เพียงผู้เดียวภายในห้องนอนของตนเอง ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองใบหน้าขาวซีดที่สะท้อนภาพออกมาจากกระจกทองเหลือง
ดวงตาที่เคยสดใสทอประกายกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ไร้ความหวัง ทำให้นางคิดถึงชีวิตเมื่อครั้งอดีต ในวันที่นางยังเป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ มีผู้เป็นบิดาคอยปกป้องและมีมารดาที่รักใคร่ แต่ทุกอย่างต้องพังทลายลงต่อหน้าต่อตาเมื่อมารดาจากไปด้วยโรคร้าย หลังจากนั้นบิดาก็แต่งงานใหม่และชีวิตของนางก็ไม่เป็นเช่นเดิมอีกต่อไป
"สินสมรสมากมายที่ข้าต้องมอบให้หยางซื่อ เพื่อแลกกับอิสรภาพของตัวเอง...นี่หรือคือราคาค่าตัวของข้าในสายตาของนาง"
นางพึมพำกับตัวเอง หยาดน้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้หลั่งรินบนแก้มอิ่ม แม้นางจะรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบททดสอบที่นางไม่อาจคาดเดาก็เท่านั้น
"เขาบ้า..."
นางได้ยินเสียงของคนรับใช้พากันเอ่ยถึงเขาด้วยเสียงที่ดังลั่น จนนางได้ยินอย่างชัดเจนภายในห้องของตัวเอง
"เขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ไร้หัวใจ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาได้ บางครั้งเขาก็คลุ้มคลั่งอาละวาด หากเป็นเช่นนี้คุณหนูใหญ่จะรอดเงื้อมมือคุณชายผู้นั้นไปได้อย่างไรกัน" สาวใช้ยังคงจับกลุ่มสนทนาถึงว่าที่เจ้าบ่าวของนางให้เซ็งแซ่
หลานเยวี่ยซินเองก็ไม่เคยพบหน้าของเขามาก่อน และไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้บุรุษผู้นี้เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ผู้คนถึงได้พากันโจษจันไปต่าง ๆ นานา แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่นางได้ยินจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่การที่นางต้องแต่งงานกับเขา เพื่อแลกกับอิสรภาพของตัวเองนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
ชีวิตของหลานเยวี่ยซินในตอนนี้เปรียบเสมือนกับดอกเหมยที่เบ่งบานอย่างงดงามท่ามกลางความอบอุ่น แต่ทว่ากลับมีลมพายุโหมกระหน่ำอย่างแรง แล้วดอกเหมยที่แสนบอบบางจะต้านทานสายลมได้อย่างไร...