บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 เสียรู้เข้าจนได้

ท่านอ๋องหุบยิ้มในทันที พระองค์ไม่คิดว่าเมิ่งหลินอิงจะกล้าตอกกลับเช่นนี้ แต่เพราะนิสัยไม่ยอมแพ้จึงได้แค่แสยะยิ้มส่งไป

“เจ้าจะบอกว่า การที่แม่ทัพหลิวยอมแต่งงาน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือเรื่องเสบียง เป็นการเสียสละงั้นหรือ”

“เพคะ เดิมทีหน้าที่หาเสบียงเป็นของราชสำนักอยู่แล้ว ในเมื่อราชสำนักหาทางออกไม่ได้ จนต้องลดตัวลงมาขอความช่วยเหลือจากครอบครัวพ่อค้าและเศรษฐีในเมือง ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า…”

“บังอาจ!”

“ท่านอ๋องโปรดทรงอภัย แต่พระองค์ให้หม่อมฉันเป็นคนพูด”

“ท่านอ๋องพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

กงกงรีบเอ่ยห้าม เพราะที่นี่คือห้องโถงงานเลี้ยง ซึ่งมีขุนนางคนอื่น ๆ อยู่ด้วย หลิวเว่ยหยางไม่เคยคิดเลยว่า เมิ่งหลินอิงจะเป็นผู้ที่ออกหน้าแทนเขา และยังพูดต่อหน้าท่านอ๋องอีกด้วย

เมื่อครู่ยังเห็นนางนั่งสั่นเพราะความกลัวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกล้าที่จะพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างกล้าหาญ สายตาที่แน่วแน่แฝงไปด้วยความโกรธนั้น เขาเดาว่าเพราะท่านอ๋อง เอ่ยถึงมารดาของนางเป็นแน่

“เมิ่งหลินอิง เจ้าพึ่งจะรับตราตั้งขั้นสี่ไป อยากจะให้ข้ายึดคืนตอนนี้เลยงั้นหรือ”

“หม่อมฉันเพียงแค่ทูลตามที่พระองค์ตรัสถาม อีกอย่างหากว่าราชสำนักยื่นมือช่วยเหลือแต่แรก เงื่อนไขการแต่งงานคงไม่เกิดขึ้น และท่านอ๋องคงไม่มอบราชโองการนี้ ให้หม่อมฉันและท่านแม่ทัพสมรสกัน”

“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะยึดตราตั้งคืนจริง ๆ สินะ คิดว่าข้าไม่กล้าหรือ!”

"ท่านอ๋องน้ำพระทัยใหญ่หลวง ดุจมหาสมุทรไม่ถือสาผู้น้อย เพียงแต่พระองค์ให้โอกาสผู้อื่นตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ครั้งนี้สกุลเมิ่งได้รับเกียรตินั้น แทนที่จะเป็นท่านอ๋อง หม่อมฉันและสกุลเมิ่งย่อมดีใจที่สุดเพคะ"

“เจ้าแน่มาก ใครบอกว่าในคลังข้าไม่มีเงินช่วยกองทัพ ต่อให้วันนี้จะให้สักสามพัน หรือห้าพันตำลึงทองข้าก็ไม่เกี่ยง”

หลินอิงยิ้มออกมา พร้อมกับความดีใจและรีบคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้นในทันที พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ดัง จนทำให้ทุกคนได้ยินไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ ทำให้ท่านอ๋องไม่สามารถปฏิเสธได้

“หม่อมฉันขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงมีพระเมตตา ห่วงใยบ้านเมืองและราษฎร ที่ประทานเงินช่วยเหลือให้กับกองทัพแม่ทัพหลิว เป็นเงินห้าพันตำลึงทองเพคะ”

“เอ่อ เดี๋ยวสิ…ข้า!!”

“ท่านอ๋องทรงมีน้ำพระทัยใหญ่หลวง ห่วงใยราษฎรและแว่นแคว้น หม่อมฉันและราษฎรซาบซึ้งใจยิ่งนักเพคะ”

“นี่เจ้า….”

เจิ้งหร่วนอวี้รู้สึกเสียรู้เข้าจนได้ เขาไม่ควรหลงไปกับรูปโฉมของนางจนต่อปากต่อคำ สุดท้ายก็ถูกเมิ่งหลินอิงล้อมและเสียเงินไปอีกห้าพันตำลึงทอง กว่าจะรู้ตัว เมิ่งหลินอิงก็เดินกลับไปนั่งที่นั่งเดิมแล้ว เขาทันได้เห็นสีหน้าของแม่ทัพหลิว ที่ตกใจกึ่งเลื่อมใสฮูหยินของตัวเอง

“เจ็บใจนัก”

“ท่านอ๋อง ยังมีขุนนางคนอื่น ๆ อยู่ ทรงอย่าได้…”

“ข้ารู้แล้ว ไปจัดการมอบเงินให้กองทัพหลวงทันที!”

หลิวเว่ยหยางรีบเดินออกมา และคุกเข่าตรงหน้าด้วยความดีใจระคนสะใจเล็กน้อย

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง เงินห้าพันตำลึงทองนี้ กระหม่อมจะใช้ให้คุ้มค่า สมกับน้ำพระทัยที่ท่านอ๋องทรงมอบให้กับกองทัพพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากเรื่องนี้ท่านอ๋องก็มิได้กล่าวสิ่งใดอีก พระองค์เพียงแค่นั่งดื่มสุราไปเงียบ ๆ และลอบมองมาที่แม่ทัพหลิวกับฮูหยินอยู่บ่อย ๆ ตอนนี้เมิ่งหลินอิงมิได้เกรงกลัวเขาแล้ว เพราะนางได้ลองหยั่งเชิงความสามารถของอ๋องไร้สมองคนนี้แล้วด้วยตัวเอง เมื่อหันมามองข้าง ๆ แม่ทัพหลิวกำลังหยิบขนมหวานมาวางบนจานให้นาง

“นี่คืออะไรเจ้าคะ”

“ขอบใจที่พูดเพื่อข้า”

“ข้าไม่ได้พูดเพื่อท่าน ข้าทำเพื่อส่วนรวม”

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะโกรธมากนะ”

“เหตุใดฝ่าบาทจึงยอมให้คนสมองหมูเช่นนั้น มาปกครองบ้านเมือง น่ารังเกียจ”

“ฮูหยิน ข้าคิดว่าอย่าพูดมากเกินไป บางอย่างเก็บไว้ในใจก็พอ ที่นี่มิใช่จวนแม่ทัพที่จะพูดได้ตามใจชอบ”

นี่เขาตำหนินางอีกแล้วสินะ ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็เท่านั้นเอง แม่ทัพหลิวผู้นี้ไม่คิดจะพูดดี ๆ กับนางเลยสักครั้ง หลินอิงหยิบขนมหวานนั้นคืนให้กับเขาทันที

“นี่เจ้าทำอะไร”

“ข้าไม่ชอบกิน ท่านเอาคืนไปเถอะ”

งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง แต่ทุกคนยังกลับไม่ได้ เพราะยังต้องรอเหล่าขุนนางชายที่อยู่ในงานเลี้ยง ดังนี้หลินอิงจึงเดินออกมาด้านนอกซึ่งเป็นสวน นางเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงด้านหลังห้องโถง และได้ยินเสียงของคนสองคนคุยกัน แต่เมื่อเห็นทหารองครักษ์จึงรู้ว่าเป็นผู้ใด

“เว่ยหยางเจ้าแน่มากนะ ฮูหยินของเจ้ากล้าปล้นเงินในคลังของข้าต่อหน้าคนอื่น ไม่ทิ้งลายลูกสาวพ่อค้าหน้าเลือด นางช่างเหมาะกับเจ้าจริง ๆ”

“งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ที่พระองค์เรียกกระหม่อมออกมาที่นี่ ก็เพื่อจะชื่นชมฮูหยินของกระหม่อมหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้า! เงินห้าพันตำลึงทองนั่น…”

“ท่านอ๋องคงไม่คิดที่จะไม่จ่ายหรอกนะ ในเมื่อลั่นวาจาไปแล้วต่อหน้าเหล่าขุนนาง อย่าได้ทำให้ความน่าเชื่อถือของตัวเองลดลงไปมากกว่านี้เลย…ญาติผู้พี่”

“นี่เป็นแผนการของเจ้าสินะ ฮูหยินลูกพ่อค้าหน้าเลือดผู้นั้น”

“ก็คือผู้ที่ท่าน ส่งมาให้เป็นฮูหยินของข้ามิใช่หรือ ท่านอ๋องลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“หลิวเว่ยหยาง… เจ้านอนกับนางแล้วงั้นหรือ เวลาเจ้ากอดนาง แน่ใจนะว่ามิได้นึกถึงผู้อื่นอยู่”

หลินอิงเบิกตากว้าง เมื่อแอบฟังในห้องเล็ก ๆ ด้านข้างพวกเขา นางรีบหลบเข้ามาก่อนที่ทหารองครักษ์จะเดินมาถึง แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะหยุดคุยกันตรงนี้

“ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“หึ ญาติผู้น้อง มิใช่ว่าเจ้ายังลืมสตรีที่หนีไปแต่งงานกับเพื่อนรักของเจ้าไม่ได้หรอกหรือ ข้าจำได้ว่าเจ้ากับนางรักกันมากมิใช่หรือ บัดนี้กลับยอมแต่งงานกับสตรีอื่น เพื่อแลกกับเสบียงให้กองทัพ ป้ายตราตั้งระดับสี่ที่เจ้าคนละโมบแซ่เมิ่งนั่นต้องการเอาไปทำการค้า และตำแหน่งพระชายารองของข้าถึงกับส่งลูกอนุให้แต่งกับเจ้าแทน รู้สึกเป็นยังไง อดสูหรือไม่”

“เจ้า!”

“เดี๋ยวก่อนไม่ต้องฉุนเฉียวขนาดนั้น คุยกันตามประสาพี่น้องเหตุใดต้องรุนแรงด้วยเล่า ปล่อยมือเจ้าลงด้วย”

แม่ทัพหลิวกำฉลองพระองค์เอาไว้แน่น และยอมปล่อยลงในที่สุด

“เพียงแค่พูดเรื่องเก่า ๆ อารมณ์ฉุนเฉียว เช่นนี้เจ้ายังกล้าบอกกับฮูหยินของเจ้าหรือไม่ว่า ยังลืมสตรีในใจผู้นั้นไม่ได้”

“หุบปากของท่านเสียมิเช่นนั้น…”

“ทำไม ห้าพันตำลึงทองข้าให้เจ้าก็ได้ แลกกับความสบายใจและทำให้เจ้าคิดว่าชนะข้าได้ครั้งหนึ่ง แต่หลิวเว่ยหยางเจ้าจำไว้ให้ดี ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นแม่ทัพที่แต่งงานเพื่อแลกเสบียงและเพื่อลืมสตรีคนรักเก่า ทุก ๆ ความอัปยศเช่นนี้เพียงแค่นึกขึ้นมา… ข้าก็อารมณ์ดีแล้ว”

"เจิ้งหร่วนอวี้! เจ้าคนต่ำช้า!"

“เอาละ การพบปะกันตามประสาญาติพี่น้องพอแค่นี้แหละ อีกสองวันข้าจะให้ราชเลขานำเงินไปให้ หวังว่าเจ้าคงจะพอใจนะ ฮ่า ๆ”

“ปึง!!”

“ฮึ้ย! ไอ้คนสารเลว!”

แม่ทัพหนุ่มชกไปที่ผนังที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นคนละฝั่งกับที่นางยืนอยู่ เมื่อรับรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดแล้ว กลับยิ่งทำให้หลินอิงรู้สึกปวดหัวใจไปเรื่อย ๆ เขาไม่ได้รักนาง ก็ไม่เลวร้ายเท่ากับเขามีสตรีในใจอยู่แล้ว และการแต่งงานนี้เต็มไปด้วยเงื่อนไขที่นางไม่เคยรู้มาก่อน หลินอิงกำมือแน่น ตอนนี้นางเริ่มตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว

“ข้าไม่มีทางยอมเป็นเบี้ยให้ผู้ใดจับเดิน ข้าจะต้องมีชีวิตใหม่เป็นของตัวเอง…ท่านแม่รอข้าก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะช่วยท่านออกมาจากขุมนรกนั่นในเร็ววันนี้ แล้วจะได้ไปจากที่นี่ ไปจากคนชั่วร้ายเหล่านี้ทั้งหมด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel