บทที่ 3 รู้ตัวอีกที ก็ไม่ทันแล้ว (1/2)
ท่ามกลางแสงจันทราสาดส่องลงมากระทบกับสตรีร่างระหงที่กำลังกระโดดโลดเต้นเย้าหยอกกลุ่มผีเสื้อราตรีด้วยความสุขสันต์ กลายเป็นท่วงท่าแห่งการร่ายรำด้วยความงดงามอ่อนช้อย ดอกไม้นานาพรรณที่กำลังผลิบานแข่งกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนดวงหน้ากลายเป็นสีสัน ดวงตาคู่งามสว่างไสวทอประกายอย่างแวววาวอยู่ภายใต้แสงแห่งดวงจันทร์ที่ลอดผ่านเงาไม้ลงมาด้วยความสุขสดใส
ดวงตาสีนิลสุดล้ำลึกจ้องมองมู่จิ่นฮวาด้วยความอ่อนโยน มุมปากประดับรอยยิ้มด้วยความพึงพอใจ สตรีเบื้องหน้าไม่ได้ทำให้เขามีความหวาดหวั่นขวัญผวาเมื่อยามอยู่ใกล้ชิด แต่ทว่ากลับทำให้เขานั้นเป็นฝ่ายที่อยากจะอยู่ใกล้กับนางขึ้นมาเองเสียมากกว่า มากเสียจนก้อนเนื้อภายในอกด้านซ้ายเต้นระรัวจนผิดจังหวะไป
และไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร มู่จิ่นฮวาก็ยังคงทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มที่จริงใจของนางอยู่ดี หานหนิงเฉิงมองนางด้วยสายตาแห่งความชื่นชม เมื่อรู้ตัวอีกทีสุราภายในกาก็หมดสิ้นลงไปเสียแล้ว
“ร้อน ร้อนยิ่งนัก”
จู่ๆ มู่จิ่นฮวาก็เลิกเล่นกับผีเสื้อที่อยู่ตรงหน้าของนาง ก่อนที่นางจะวิ่งเข้ามาทรุดกายลงด้านข้างของเขาด้วยอาการสั่นเทา หยาดเหงื่อมากมายผุดขึ้นเต็มกรอบหน้านวล ดวงตาดุจดั่งลูกกวางสั่นวูบไหวเต็มไปด้วยความทรมาน
หานหนิงเฉิงสังเกตอาการของมู่จิ่นฮวาด้วยความประหลาดใจ ทั้งที่อากาศก็ออกจะเย็นสบายดีเสียด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดนางถึงได้มีอาการรุ่มร้อนเช่นนี้
“มู่จิ่น…”
หมับ
ยังไม่ทันที่เขาจะได้เรียกชื่อของนางจนจบ สองฝ่ามือน้อยถูกยื่นเข้ามาโอบรัดรอบคอของเขา มู่จิ่นฮวากดใบหน้าเข้ามาใกล้จนหานหนิงเฉิงได้ยินเสียงของหัวใจตัวเอง ดวงตาคู่สวยของนางในยามนี้กระพริบถี่และลุกโชนไปด้วยความร้อนแรง เสียงลมหายใจเคล้ากลิ่นสุรานั้นมีอาการกระหืดกระหอบจนทำให้เขาลอบกลืนน้ำลาย
“ร้อน…”
นางพูดเพียงเท่านั้น แต่ทว่าสายตายังคงจู่โจมเขาไม่ยอมเลิกรา หานหนิงเฉิงได้แต่จับจ้องมองริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อด้วยอาการใจเต้นแรง ฉับพลันความคิดที่อยากจะครอบครองริมฝีปากของนางก็ผุดขึ้นมาในหัวจนเขาต้องสะบัดหน้าหนี หรือว่าอาการที่มู่จิ่นฮวากำลังเป็นอยู่นั้นคือ...
“มู่จิ่นฮวา สุรากานี้เจ้าได้มาจากที่ใด” หานหนิงเฉิงถามขึ้นมาหลังจากที่เขาพอจะคิดขึ้นมาได้ ว่าเหตุใดนางถึงได้มีอาการรุ่มร้อนแปลกไปพิกล
“ชู่ ข้าขโมยมา อย่าดังไป”
มู่จิ่นฮวาทาบนิ้วมือลงบนริมฝีปากของเขา เพียงเท่านี้เขาก็พอจะเดาออกแล้วว่าภายในกาสุรามีสิ่งใดเจือปนอยู่ภายในนั้น นางที่ดื่มสุราเข้าไปก่อนเขาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางจะมีอาการร้อนรนเช่นนี้ และอีกไม่นานก็คงจะถึงทีของเขาบ้างที่จะมีอาการเช่นเดียวกับมู่จิ่นฮวาในยามนี้
"ขโมยมาก จากที่ใดกันเล่า"
"เรือนครัว ทางนู้น" มู่จิ่นฮวาชี้มือไปยังต้นทางน่าสงสัย
ตระกูลหลีช่างมีความคิดที่สกปรกยิ่งนัก ไม่คิดเลยว่าพวกนั้นคิดจะจับเขาเป็นท่านเขยด้วยการใส่ยาปลุกกำหนัดลงไปในสุรา โชคดีที่มู่จิ่นฮวาเป็นคนขโมยมันมาจากเรือนครัว ไม่เช่นนั้นยามนี้เขาคงจะได้กลายเป็นท่านเขยของเสนาบดีหลีหานโจวไปแล้วก็เป็นได้
เมื่อหานหนิงเฉิงรู้ตัวว่าโดนยาปลุกกำหนัดเข้าให้แล้ว เขาจึงรีบผละออกจากมู่จิ่นฮวาเพื่อพาตัวเองออกไปจากตระกูลหลีโดยเร็วที่สุด นั่นก็เพื่อตัวของเขาเองและเกียรติยศของนาง แม้ว่านางจะเป็นเพียงสตรีบ้าใบ้ที่อยู่ภายในเรือนเก่าท้ายจวนของตระกูลหลี เขาก็ไม่อาจย่ำยีนางเพื่อระบายความอัดอั้นที่เกิดขึ้นได้
แต่ทว่าในขณะที่หานหนิงเฉิงกำลังจะออกไปจากเรือนเก่า แรงสวมกอดจากทางด้านหลังพร้อมกับเสียงหวานใสที่สั่นเครือเล็ก ๆ นั้นกลับหยุดสองเท้าของเขาเอาไว้นิ่ง
