ตอนที่ 8 ขอคำปรึกษา[1]
“นายหญิง นายหญิงมาจากที่ใดหรือเจ้าคะ” เด็กน้อยถงถงเอ่ยถามหานว่านอี้ด้วยสีหน้าอยากรู้ หลัง ๆ มานี้ถงถงติดหานว่านอี้เสียยิ่งกว่าท่านย่าผู้เลี้ยงดูตนเองมาเสียอีก เพราะความใจดีและรักเด็กของหานว่านอี้ล้วน ๆ
“เจ้าอย่าได้ถามซอกแซกถึงเรื่องส่วนตัวของนายหญิงไปถงถง มันเสียมารยาท หากอาจารย์ชุยมารู้เข้าคงได้ถูกตำหนิ”
จี้เหมยตำหนิเด็กน้อยด้วยใจที่นึกเป็นห่วงความรู้สึกของหานว่านอี้ นางรับรู้ได้ว่าสตรีที่ชุยเทียนหนิงพามาด้วยนั้นผ่านพ้นเรื่องโศกเศร้ามานับไม่ถ้วน จึงคิดว่านี่มันไม่เหมาะที่ถงถงไปถามไถ่เรื่องราวในอดีตที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจของอีกฝ่าย นางเห็นมาบ่อยครั้งที่ห่านว่านอี้มักจะลุกขึ้นมานั่งร้องไห้กลางดึก แววตาเศร้าสร้อยนั้นทำเอานางสงสารจับใจ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะเข้าไปก้าวก่าย
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านป้าจี้ ข้ายินดีจะเล่า” หานว่านอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเด็กน้อยถงถง และรอยยิ้มขอบคุณจี้เหมยในความเป็นห่วงเป็นใยนี้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของหญิงสาว ความใส่ใจของผู้คนที่นี่่ช่วยเยียวยาจิตใจของนางได้อย่างดี ทั้งถงถง จี้เหมย และชุยเทียน หนิง ทุกคนดูแลนางเหมือนเป็นคนในครอบครัวซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่นางรู้สึกขอบคุณที่สุด และชดใช้เท่าไหร่ก็คงไม่พอ
“ข้าขออภัยแทนถงถงด้วยเจ้าค่ะ นางยังเด็กนักเลยอาจล่วงเกินนายหญิงไปบ้าง”
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ เด็ก ๆ ก็มักจะอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา มิได้มองว่ามันเป็นการล่วงเกินอันใด ให้นางถามดีแล้วเจ้าค่ะ หากสงสัยก็ต้องถามไถ่ให้รู้ความ อย่าเก็บงำความสงสัยเอาไว้แล้วทำให้ตนเองจมปลักอยู่ภายใต้ความไม่รู้” หานว่านอี้ตอบ
“มานั่งใกล้ ๆ ข้าสิถงถง แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”
“ขะ ข้าไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ จะให้ข้าไปนั่งเทียบเทียมนายหญิงได้อย่างไร” เด็กหน่อยก้มหน้างุด ไม่กล้าไปตามที่หานว่านอี้เอ่ย
“มาเถิด ข้าหาใช่นายหญิงของที่นี่ไม่ ข้าเป็นเพียงแค่ผู้อยู่อาศัย”
“พูดอย่างนั้นได้เช่นไรกันเจ้าคะ นายหญิงคือคนที่ท่านอาจารย์พามา” จี้เหมยเอ่ย หานว่านอี้มักจะถ่อมตัวอยู่เสมอจนจี้เหมยหนักใจ
“ได้สิเจ้าคะ ข้าเคารพท่านป้าจี้เหมือนป้าแท้ ๆ ส่วนถงถงเองข้าก็เอ็นดูเหมือนน้องสาว เพราะฉะนั้นอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ มาเถิดถงถง หรือเจ้าไม่อยากฟังแล้ว” หานว่านอี้แกล้งเอ่ยกับเด็กน้อย ทำให้ถงถงนั้นต้องหันไปขอความเห็นกับจี้เหมย
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะถงถง อย่าให้นายหญิงท่านรอนาน”
“เจ้าค่ะท่านย่า” ถงถงคลานเข่าเข้าไปหาหานว่านอี้ก่อนที่นางจะจับร่างของเด็กน้อยให้มานั่งตักของตนเอง
“ขอข้ากอดเจ้าเช่นนี้สักครู่เถอะนะ แล้วข้าจะเล่าทุกเรื่องที่เจ้าอยากรู้ให้ฟัง” เมื่อว่าจบหานว่านอี้ก็โอบกายของเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน การได้กอดใครสักคนมันเป็นเช่นนี้นี่เอง ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านพ้นมานางไม่เคยได้กอดใครที่อบอุ่นเช่นนี้มาก่อนเลย
“ข้าขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะเจ้าคะ ยังเหลือหน้าที่อีกเยอะที่ต้องทำในวันนี้ ถงถง เจ้าดูแลนายหญิงดี ๆ เล่า”
“เจ้าค่ะท่านย่า”
หลังจากว่าจบจี้เหมยก็ชิงออกไปทำงานของตนเองทันที ส่วนหนึ่งก็เพราะนางไม่อยากจะอยู่ละลาบละล้วงเรื่องของหานว่านอี้ด้วย ถงถงยังเด็กนักฟังไปก็ไม่เป็นอะไร แต่นางแก่ชราแล้ว นางไม่อยากให้หานว่านอี้ต้องไม่สบายใจที่มีคนอื่นมารับรู้เรื่องส่วนตัวของตนเองเพิ่ม
“เจ้าอยากรู้อะไรบ้างหรือถงถง”
“นายหญิงมาจากเมืองใดเจ้าคะ” เด็กน้อยถามด้วยดวงตาใสแป๋ว
“เมืองหลวง เจ้าเคยไปหรือไม่”
“เกิดมาข้าก็อยู่ที่ผาซานมาตลอดเลยเจ้าค่ะ เมืองหลวงสวยงามหรือไม่เจ้าคะ” เด็กน้อยส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะถามต่อ
