บทที่ 17 พลังยั่วยวนขั้นสี่
ทันใดนั้นดวงตาหยุนฉือก็มีประกายทอแสงขึ้นมา
นัยน์ตาทั้งสองใสแววมีควันจางๆ ชั้นหนึ่ง อบอวลราวกับสายหมอกบนผิวทะเลสาบยามเช้าตรู่
ชายคนนั้นจ้องดวงตาของนางแล้วจู่ๆ สมองก็พลันว่างเปล่า ไม่เห็นสิ่งอื่น ดวงตาของเขาเห็นเพียงนัยน์ตาที่งามจับจิต สายหมอกที่ล่องลอย ให้คนอยากจมดิ่ง
หยุนฉือปวดหัวราวกับมีเข็มทิ่มแทง นางรู้ว่านี่อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายมีจิตที่แข็งแกร่งเกินไป หรืออาจเพราะมีกำลังภายในล้ำลึก พลังยั่วยวนขั้นสี่ที่นางฝึกเคยใช้กับคนยุคปัจจุบันที่ไม่เป็นวรยุทธ์เท่านั้น ตอนนี้เมื่อต้องใช้กับยอดฝีมือเหล่านี้แล้วจึงลำบากอยู่บ้าง
หากนางยังทำต่อ พลังต้องตีกลับแน่
ตึก ตึก ตึก...
“นังนี่แปลกจริง...” จู่ๆ ชายคนนั้นก็เปิดปากพูดอย่างลำบาก เสียงแหบแห้งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังพูดได้
จี้ชางหลิงขมวดคิ้วเข้ม ด้ามกระบี่ที่อยู่ในมือยังเคาะต่อ เหลืออีกห้าครั้ง
“เฮอะ...”
ทันใดนั้นกลีบปากหยุนฉือก็ทะลักเสียงหัวเราะออกมา เสียดหู เบาเร็ว หยอกเย้า เหมือนเด็กสาวซุกซนซุบซิบอยู่ข้างใบหู
“ทางออกอยู่ไหน?”
เสียงมนต์เสน่ห์ผ่านเข้าโสตประสาท แม้แต่จี้ชางหลิงยังรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหู ระทึกใจ
จี้ชางหลิงอยู่ข้างหลังนาง ไม่เห็นภาพนี้ นัยน์ตาหยุนฉือส่องแสงราวกับบงกชทองคำ การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นเชื่องช้าลง ทำหน้าเคลิบเคลิ้มแบบแปลกๆ และขณะที่จี้ชางหลิงเคาะเป็นครั้งสุดท้าย มือของเขาก็ค่อยๆ ยกขึ้นมาชี้ทางพวกเขา...
หรืออาจพูดว่าชี้ทางด้านหลังพวกเขา
ครืน
เสียงกลไกทำงานดังขึ้น บริเวณที่ชายคนนั้นนั่งหมอบอยู่พุ่งลูกธนูปลายแหลมหลายสิบดอกออกมาแบบฉับพลัน! แทงตัวเขาจนเหมือนกับเม่น กระทั่งสิ้นลมแล้วความเคลิ้มบนใบหน้าเขาก็ยังไม่ลบเลือน
มือที่โอบเอวหยุนฉืออยู่บีบแน่นขึ้น นางถูกจี้ชางหลิงพาเหาะถอยไปด้านหลัง
ขณะที่ร่างนางเพิ่งเคลื่อนเข้าไป ประตูหินบานหนึ่งก็ตกลงมาอย่างแรง หากช้าไปเพียงนิดเดียวต้องหนีบโดนจมูกนางแน่
ปัง
ประตูหินปิดสนิท คั่นกลางกั้นระหว่างพวกเขากับชายน่าขยะแขยง
รอจนเสียงสงบลงแล้ว ก็เห็นเงาพวกรำไรของพวกเขาที่ทอดอยู่บนประตูหินที่ปิดสนิท เมื่อนั้นหยุนฉือถึงคิดได้
นางกัดฟันแน่น “ท่านอ๋อง ท่านรู้แต่แรกว่าทางออกอยู่ข้างหลังพวกเราใช่ไหม?”
“ข้ารู้จริงๆ นั่นแหละ”
“แล้วที่เคาะสามสิบครั้งล่ะ?”
“วิธีเปิดกลไก”
หยุนฉือเดือดจัดจนหัวเราะ “งั้น...พอประตูนี้เปิดออก กลไกก็จะทำให้ลูกธนูพุ่งออกมาแทงเขาตาย เรื่องนี้ท่านก็คงรู้ด้วยสินะ?” ดังนั้น แค่พวกเขาเปิดประตูหินนี้เปิดออก ชายคนนั้นก็ต้องตายอยู่แล้ว ไม่เป็นภัยกับพวกเขา
จี้ชางหลิงสำรวจมองห้องหินนี้ที่ใหญ่กว่าเมื่อครู่มากกว่าสิบเท่า ราวกับไม่รู้สึกถึงความโมโหของนาง พยักหน้าแล้วเอ่ย “ในเมื่อข้ารู้ว่านี่เป็นกลไกอะไร ก็ต้องรู้อยู่แล้ว”
เพราะงั้น นายก็แกล้งฉันเล่นตั้งแต่ต้นจนจบใช่ไหม?!
ในเมื่อเขามองกลไกนี้ออก แล้วทำไมยังต้องให้นางทำให้ชายคนนั้นชี้ทางออกด้วย!
เป็นที่รู้กัน นางฝืนใช้พลังยั่วยวนกับชายคนนั้นจนพลังเกือบตีกลับ เสร็จแล้วยังต้องใช้วิธีไม่ปกติเดินพลังขจัดพิษ เกือบเอาชีวิตไม่รอด!
ตอนนี้นางยังปวดหัวราวกับมีเข็มทิ่มแทงเหมือนเดิม
“งั้นถ้าตอนสุดท้ายข้าทำไม่สำเร็จล่ะ ท่านจะทำยังไง?” นางกัดฟันถาม
“ข้ามีจิตเมตตา” จี้ชางหลิงเอ่ยแบบเย็นๆ “ก็ต้องโยนเจ้าออกไป ให้พวกเจ้ามีเพื่อนไปปรโลกอยู่แล้ว”
“จิตเมตตา...” บ้านนายสิ!
ไอ้หัวเขียว คิดว่าตัวเองตลกมากหรือไง?!
