บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 ของฝากจากบ้านนอก

ปุณณ์กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาเย็นแล้ว

นั่งพูดคุยอะไรกับทีมงานของเอก เกี่ยวกับรายละเอียดที่ถ่ายทำกันไป แต่เขาไม่ได้เห็นในส่วนที่ถูกแอบถ่าย

และขับรถกลับมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ ด้วยอารมณ์ที่มีความเหงาติดมาเต็มที่

"หิ้วไปที่ห้องแม่นมนะ ส่วนกระเป๋าจะยกไปเอง" เขาบอกเด็กรับใช้ที่วิ่งมารับเอาของจากท้ายรถ และคนขับรถที่มาขับรถไปจอดที่ลานจอดรถให้

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ปุณณ์ก็เดินไปหาแม่นมที่ห้องโซนหลัง...เป็นพื้นที่ส่วนตัวเดียวในบ้านที่ได้รับเกียรติ แถมยังมีคนรับใช้ติดตัวอีกสองคน สำหรับดูแลคนเก่าแก่ที่เลี้ยงกันมา

"โอ้โห เอาของมาเยอะแยะเลย...ทานเป็นด้วยเหรอคะเนี่ย คุณหนูของนม" แม่นมเจียม เอ่ยด้วยรอยยิ้มตาปิด มองดูอาหารที่ในชะลอมที่เด็กรับใช้คัดเลือดออกมาให้ท่านได้ดูชม อาหารหลายชนิดท่านไม่ได้รับประทานมากแล้ว

โดยเฉพาะ "ห่อหมกฮวก"

"นมเคยทานไหมครับ อร่อยนะ...แกงฮวกร้อนๆ เผ็ดแต่โล่งคอ"

"โอ๊ย จริงเหรอคะคุณหนู ทูนหัวของนม นั่นของโปรดนมเลยนะคะ" คนที่ได้กลิ่นภาพจำในอดีตของตัวเอง ว่าพร้อมจับห่อหมกฮวกพลิกไปมา

"งั้น...ผมยกห่อหมกฮวกให้นมเลยนะครับ" ยิ่งนมยิ้มอย่างดีใจแบบนี้ ยิ่งทำให้เขาคิดถึงยายของคำหล้าขึ้นมา...

ป่านนี้ เธอจะทำอะไรอยู่นะ จะนึกถึงเขาบ้างรึเปล่า?

“บ้านนมอยู่อีสานไหมครับ?” ปุณณ์เอ่ยถามขึ้นมา ด้วยแววตาที่ไม่ได้สดใสนัก

“ใช่ค่ะ บ้านนมอยู่อุบลฯ แล้วคุณหนูไปจังหวัดไหนมาคะ?” แม่นมวัย 75 ปี ว่าเชิงเอ็นดู ที่คุณหนูน้อยได้ออกไปท่องโลกกว้าง

“ผมไปขอนแก่นมาครับ”

“เป็นยังไงบ้างคะ สนุกไหม ไปทำอะไรมาบ้าง” เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย นึกถึงใบหน้าสีคล้ำแต่แววตาสดใสของคำหล้า ก็อดที่จะหวิวในใจไม่ได้

ตั้งแต่ที่เธอฉีกเบอร์เขาทิ้ง ก็เท่ากับว่า...โอกาสที่เขากับเธอจะได้เจอกันอีก แทบจะเป็นไปไม่ได้

เหมือนประตูมิติของสองโลก ได้ถูกปิดตายอย่างถาวร

“สนุกมากครับนม ได้ทำหลายอย่างเลย จับปลาช่อนในนา ซ้อนฮวก ขับรถไถ ดายหญ้าข้าวโพด กินต้มเปรตเขียด...น้อย...” แม่นมฟังแล้วก็ตาวาว ไม่คิดว่าการไปต่างจังหวัดคราวนี้ของคุณหนู จะได้ไปทำทุกอย่างแบบครบสูตร

“โถ ว่าแล้ว ทำไมหน้าหมองขนาดนี้...เหนื่อยไหมคะเนี่ย?” คนห่วงใยรีบสำรวจเนื้อตัวคุณหนู ที่ยุงไม่เคยไต่ ไรไม่เคยตอม

“นิดหน่อยครับนม แต่สนุกมาก...ภูมิใจแล้วครับ ได้มีโอกาสขับรถบริษัทพ่อตัวเองครั้งแรก”

“จริงเหรอคะ! ได้ขับรถคาบูโต้ด้วยเหรอ ไปบอกคุณพ่อสิคะ ท่านน่าจะชอบใจ”

“เจ้าของรถชมใหญ่เลยนะ ว่ารถแรง ไม่กินน้ำมัน คุณพ่อคงจะภูมิใจเหมือนกันครับ” แล้วเขาก็หัวเราะจนตาปิด กลิ่นแชมพูของเจ้าของรถที่นั่งบนรถคาบูโต้ ทำเอาเขาสะดุดที่หัวใจ

ความคิดถึงเริ่มทำงานแล้ว...

“ไปเที่ยวคราวนี้ มีสาระนะคะเนี่ย น่าจะเป็นครั้งแรกของคุณหนูเลย รีบไปหยอดคะแนนให้ตัวเองนะคะ” แม่นมพูดเชิงขำมากกว่าจะจริงจัง เพราะรู้ดีว่าภูมิ พี่ชายของปุณณ์เป็นคนยังไง ยิ่งน้องชายไม่เคยคิดจะแข่งอะไรด้วยเท่าไหร่ ก็ยิ่งหาเรื่องมาชนะน้องชายอยู่นั่น

“ผมได้ของฝากมาเยอะเลยนะครับ พวกของตากแห้ง มีทั้งเขียดตากแห้ง ปลาช่อนตากแห้ง นมเอามาทำอาหารให้ผมทานด้วยนะครับ”

“โอ๊ย เห็นแล้วก็เปรี้ยวปาก เดี๋ยวนมทำให้ทานนะคะ...ของโปรดนมทั้งนั้น ทานด้วยกันเย็นนี้เลยนะคะ” เขาพยักหน้าเชิงรับ นอนเอนกายลงไปบนโซฟาตัวเดิมที่ตัวเองมานอนบ่อยๆ ก่อนจะมองไปยังนม ครุ่นคิดว่าจะถามออกไปดีหรือไม่

“เอ่อ นมครับ ผมถามอะไรหน่อย” แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดไป

“ขา...ว่ายังไงคะ คุณหนูของนม”

“สาวอีสานนี่...จริงใจทุกคนเลยไหมครับ แบบลุยๆ บ้านๆ ปากตรงกับใจ เลยไปถึงปากจัด...” เขาว่าพลางหัวเราะนิดๆ เมื่อนึกถึงความแสบของเธอ

“นั่นแน่ แอบไปหลงสาวอีสานเข้าแล้วล่ะสิ...ผู้หญิงบ้านๆ ก็จริงใจอยู่แล้วค่ะคุณหนู เป็นธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง ใครอยู่ใกล้ก็ไม่ยากที่จะตกหลุมรัก”

แม่นมพูดพร้อมสังเกตแววตาของลูกชายคนเล็กเจ้าของบ้าน ท่านมองไม่ผิดหรอก งานนี้ความรักน่าจะเกิดขึ้นแล้วในหัวใจคนที่ตนเลี้ยงมา

“ธรรมชาติถึงกับไม่เล่นโทรศัพท์ ไม่มีไลน์ ไม่มีเฟซบุ๊ค เลยเหรอครับแม่นม” มาถึงตรงนี้เขาอดที่จะน้อยใจไม่ได้

“ไม่มีอะไรเลย แล้วอย่างนี้จะติดต่อกันยังไง” เขาว่าเชิงบ่น แต่แม่นมก็ไม่ได้ออกความเห็น ปล่อยให้เจ้านายน้อยได้ระบายความรู้สึกออกมา

หลังจากรับประทานอาหารฝีมือนมเจียมจนอิ่มหนำ ปุณณ์ก็ขึ้นมานอนถอนหายใจอยู่ระเบียงห้องนอนของตัวเอง

วันนี้บิดาและมารดาไปงานเลี้ยงตั้งแต่ค่ำ เขาไม่ได้พบพวกท่าน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ชินเสียแล้ว

ปุณณ์นอนไม่หลับ เลื่อนดูรูปที่พวกเอกแอบถ่ายเขากับคำหล้าเอาไว้แล้วส่งให้ ก็ยิ่งคิดถึง...

แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงเพลงลูกทุ่งแว่วมา คุ้นๆ เหมือนตอนที่คำหล้าพาฟัง

เขาดีดตัวขึ้นทันที

"เพลงลูกทุ่งเหรอ ไม่ได้หูฝาดใช่ไหมวะ?" สองเท้าไวกว่าความคิด เขาเดินลงจากชั้นบนตามไปยังเสียงเพลง...ที่อยู่ชั้นล่าง ในสวนหลังบ้าน โซนที่พวกแม่บ้านเคลียร์งานกันอยู่

ภาพบุตรชายคนเล็กของบ้าน ในสภาพใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นเดินมา ทำให้เด็กรับใช้ที่เป็นสาวแก่แม่ม่ายทั้งหลาย ใจแทบวาย

“เสียงเพลงดังมาจากทางไหนนะครับ” เขาถามอย่างร้อนใจ ชะเง้อเชิงค้นหา

“เอ่อ...คือว่า เสียงดังรบกวนเหรอคะคุณปุณ เดี๋ยวพี่ไปบอกให้ค่ะ อย่าถือสามันเลยนะคะ คนสวนเพิ่งจ้างมาใหม่ค่ะ...” แต่ปุณณ์ไม่ได้ฟังแล้ว เขาเดินดุ่มไปตามเสียงเพลงและพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนอนไกวเปลหลับตา ฟังเพลงจากวิทยุเหมือนที่คำหล้าเปิดราวกับเป็นเครื่องเดียวกัน

“ไอ้เท่ห์! มึงปิดเพลงเดี๋ยวนี้เลยนะ มึงเปิดดังเอาหอกมึงเหรอ รบกวนคุณปุณเขา” สาวใช้ที่วิ่งตามมารีบบอก เพราะเป็นคนพาคนสวนคนนี้เข้ามาทำงานที่นี่

“ผมขอโทษครับคุณผู้ชาย...ผมบ่ได้ตั้งใจครับ ผมปิดให้เดี๋ยวนี้แหละครับ” คนตกใจพูดอีสานออกมา แต่ยิ่งกระตุกใจคนคิดถึงให้สั่นไหวมากกว่าเดิม

“ไม่เป็นไรครับ แค่อยากจะบอกว่า...ขอยืมไปฟังได้ไหม หรือซื้อต่อก็ได้ ซื้อมาเท่าไหร่ครับ”

คำพูดของลูกชายเจ้าของบ้าน ทำเอาสาวใช้และคนสวนคนใหม่อึ้งไปตามๆ กัน แต่ก็ยอมให้เขาเอาไปฟรีๆ แบบไม่ต้องจ่าย แต่ปุณณ์ไม่ยอม ยัดเงินหนึ่งพันบาทให้

พอกลับขึ้นมาห้องนอนแล้ว ปุณณ์ก็ดึงเอาเสื้อปุ๋ยสีชมพูออกมาสวมใส่ เปิดเพลงลูกทุ่งจากสถานีที่เจ้าของวิทยุตั้งค่าเอาไว้ เสียงเพลงลูกทุ่งคลอมากับสายลมเอื่อยๆ กลิ่นหอมของเสื้อที่ตากแดดจัดทำให้เขาเหมือนได้กลับไปที่ทุ่งนาและโคลนตมอีกครั้ง

กลิ่นเสื้อปุ๋ยของเธอ ทำให้เหมือนมีเธออยู่ข้างๆ

ความเหงาจับใจ แล่นผ่านเข้ามา...

น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล ไม่รู้ตัว คิดถึงแต่ทำอะไรไม่ได้ มันทรมานแบบนี้สินะ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel