บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 บำรุงร่างกาย

ยามที่โม่ชิงเยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเช้าวันใหม่แล้ว เพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ไม่ได้ลุกขึ้นมาไอกลางดึกอีกทำให้นางหลับรวดเดียวมาจนถึงเช้า กลิ่นหอมของอาหารทำให้นางยิ้มออกมา เสียงเด็กสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ด้านนอกพร้อมด้วยเสียงของชุ่ยเหมยที่คอยห้ามปรามพวกเขาไม่ให้ซุกซน ทำให้บรรยากาศด้านนอกเต็มไปด้วยความสดใส โม่ชิงเยว่จึงค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนอนของตนไปหาพวกเขา

“ฮูหยิน! ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยทักทายด้วยความยินดี การที่เจ้านายของนางลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยตนเองได้ทำให้นางโล่งใจ แม้ว่าอากาศภายนอกเรือนจะยังคงหนาวเย็นอยู่ แต่เพราะได้กระถางไฟคอยให้ความอบอุ่นทำให้สีหน้าของทุกคนสดชื่นแจ่มใส ชุ่ยเหมยรีบกุลีกุจอไปช่วยพยุงเจ้านายของตนมานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วตักโจ๊กข้าวขาวเนื้อข้นให้เจ้านายของตนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“บ่าวต้มโจ๊กเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ทั้งคุณหนูและคุณชายก็ต่างพากันชื่นชมว่าฝีมือของบ่าวดีขึ้นมาก” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้เด็กๆ ทั้งสองก็ต่างพยักหน้าพร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย!”

โม่ชิงเยว่ใช้ช้อนคนโจ๊กเนื้อเนียนหอมกรุ่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง พอตักโจ๊กเข้าไปในปากแล้วก็ได้ลิ้มรสข้าวขาวอันอ่อนนุ่มและหอมกรุ่น มีความเค็มเพียงเล็กน้อยจากการใส่เกลือ มีกลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ที่ใช้ต้มโจ๊กแม้ว่าจะไม่ถือว่าอร่อยล้ำแต่รสชาติเช่นนี้ถือว่าชุ่ยเหมยพัฒนาฝีมือการทำอาหารขึ้นมาแล้วจริงๆ

“อร่อย” โม่ชิงเยว่เอ่ยชื่นชมออกมาแล้วตักค่อยๆ ตักโจ๊กใส่ปากอย่างช้าๆ จนหมดชาม ทำให้ชุ่ยเหมยพลันยิ้มกริ่มอยู่ตลอดเวลาด้วยความพึงพอใจ

สิ่งที่นางทำแล้วไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าใดนักก็คือการทำอาหาร ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เรือนเหมันต์แห่งนี้โม่ชิงเยว่รับหน้าที่ปรุงอาหารด้วยตนเองเป็นประจำ จวบจนโม่ชิงเยว่ล้มป่วยคนลงมือทำอาหารจึงเป็นนาง เดิมทีก็ขาดแคลนวัตถุดิบอยู่แล้วคนปรุงอาหารยังขาดแคลนฝีมืออีก ดังนั้นที่ผ่านมาทั้งคนป่วยและเด็กต้องผอมลงเพราะกินอาหารไม่ถูกปากและกินอาหารได้ไม่อิ่มท้องกันมาเนิ่นนาน ทำให้นางที่คิดว่าตนเองนั้นเก่งกาจแทบจะทุกเรื่องต้องพลอยเสียความมั่นใจกับเรื่องการทำอาหาร ยามนี้พอได้รับคำชมสีหน้าของนางจึงเบ่งบานหัวใจดวงน้อยก็พลันพองโตจนแทบจะระเบิดออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ

“ยังดีกว่าโจ๊กไหม้ๆ ที่ท่านทำเมื่อสองวันที่แล้วเป็นอย่างมาก” เสียงเล็กของซ่งจื่อเยว่ทำให้สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนแปลงไป

“เจ้าอย่าปากมาก” เสียงตำหนิของซ่งจื่อเหยาทำให้สีหน้าของซ่งจื่อเยว่พลันสลดลงไป

“อาหารที่พี่ทำอร่อยแล้ว ต้องโทษที่เมื่อก่อนวัตถุดิบไม่เพียงพอ แท้จริงแล้วพี่ชุ่ยเหมยมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา” ซ่งจื่อเหยาเอ่ยออกเพื่อปลอบใจชุ่ยเหมยโดยจดจำคำแก้ตัวในการทำอาหารที่ล้มเหลวในครั้งก่อนของชุ่ยเหมยแล้วนำมาใช้พูดจาปลอบอกปลอบใจนางด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ

“เป็นคุณหนูเหยาเหยาที่น่ารักที่สุด” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้ซ่งจื่อเยว่ก็ไม่ยอมแพ้

“ยิ่งทำฝีมือของท่านก็ยิ่งดีขึ้น ข้ายังไม่เคยกินโจ๊กที่ไหนที่อร่อยเท่าโจ๊กที่พี่ชุ่ยเหมยทำเลย” เมื่อซ่งจื่อเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้าแม้จะรู้ว่าเป็นแค่เพียงการยกยอที่เกินจริงของเด็กชายตัวน้อยเพียงเท่านั้น แต่นางก็ยังคงรู้สึกชื่นอกชื่นใจอยู่ดีที่เด็กๆ รู้จักพูดจายกยอนาง

“คุณชายจื่อเยว่ก็น่ารักเช่นกัน” นางพูดพลางเอื้อมมือไปเช็ดคราบเปื้อนที่มุมปากของเขาด้วยความเอ็นดู พอทุกคนกินอาหารเช้าเสร็จแล้วเด็กๆ ก็ไปนั่งเล่นใกล้กระถางไฟที่มอบไออุ่นให้เป็นอย่างดี ส่วนโม่ชิงเยว่และชุ่ยเหมยก็มานั่งพูดคุยกันถึงเรื่องที่ชุ่ยเหมยได้ เผชิญมาเมื่อวานนี้

"นี่คือเงินที่เหลือจากการซื้อของเจ้าค่ะ บ่าวได้มาสิบห้าตำลึง ใช้ซื้อของไปสองตำลึงกับแปดก้วน จึงเหลือเงินกลับมาสิบสองตำลึงกับสองก้วน ส่วนนี่คือเงินสามก้วนที่ฮูหยินให้บ่าวไปเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ใช้จึงนำมาคืนฮูหยิน" โม่ชิงเยว่รับเงินจากชุ่ยเหมยมานับ แล้วจึงแบ่งออกแล้วส่งคืนให้ชุ่ยเหมยห้าตำลึง

“เงินนี่เจ้าเก็บติดตัวเอาไว้ เจ้าไม่ได้รับเงินเดือนจากข้ามานานแล้ว ข้าสัญญาว่าต่อไปข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเงินขาดมืออีก” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็รับเงินไปและคิดในใจว่านางจะเก็บเอาไว้ใช้ซื้อของให้แก่เจ้านายในยามที่เจ้านายของนางขาดแคลนเงินทอง

“บ่าวไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอแค่ได้ปรนนิบัติท่านบ่าวก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา

“เจ้ารับไปเถิด จริงสิ! เหตุใดเงินสามก้วนนี้เจ้าจึงไม่ได้ใช้เล่า แล้วตอนที่ไปร้านขายยาเจ้าใช้เงินจากที่ใดซื้อยามาให้ข้า” เมื่อโม่ชิงเยว่ถามเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็ยิ้มออกมา

“เดิมทีที่ฮูหยินให้เงินสามก้วนนี้แก่บ่าว ก็เพื่อให้บ่าวไปซื้อยาที่ร้านแล้วใช้โอกาสนี้สลัดคนของสุ่ยอี๋เหนียงนี่เจ้าคะ เพียงแต่คนของสุ่ยอี๋เหนียงนั้นพอรู้ว่าบ่าวไปร้านยาเพื่อซื้อยาให้ฮูหยินพวกเขาก็รีบวิ่งแจ้นกลับไปรายงานเจ้านายของพวกเขาแล้ว บ่าวก็เลยเก็บเงินสามก้วนนี้เอาไว้เพราะบ่าวรู้ดีว่าเป็นเงินที่โม่ฮูหยินทิ้งเอาไว้ให้ท่าน พอบ่าวได้เงินจากสกุลเจียงแล้วจึงได้นำเงินที่ได้จากสกุลเจียงไปจ่ายค่ายาที่ร้านยาเจ้าค่ะ” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ไหวพริบของเจ้ายังดีเช่นเดิม ว่าแต่ทางร้านผ้าสกุลเจียงเล่า พอพวกเขาเห็นลวดลายผ้าปักของข้า พวกเขาได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับที่มาของผ้าปักหรือไม่”

“ถามเจ้าค่ะ พวกเขาถามว่าเจ้านายของบ่าวคือผู้ใด ใช่ฮูหยินของจวนนิ่งอันโหวหรือไม่” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พึมพำออกมา

“ที่แท้พวกเขาก็ยังไม่ได้ลืมว่ามีข้าอยู่ แถมยังรู้ด้วยว่าข้าแต่งเข้าจวนนิ่งอันโหว” คำพูดของนางทำให้ชุ่ยเหมยพยักหน้า

“บ่าวก็เลยบอกกับพวกเขาว่ายามนี้ท่านโหวไม่อยู่ที่จวน ท่านอยู่ในจวนโหวอย่างยากลำบาก จึงให้บ่าวนำผ้าปักไปขายที่ร้านผ้าสกุลเจียง อีกทั้งยังบอกว่าหากทางร้านให้ราคาดีฮูหยินก็ยินดีที่จะปักผ้าส่งไปขายอีก พวกเขาก็เลยมอบเงินจำนวนนี้ให้บ่าวมาเจ้าค่ะ แล้วบอกกับบ่าวว่าพวกเขายินดีรับซื้อผ้าปีกของฮูหยินทั้งหมด บ่าวคิดว่าที่เถ้าแก่เอ่ยมาเช่นนี้คงตั้งใจจะช่วยเหลือท่านนะเจ้าคะ” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า

“ช่วงนี้คงต้องพึ่งพาเงินจากสกุลเจียงไปก่อน พอข้าหายป่วยแล้วค่อยไปคารวะขอบคุณที่สกุลเจียง” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยพลันกลืนน้ำลาย

“ฮูหยินคิดจะลักลอบออกจากจวนหรือเจ้าคะ” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้า

“ข้าจะออกไปอย่างสง่าผ่าเผยต่างหาก ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรเหตุใดจึงต้องกลัวพวกนาง ที่ผ่านมาเพราะคิดว่าเมื่อท่านโหวกลับมาข้าก็จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา แต่ยามนี้ข้ารอไม่ไหวแล้ว สงครามแดนใต้ยังคงยืดเยื้อทางทิศอุดรก็ไม่สงบ เขาต้องดูแลกองกำลังทั้งสองฝั่งไม่มีทางมาสนใจเรื่องในเรือนหลังแน่ ดังนั้นหลังจากนี้ข้าคงได้แต่ต้องพึ่งพาตนเองแล้ว” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางไอออกมา

“เพียงแต่ช่วงนี้ข้าคงต้องอาศัยการขายผ้าปักให้แก่ร้านผ้าสกุลเจียงไปก่อน รอข้าแข็งแรงดีแล้วจึงค่อยลงมือ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“ถ้าเช่นนั้นฮูหยินจะต้องหมั่นบำรุงร่างกายของตนเองให้ดีนะเจ้าคะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยพลางช่วยลูบหลังให้นางอย่างอ่อนโยน ส่วนโม่ชิงเยว่นั้นกำเงินในมือเอาไว้อย่างแนบแน่นในใจก็คิดว่าหากจะตอบโต้ทางเรือนใหญ่นางจะต้องแข็งแรงให้มากกว่านี้และสิ่งสำคัญก็คือถ้าจะต้องออกจากจวนโหวนางจะต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถมอบสถานที่พักพิงให้แก่ลูกๆ ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel