บทที่ 3 รู้ตัวอีกที ก็ไม่ทันแล้ว (2/2)
“อื้อ อย่าทิ้งข้าไป”
เสียงสะอื้นพร้อมกับสายตาที่สั่นไหวคู่นั้นของมู่จิ่นฮวาแฝงไปด้วยความหวาดกลัว หานหนิงเฉิงจับหัวไหล่กลมมนเอาไว้ ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้กับมู่จิ่นฮวาจนได้ยินเสียงลมหายใจของนาง
“มู่จิ่นฮวา ข้าไม่อาจอยู่ต่อ ข้าไม่อยากรังแกเจ้า”
“คนหล่อ ใจร้าย”
ดวงตาสีนิลหลุบลงต่ำด้วยความแง่งอน ใบหน้าซีดขาวในยามนี้แดงซ่านไปด้วยฤทธิ์สุราผสมกับยาปลุกกำหนัด
“ข้าไม่ได้ใจ…”
อื้อ
มู่จิ่นฮวาเขย่งปลายเท้าขึ้น ก่อนจะประกบริมฝีปากแดงระเรื่อลงมาบนริมฝีปากของเขา ดวงตากลมโตในยามนี้หลับตาลงอย่างพริ้มพรายไปพร้อมกับการบดขยี้ริมฝีปากด้วยความร้อนแรง
“อย่า…”
จู่ ๆ เสียงของเขาก็หายเข้าไปในลำคอ พร้อมกับยืนนิ่งให้มู่จิ่นฮวาบดขยี้ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวลงบนริมฝีปากของเขา และในยามนี้ฝ่ามือหนาของตัวเองกลับเป็นฝ่ายกอบกุมดวงหน้าเล็กเอาไว้ พร้อมกับก้มลงสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของนางอย่างห้ามใจไม่อยู่
หานหนิงเฉิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็เข้ามาอยู่ภายในเรือนร้างเสียแล้ว มู่จิ่นฮวาพลักเขาลงบนเตียงด้วยแรงเพียงนิดเดียว แต่ทว่ากลับทำให้ร่างแกร่งกำยำของเขาตัวอ่อนโอนเอนลงบนเตียงเก่าอย่างว่าง่าย
ฝ่ามือเล็กปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจนมองเห็นหัวไหล่ขาวเนียน พร้อมกับเนินเนื้ออวบอิ่มที่โผล่พ้นขอบอาภรณ์ตัวเก่า
“ร้อน ข้าร้อน อื้อ”
มู่จิ่นฮวาทาบทับร่างกายเล็กลงบนร่างกำยำของหานหนิงเฉิง แม้ในใจคิดอยากจะหยุดยั้งสิ่งที่เขารู้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี แต่ทว่ามือไม้กลับสวนทางกัน พร้อมยื่นเข้าไปปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางด้วยความสั่นเทา
“คิดดีแล้วหรือ ที่จะทำกับข้าเยี่ยงนี้” หานหนิงเฉิงสบตากับนัยน์ตาที่ลุกโชนด้วยไฟแห่งราคะ
“ข้าร้อน ทรมานยิ่งนัก อื้อ”
“ความร้อนของเจ้า จะทำลายข้าด้วยเช่นกัน เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ”
หานหนิงเฉิงกระตุกยิ้มขึ้นด้วยความเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมคายหรี่ลงด้วยความเย้ายวน ยามนี้เขาเริ่มมีอาการคับแน่นรวดร้าวไปแทบจะทุกส่วนในกายเสียแล้ว ยาปลุกกำหนัดขนานนี้ช่างรุนแรงเสียจริง
“ไม่รู้ แต่ข้าอยากหายร้อน”
มู่จิ่นฮวาสตรีบ้าใบ้ที่มักจะไม่ค่อยพูดจา แต่ในยามนี้นางกลับพูดได้หลายคำมากกว่าเมื่อครั้งที่เจอ ไม่คิดว่ายาปลุกกำหนัดจะทำให้สตรีที่ขึ้นว่าเป็นบ้าเป็นใบ้พูดออกมาไม่หยุดปาก สร้างความพึงใจให้กับเขาและรอยยิ้มที่ผุดพรายขึ้นเต็มดวงหน้าหล่อเหลา
อื้อ
มู่จิ่นฮวาขึ้นคร่อมอยู่บนร่างกำยำของเขา นางส่งสายตาร้อนแรงให้กับหานหนิงเฉิง ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณ ริมฝีปากร้อนฉ่าถูกทาบลงมาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้นางเป็นฝ่ายสอดแทรกลิ้นเรียวเข้ามาในโพรงปากของเขา ไปพร้อมกับการชอนไชหาความหวานภายในปากด้วยตัวเอง
สองมือเล็กจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของเขาออก จนแผงอกกำยำที่คร้ามแดดปรากฏออกมานอกร่มผ้า มู่จิ่นฮวาลูบไล้ฝ่ามือไปมาโดยที่นางยังคงบรรจงจูบกับเขาด้วยความละโมบ
หานหนิงเฉิงที่ร้อนรุ่มเช่นกัน ไม่รอช้าที่จะสอดมือเข้าไปปลดอาภรณ์ของมู่จิ่นฮวาออกให้พ้นจากสายตา เมื่อยามนางหยัดกายหลังตรงอยู่บนเอวของเขานั้น แทบจะทำให้หัวใจของหานหนิงเฉิงนั้นหยุดเต้น
แม้ว่าภายนอกนั้นอาจจะดูมอมแมม แต่ทว่าผิวกายด้านในกลับขาวผุดผ่องประดุจหิมะแรกแห่งฤดู กับทรวงอกอิ่มขนาดใหญ่โตพร้อมยอดถันสีหวานตัดกับผิวขาวที่เนียนละเอียด กลิ่นกายหอมกรุ่นจากเนื้อสาวทำให้หานหนิงเฉิงแทบบ้า
เขาขบเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความกำหนัด เส้นผมสีดำสนิทเป็นมันวาวถูกปล่อยสยายคลอเคลียร์ไปกับแผ่นหลัง เมื่อยามที่นางตวัดปลายผมไปทางด้านหลังนั้น หานหนิงเฉิงได้แต่กำมือแน่นและปวดหนึบท่อนกลางกายราวกับจะขาดใจ
มู่จิ่นฮวาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนที่นางจะโน้มใบหน้าลงมาเคล้าเคลียร์กับซอกคอของเขาไปพร้อม ๆ กับการลากลิ้นไปตามแผงอกกำยำ ฝ่ามือน้อยแตะลงบนแผงอกกว้างและตวัดลิ้นลงบนตุ่มไตแข็งของเขาสลับกันไปมาจนเปียกชื้น
อ๊ะ
“จับมันต่อสิ อื้อ”
ฝ่ามือเล็กเลื่อนลงไปจนเจอเข้ากับแท่งหยกที่แข็งขันอยู่ภายใต้ร่มผ้า จนมู่จิ่นฮวาร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่นางจะลูบไล้มันต่อตามคำบอก ไม่นานนางก็จัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ปกปิดแก่นกายออกช้า ๆ จนแก่นกายใหญ่โตปรากฏออกมาสู่สายตาที่วาววาม
“กะ…กลัว”
มู่จิ่นฮวาเบนหน้าหนีพร้อมกับเอ่ยปากว่ากลัว จนหานหนิงเฉิงต้องเป็นฝ่ายจับมือของนางลูบไล้ลงไปบนหัวบานแดงที่พองโตเด่นหราอีกครั้ง
“มากลัวกระไรตอนนี้เล่า สายเกินไปแล้วแม่คนงาม”
หานหนิงเฉิงรู้ตัวดีว่ากำลังทำสิ่งใด แต่ทว่าถ้าจะให้เขาหยุดยั้งเสียตอนนี้ เห็นทีคงจะสายไปเสียแล้ว ความงดงามทั้งใบหน้าและเรือนกายของมู่จิ่นฮวาทำให้เขาบ้าคลั่งและไร้ซึ่งความอดทนที่ถูกฝึกปรือมาทั้งร่างกาย จิตใจและการควบคุมอารมณ์มานานหลายสิบปี
ทุกสิ่งพังทลายลงไม่เป็นท่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะไม่เอ่ยโทษนางที่เป็นฝ่ายเริ่ม เพราะในยามนี้เขาเต็มใจที่จะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับสตรีบ้าใบ้ นามว่า มู่จิ่นฮวา ด้วยสติที่มีอย่างเต็มเปี่ยม
