บทที่ 6 ความเหน็ดเหนื่อยของท่านโหว
อากาศในเมืองหลวงเริ่มอบอุ่นแล้วแต่อากาศทางชายแดนกลับยังคงหนาวเหน็บ การบุกโจมตีครั้งสุดท้ายได้เริ่มขึ้น ซ่งเหวินจิ้งควบม้าควงดาบนำทัพเข้าฟาดฟันศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง ช่วงสองปีมานี้การศึกยืดเยื้อสิ้นเปลืองทั้งเสบียงและกำลังพลเป็นอย่างมาก หากสงครามยังยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ล้วนไม่ส่งผลดีต่อขวัญและกำลังใจของคนในกองทัพ คืนนี้เขาจึงวางแผนการใหญ่ใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อหวังให้ทัพของข้าศึกมาติดกับ
ยามนี้ทัพของข้าศึกน่าจะติดกับดักที่เขาวางเอาไว้แล้ว ทหารของข้าศึกที่มาโอบล้อมเขาและคนของเขาไว้ต่างก็มีสีหน้าฮึกเหิมและลำพอง ยามที่หม่าป๋อซางแม่ทัพใหญ่ของแคว้นต้าเป่ยขี่ม้าเดินหน้าเข้ามาหาเขาสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ
“ผู้ใดฆ่าแม่ทัพใหญ่แคว้นเหลียนได้ ข้าจะตกรางวัลให้เป็นอย่างงาม” คำพูดของหม่าป๋อซางทำให้คนของเขาต่างพากันโห่ร้องออกมาอย่างคึกคะนองทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่ซ่งเหวินจิ้ง เขาแค่เพียงยิ้มออกมายามนี้หม่าป๋อซางยินยอมออกมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วย่อมหมายความว่าการศึกในครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
“ปัง!” เสียงพลุไฟส่งสัญญาณในมือของซ่งเหวินจิ้งถูกส่งออกไปส่วนตัวเขานั้นดีดตัวออกจากหลังม้าทะยานร่างไปยังทิศที่ม้าของหม่าป๋อซางกำลังยืนอยู่ ความปราดเปรียวและความว่องไวของเขาทำให้คนที่ใช้ตนเองเป็นเกราะกำบังให้หม่าป๋อซางไม่อาจจะโจมตีเขาได้ เมื่อเห็นว่าคนของตนร่วงหล่นลงไปจากหลังม้าราวกับใบไม้ที่ปลิดปลิว หม่าป๋อซางก็ยกลำทวนของตนเองขึ้นตั้งใจว่าจะเด็ดหัวของซ่งเหวินจิ้งให้ได้ในการสะบัดทวนเพียงครั้งเดียว
“ควับ!” เสียงการฟาดฟันของทวนที่ทั้งหนักและรุนแรงเฉียดศีรษะของซ่งเหวินจิ้งไปเพียงเฉียดฉิวเขาพลิกลำตัวหลบอย่างว่องไวแล้วใช้ดาบใหญ่ที่ถือมาฟันเข้าไปที่ท่อนแขนที่ถือทวนด้ามนั้นแล้วใช้ความว่องไวตวัดดาบอีกครั้งตัดศีรษะของหม่าป๋อซางได้ในทันที ทันทีที่ตัดศีรษะของศัตรูได้เขาก็คว้าศีรษะของทัพของข้าศึกแล้ว๙ขึ้นเหนือศีรษะในทันที
“แม่ทัพของพวกเจ้าแพ้แล้ว พวกเจ้าเองก็เช่นกันหากไม่อยากตายก็จงทิ้งดาบเสียแล้วคนของข้าจะยินยอมไว้ชีวิต” แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่จะมีผู้ใดกล้าเชื่อคำพูดของเขากันเล่า แม่ทัพตายขวัญและกำลังใจย่อมท้อถอย เหล่าทหารของแคว้นต้าเป่ยก็ต่างพากันแยกย้ายหลบหนีอย่างไม่เป็นกระบวน แต่กองกำลังที่โอบล้อมเข้ามากลับไม่คิดจะปล่อยให้ถอยหนี เสียงต่อสู้เสียงกรีดร้องและกลิ่นอายของความตายตลบอบอวลไปทั่ว ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองคนของเขาที่ยามนี้กำลังต่อสู้อย่างได้เปรียบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เสียงลูกธนูที่พุ่งเข้ามาทำให้เขาต้องรีบขยับตัวหลบปลายศรอย่างเฉียดฉิว แต่กลับหลบคมดาบที่ฟาดฟันเข้ามาไม่พ้น..
“เจ้าฆ่าพ่อของข้า ข้าก็จะข้าเจ้า” หม่าเหลียงซานบุตรชายคนเล็กของหม่าป๋อซางตะโกนออกมาพลางฟาดฟันดาบเข้ามาที่ร่างของซ่งเหวินจิ้งอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับหลบได้แล้วใช้ดาบของตนเองแทงทะลุร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้นด้วยสายตาอันเยือกเย็น เด็กหนุ่มอายุน่าจะไม่เกินสิบห้าปีจ้องมองเขาภายใต้คมดาบด้วยสายตาอันแค้นเคือง แต่ซ่งเหวินจิ้งกลับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
“หากข้าไม่ข้าพ่อของเจ้า คนที่ต้องตายก็คงจะเป็นข้า เจ้าเองก็เช่นกันเดิมทีข้าคิดจะปล่อยเจ้าไป แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ก็จงตายภายใต้คมดาบของข้าเถอะ” เมื่อเอ่ยจบเขาก็ดึงดาบของตนเองออกมาแล้วมองเด็กหนุ่มตรงหน้าสิ้นใจล้มลงไปบนพื้น
“ท่านแม่ทัพท่านได้รับบาดเจ็บนี่” เสียงของจ้าวหานทำให้ซ่งเหวินจิ้งก้มลงมามองที่ตนเอง คมดาบที่ฟาดฟันเขามาทำให้ต้นแขนของเขาได้รับบาดแผลฉกรรจ์ หากเมื่อครู่นี้เขาช้าไปอีกนิดส่วนที่ถูกฟันก็คงจะเป็นคอของเขาแทน
“เก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วประกาศชัยชนะของพวกเราออกไป” เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศ ลูกน้องใต้อาณัติของเขาต่างก็โห่ร้องด้วยความยินดี ชัยชนะที่ได้มาในครั้งนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าแม่ทัพของพวกเขาต้องเอาชีวิตของตนเองเข้ามาเสี่ยงโดยใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ หากพลาดพลั้งไปคนที่ตายก็คือท่านแม่ทัพผู้นี้และบรรดาคนสนิทของเขา ยามนี้กองทัพได้รับชัยชนะแล้วและแม่ทัพของพวกเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ข่าวดีเช่นนี้พวกเขาจะไม่รู้สึกยินดีได้อย่างไร
หลังได้รับชัยชนะกองกำลังแดนใต้ของซ่งเหวินจิ้งก็ยังคงต้องตรึงกำลังรักษาความสงบอยู่ที่นี่ คนที่ได้รับบาดเจ็บหากสามารถเดินทางกลับบ้านได้เขาก็จะส่งตัวกลับ ส่วนคนที่ล้มตายก็จัดการส่งค่าตอบแทนและค่าทำขวัญกลับไปให้ครอบครัวของพวกเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อ ส่วนซ่งเหวินจิ้งที่ได้รับบาดเจ็บก็ยังคงรักษาร่างกายอยู่ในกระโจมที่พัก ยามนี้เมื่อเว้นว่างจากการทำศึกแล้วเรื่องแรกที่เขาคิดถึงก็คือเรื่องของที่บ้าน
“ฮูหยิน ไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรมาถึงข้าบ้างเลยหรือ” คำถามของเขาทำให้จ้าวหานนิ่งเงียบไป
“ไม่มีขอรับ มีเพียงจดหมายสอบถามด้วยความเป็นห่วงจากฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูและสุ่ยอี๋เหนียงเพียงเท่านั้น” คำพูดของจ้าวหานทำให้ซ่งเหวินจิ้งขมวดคิ้ว
“แล้วเรื่องที่บอกว่านางมีชายอื่น นั่นมันเรื่องอะไรกันมีพยานหลักฐานแล้วหรือจึงได้เชื่อกันว่านางมีชายอื่น”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ขอรับ รอท่านแม่ทัพกลับจวนไปก็น่าจะรู้เรื่องเอง” เมื่อจ้าวหานเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ส่ายหน้า
“ข้าจะกลับไปได้อย่างไร ในเมื่อที่นี่ยังยุ่งเหยิงเช่นนี้” เขาเอ่ยพลางทอดถอนใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ก่อนจะนำทัพออกรบเขากับมารดาขัดแย้งกันด้วยเรื่องของโม่ชิงเยว่ นางเป็นบุตรสาวของอดีตผู้บัญชาการของเขา ความเอาแต่ใจตนเองของนางย่อมจะมีมากสักหน่อย อีกทั้งยังมีเรื่องที่เขาแต่งสุ่ยอี้โหรวเข้าจวนไปพร้อมกันกับนางอีกเรื่องนี้นางไปถือโทษโกรธเคืองเขาก็นับว่าดีมากแล้ว การที่นางยังคงไม่ตอบโต้การกระทำของมารดาของเขาก็นับว่านางใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุดแล้วเช่นกัน
ส่วนสุ่ยอี้โหรวนั้นเขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดนางจึงอยากจะแต่งเข้าจวนเขาให้ได้ นางเคยเป็นสหายในวัยเด็กของเขาก็จริงแต่ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่รู้ว่านางไปพูดกับที่บ้านของเขาเช่นไรจึงทำให้มารดาของเขาแต่งนางเข้าจวนมาในฐานะอนุของเขา คุณหนูใหญ่สกุลสุ่ยจะมาเป็นอนุได้อย่างไรแถมมารดาของเขายังจงใจแต่งนางเข้าจวนมาวันเดียวกับที่เขาแต่งภรรยาเอกอีก เรื่องนี้หากถึงพระเนตรพระกรรของฝ่าบาทจะไม่เท่ากับว่าจวนโหวของเขาจงใจดูหมิ่นราชโองการหรือ เขาต้องวิ่งวุ่นเข้าวังไปถวายรายงานอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้กับฝ่าบาทไม่ได้หลับไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนพอกลับจวนมาก็พบว่าทั้งมารดาและน้องสาวกำลังจะลงไม้ลงมือกับโม่ชิงเยว่แล้ว
นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพโม่เหิง หากนางลงมือตอบโต้ขึ้นมาแม้แต่บุรุษภายในจวนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ด้วยกังวลว่ามารดาจะถูกทำร้ายเขาจึงรีบเข้าไปห้ามเอาไว้คิดไม่ถึงว่ามารดาของเขาจะเข้าใจว่าเขาไม่โปรดปรานนาง ทำให้นางกลายเป็นที่รังเกียจของทุกคนภายในจวน เขาเคยพยายามจะแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ แต่รู้สึกว่ายิ่งทำก็ยิ่งแย่ส่วนโม่ชิงเยว่นั้นนางก็ทำตัวไม่เหมือนกับโม่ชิงเยว่ที่เขาเคยรู้จัก เก่งงานบ้านงานเรือน พยายามเอาอกเอาใจแม่สามี พยายามเอาอกเอาใจเขา เรื่องวรยุทธ์นางไม่เคยสนใจเลยสักนิด.... ไม่สนใจกับผีนะสิ แม้แต่เขาก็ยังเคยพ่ายแพ้ให้นาง แล้วนางจะไม่สนใจเรื่องวรยุทธ์ได้อย่างไร
ยามนี้ที่บ้านส่งข่าวมาบอกเขาว่านางมีสัมพันธ์ลับกับบุรุษอื่น เขาก็ยังสงสัยว่าบุรุษที่ไหนจะไปต้องตานางเข้า เท่าที่เขารู้นอกจากชุ่ยเหมยผู้งดงามแล้วนางก็ไม่เคยข้องแวะกับผู้ใด แม้แต่เขาผู้เป็นสามีนางยังเฉยชาต่อเขาเลยและดูเหมือนว่านางจะจำเขาไม่ได้ด้วยว่าเขาเคยอยู่ที่จวนของนางมาก่อน แค่เห็นนางมีชุ่ยเหมยอยู่เคียงข้างเขาก็รู้สึกอึดอัดใจและคับข้องใจมากแล้วหากนางมีบุรุษอื่นจริงเขาคงไม่ต้องถือดาบไปสู้กับนางหรือ.. เพียงแต่ตอนนี้เขาคงต้องสะสางเรื่องทางนี้ก่อน เมื่อกลับบ้านไปแล้วค่อยสะสางเรื่องยุ่งเหยิงที่บ้านอีกที.. แต่ตอนนี้หลายสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ช่างทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยหัวใจเหลือเกิน
