บทย่อ
งานแต่งที่แลกมาด้วยเงื่อนไข อีกฝ่ายชิงชังนางจนถึงขั้นรังเกียจ แต่ใครจะคิดว่าฮูหยินที่เขาเกลียด จะเป็นผู้ที่ช่วยเขาในวันที่ลำบาก “เจ้าแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินแม่ทัพ ต่อให้ตายก็ต้องเป็นฮูหยินของข้า!" "เมิ่งหลินอิง" บุตรสาวภรรยารองของคหบดีเมิ่งฉี ยอมแต่งงานเพื่อแลกกับเงื่อนไขบางอย่างกับบิดาของตัวเอง "หลิวเว่ยหยาง" แม่ทัพหนุ่มของเมืองต้าเฟิง ยอมแต่งงานภายใต้เงื่อนไขเพื่อช่วยบ้านเมือง “ทำไม เจ้าตกใจอันใดกัน รีบ ๆ ดื่มสุรานี่เถอะจะได้จบพิธีเสียที” เพียงแค่ครั้งแรกที่พบกันในห้องส่งตัว นางก็รู้ได้ทันทีว่าเขามิใช่เพียงไม่ชอบนาง แต่ทว่าเขา... เกลียดนางมาก ๆ เลยต่างหาก “เจ้าฟังข้าให้ดี แม้ว่าข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของกองทัพ แต่อย่าได้คาดหวังในตัวข้าว่าจะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าข้าขยะแขยงพวกเจ้ายิ่งกว่าแมลงวันที่ตอมซากศพเสียอีก นับจากนี้ไปเจ้าอยู่ของเจ้า ข้าอยู่ของข้าอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก เข้าใจแล้วหรือไม่” ใครจะคิดว่าคำพูดที่แสนร้ายกาจนี้ เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น.... “ให้นางไปพักเรือนเล็กด้านหลังจวน ไม่ต้องให้ใครไปยุ่งเกี่ยวกับนางทั้งสิ้น อยู่ได้ก็อยู่ หากอยู่ไม่ได้ ก็ให้นางกลับไปที่สกุลเมิ่งของนางเสีย!” ท้ายที่สุดแล้ว ท่านแม่ทัพจะไปพ่ายแพ้หัวใจของฮูหยินตัวเองเมื่อใด แล้วเมิ่งหลินอิง จะทนอยู่กับความโหดร้ายและเย็นชา ของท่านแม่ทัพอย่างหลิวเว่ยหยางได้อีกนานแค่ไหน ฝากติดตามเรื่องราวความรักของทั้งคู่ได้เลยค่ะ นิยายเรื่องนี้เป็นแนวรัก โรแมนติกมีดราม่าเพียงเล็กน้อย พระเอกปากร้ายแต่คลั่งรักกว่าใครในต้าเฟิง แต่จะเป็นเมื่อไหร่ ตอนไหนต้องตามไปลุ้นกัน นางเอกของเราเหมือนจะอ่อนแอ... แต่เมื่อหมดความอดทนก็พร้อมฟาดทุกคนไม้เว้นเช่นกัน เรื่องนี้ไม่เน้นดราม่า เป็นแนวสุขนิยมรักเดียวเช่นเดิม ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
ตอนที่ 1 งานแต่งท่านแม่ทัพ
จวนสกุลเมิ่ง
วันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ของจวนสกุลเมิ่ง ที่จะแต่งบุตรสาวคนรองออกเรือน ผ้าแดงมงคลผูกเพื่อรอรับขบวนเจ้าบ่าวที่จะมารับเจ้าสาว ซึ่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เมืองต้าเฟิงนามว่า “หลิวเว่ยหยาง”
“ฮึก! คุณหนู….”
“เหตุใดเจ้าต้องร้องไห้ด้วย วันนี้เป็นวังมงคลของข้านะผิงเพ่ย”
“เหตุใดต้องเป็นท่านด้วย นายท่านช่างลำเอียงยิ่งนัก นี่เท่ากับส่งท่านไปตายชัด ๆ”
“ชีวิตของท่านแม่อยู่ที่การตัดสินใจของข้า หากวันนี้ข้าไม่ยอมแต่งงานออกไปแทนคุณหนูใหญ่ เกรงว่าจะช่วยท่านแม่ไม่ได้อีกแล้ว ข้าคิดเอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะผิงเพ่ย”
“แต่ว่า… ท่านแต่งกับแม่ทัพหลิวที่กำลังจะออกศึกครั้งใหญ่ เป็นตายกลับมายังไม่รู้ชะตากรรมแต่นายท่านกลับ…”
“เอาล่ะได้เวลาคลุมหน้าเจ้าสาวแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
“เมิ่งหลินอิง” สั่งสาวใช้ข้างกายเพียงคนเดียวที่มาช่วยนางแต่งตัวในวันนี้ แม้จะเป็นบุตรสาวเศรษฐีใหญ่ในเมือง "ต้าเฟิง" เมืองที่ใหญ่รองเพียงแค่เมืองหลวงของแคว้นเยี่ยนตู ฐานะของหลินอิงในจวนสกุลเมิ่งเป็นเพียงแค่บุตรสาวภรรยารอง แต่วันนี้นางกลับได้แต่งออกจากจวนในฐานะบุตรสาวภรรยาเอก
“เพียงให้ท่านยอมแต่งงานที่เสี่ยงจะเป็นหม้าย นายท่านถึงกับไม่ยอมให้คุณหนูใหญ่แต่งออกไป”
“พอได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อนางสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเสร็จแล้ว เสียงประทัดหน้าจวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง แม่สื่อเดินมารับเจ้าสาวที่หน้าประตูเพื่อไปที่โถงทำพิธี เมื่อนางเดินเข้าไปในห้องโถงก็เห็นเพียงรองเท้าและชุดสีแดงของเจ้าบ่าวที่ยืนรอนางอยู่
“ยกน้ำชา”
ทั้งคู่ยกน้ำชาให้กับใต้เท้า “เมิ่งฉี” ซึ่งเป็นบิดาของนาง และภรรยาเอก “หวังลี่จิง” ที่ในวันนี้นางอยู่ในฐานะมารดาของนางก่อนออกเรือน
“ส่งตัวเจ้าสาวออกเรือน”
มือสากหนาที่ถือแต่ดาบมาครึ่งชีวิต หันมาจับนางเดินไปอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เมืองต้าเฟิง มีผู้ใต้บังคับบัญชาเกือบหนึ่งพัน เป็นขุนศึกที่เก่งกล้าเฉียบขาดจนทุกคนต้องนับถือในฐานะจอมแม่ทัพ แม้แต่ชิงอ๋องที่ปกครองเมืองต้าเฟิงยังต้องให้เกียรติเขา แต่ทว่า… เขาช่างเย็นชายิ่งนัก ไม่ว่ากับใคร
“เจ้าสาวขึ้นเกี้ยว”
‘ท่านแม่ ข้าจะรีบกลับมาพาท่านออกจากจวนสกุลเมิ่งโดยเร็วที่สุด’
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่นางคิด ก่อนจะเดินขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เมื่อขบวนเคลื่อนตัวออกไปจากจวนสกุลเมิ่งไปถึงจวนแม่ทัพ เมิ่งหลินอิงก็เริ่มได้ยินเสียงแตรมงคลของขบวนเจ้าบ่าว ไปถึงหน้าจวนแม่ทัพที่จุดประทัดรอ
โถงพิธี
“คู่บ่าวสาวกราบไหว้ฟ้าดิน”
“คำนับบิดามารดา”
“คำนับกันและกัน”
“ส่งตัวเข้าหอ”
เจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าห้องหอตามกำหนดเดิม หลินอิงรู้สึกได้ว่าที่จวนแม่ทัพแทบจะไม่มีแขกมาเลย เพราะมันเงียบเสียจนคิดว่าเขาไม่ได้เชิญแขกในงาน ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เพราะงานแต่งในครั้งนี้เป็นราชโองการจากท่านอ๋อง โดยที่ “หลิวเว่ยหยาง” มิได้เต็มใจนั่นเอง
ห้องส่งตัว
ประตูห้องส่งตัวเปิดออกมาอย่างแรง ราวกับว่าผู้เปิดโกรธใครมา เจ้าสาวที่นั่งนิ่งเพราะแอบสัปหงกอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว แต่นางก็รีบนั่งหลังตรงรอให้เจ้าบ่าวมาเปิดหน้าเจ้าสาว
พรึ่บ
“เฮือก!”
นางตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะใช้ไม้กระตุกผ้าคลุมหน้าของนางรุนแรง และไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้
“ทำไม เจ้าตกใจอันใดกัน รีบ ๆ ดื่มสุรานี่เถอะจะได้จบพิธีเสียที”
นางเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขา ก็รับรู้ได้ถึงความเย็นชาและผนังกำแพงใหญ่ที่มองไม่เห็น เมื่อเขาหันกลับมาหลินอิงก็นิ่งไปอีกครั้ง แม่ทัพหนุ่มตรงหน้าสีหน้าเคร่งขรึม ดูเหมือนจะโกรธอยู่ตลอดเวลา แต่หากตัดสิ่งเหล่านั้นออกไปแล้ว ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาคมคายและสายตาที่ดุดันนี้ ก็นับได้ว่าเขาคือบุรุษที่หล่อเหลาคมคายมากคนหนึ่ง
“จะดื่มหรือไม่ดื่ม หรือว่าดื่มสุราไม่เป็น ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นน้ำชาเถอะ”
“มะ ไม่เจ้าค่ะ ข้าดื่มได้ ว้าย!”
นางลุกขึ้นกะทันหัน รองเท้าเจ้าสาวที่สูงกว่าปกติและชุดที่รุ่มร่ามพลันทำให้นางล้มลงไปชนแผ่นหลังเย็น ๆ ของเขาอีกครัง เมื่อแม่ทัพหนุ่มหันมา ก็ถอนหายใจอย่างนึกรำคาญ พร้อมกับดันตัวนางให้นั่งที่เตียง
“ซุ่มซ่าม ข้าบอกให้เจ้าลุกขึ้นแล้วงั้นหรือ รีบ ๆ ดื่มเถอะข้ายังมีงานอื่นต้องสะสางอีก”
“เอ่อ ท่านจะไปคืนนี้เลยหรือ…ท่านพี่”
เขาหันมามองหน้านางชัด ๆ สตรีที่กล้าจะแต่งงานกับเขาโดยใช้เงินและเสบียงของทหารต้าเฟิงเป็นเดิมพัน สตรีที่ต้องการเพียงตำแหน่งฮูหยินตราตั้ง เพื่อให้ตระกูลของนางจะได้ทำการค้าสะดวกมากขึ้น
“เรียกข้าว่าท่านแม่ทัพเถอะ จะเหมาะสมมากกว่า ข้าไม่ชินกับคำนั้นอย่าเรียกเลย”
หลินอิงรีบกลืนสุรามงคลตอนที่เขาพูดขึ้นมา สุราที่ร้อนราวกับลวกคอนางได้ ยังไม่เท่ากับคำพูดที่ตัดรอนเย็นชาของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนางในตอนนี้
“เอาละพิธีก็เสร็จแล้ว ข้าไปละ”
“เอ่อ… คือ…”
“เจ้ายังมีอะไรอีก”
“มิใช่ว่าค่ำคืนส่งตัว พวกเราห้ามออกจากห้องหรอกหรือเจ้าคะ”
แม่ทัพหนุ่มหมดความอดทน เขากำหมัดแน่นและชกไปที่เสาเตียงจนเจ้าสาวหมาด ๆ ตกใจจนสั่น สายตาดุดันและกำลังโกรธมองมา หากเขาถือดาบอยู่ในตอนนี้คงจะฆ่านางไปแล้ว
“เจ้ายังต้องการอะไรจากข้าอีก เท่านี้ยังไม่พอใจอีกหรือ”
“มะ ไม่พองั้นหรือ ท่านพูดถึงอะไรกัน”
“เช่นนั้นข้าจะพูดให้ชัด ๆ นะคุณหนูเมิ่ง”
“มะ เมิ่งหลินอิง ขะ ข้าชื่อหลินอิง”
“หุบปาก! ข้าอนุญาตให้เจ้าพูดแทรกข้าได้งั้นหรือ”
นางนั่งตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่คิดเลยว่าการแต่งงานที่นางคิดเอาไว้จะเลวร้ายไม่ต่างกับการอยู่ที่สกุลเมิ่ง ที่นั่นเหมือนนรกบนดินเพราะนางเป็นเพียงลูกสาวอนุ
“เจ้าฟังข้าให้ดี แม้ว่าข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของกองทัพ แต่อย่าได้คาดหวังในตัวข้าว่าจะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าข้าขยะแขยงพวกเจ้ายิ่งกว่าแมลงวันที่ตอมซากศพเสียอีก นับจากนี้ไปเจ้าอยู่ของเจ้า ข้าอยู่ของข้าอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก เข้าใจแล้วหรือไม่”
“ฮึก!”
นางพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ เดิมทีก็ทำใจมาก่อนหน้านั้นแล้วว่าแม่ทัพใหญ่ผู้นี้จะไม่ใช่คนอ่อนโยนอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าจะเลวร้ายขนาดนี้
“แมลงวันตอมซากศพงั้นหรือ…ช่างเป็นวาจาที่ใจร้ายนัก”
“หึ ใจร้ายงั้นหรือ คนที่อยากให้ตระกูลพ่อค้าได้เชิดหน้าสู่สังคมชั้นสูงได้ไม่ใช่พวกเจ้าหรอกหรือ ถึงกับเอาลูกสาวมายัดเยียดให้แต่งงานกับข้า นี่ไม่ใช่แผนการของพวกเจ้าตั้งแต่แรกหรอกหรือ”
“แต่ท่านก็ต้องออกศึกทันทีหลังพิธีแต่งงาน ข้ามากกว่าที่เสี่ยงจะเป็นหม้าย ท่านกล้าพูดออกมาได้เช่นไรว่าข้าอยากแต่งกับท่าน…โอ๊ย!”
แม่ทัพหนุ่มหันมาบีบแก้มทั้งสองข้างของนางไว้และดันไปที่เตียง ร่างบางล้มลงเพราะสู้แรงของเขาไม่ได้ นางเจ็บตรงแก้มสองข้างที่ถูกเขาบีบและดันตัวให้ติดกับเตียง
“อื้อ…”
“ข้ายังไม่ทันจะออกศึก เจ้าที่พึ่งแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินก็กล้าแช่งสามีตัวเอง จะไม่ให้ข้าคิดได้อย่างไรว่าพวกเจ้ามันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงสารเลวทั้งตระกูล จงจำเอาไว้ให้ดี…ข้าเกลียดคนเห็นแก่ตัวอย่างพวกเจ้ามากที่สุด!!”

