บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 เบอร์ที่ไม่อยากได้

"อ้ายเพิ่นสิกลับบ้านตอนไสคำหล้า เอาไปให้เพิ่นแหน่...ยายห่อของไว้บักหลาย" เสียงของยายฟักดังมาจากในครัวด้านหลัง ตะโกนใส่คำหล้าเป็นรอบที่สอง เพราะหลานสาวมัวแต่ช่วยตาเสนผ่าฟืน ไม่มีทีท่าว่าจะไปที่บ้านของเอกสักที ทั้งๆ ที่ก็สายแล้ว

"สิเอาไปฝากเขาเฮ็ดหยังยาย...เขาบ่มักปานนั้นดอก กะเห็นอยู่ว่าเขากินบ่ค่อยได้" คำหล้าตอบพร้อมถอนหายใจ

เอาจริงๆ เธอก็รู้สึกใจหาย แต่เพราะความใจหายนี่แหละที่ทำให้เธอไม่อยากที่จะไปส่งปุณณ์

หัวใจเผลอไผลไปกับการรู้จักแค่ไม่กี่วันของคำหล้า ทำให้เธอ...อยากจะถอยห่างออกมา เพราะสุดท้ายระหว่างเธอกับเขาก็จะไม่มีวันวนกลับมาอีก

"กินบ่ได้แต่เขาก็พยายามกิน ยายเห็นหนาว่าเขากะมักอยู่เด้ เอาไปฝากอ้ายเขาจักหน่อยหล้าไป ให้เขาเป็นที่ระลึกกะยังดี" ยายฟักผู้ถูกชะตากับเด็กหนุ่มผู้นั้นตั้งแต่ครั้งแรก ยกชะลอมอาหารที่ห่อเอาไว้มาให้คำหล้า เชิงยัดเยียด

"โอ๊ย เบิ่งดู๊ตา ยายนี่คักอีหลี จั๊กว่าอีหยัง" เธอหันไปบ่นให้ตาเสนผู้ไม่ค่อยจะออกความเห็นอะไรกับใครเท่าไหร่ ก่อนจะคว้าเอาชะลอมของยายมาถือเอาไว้

ใบหน้าของปุณณ์แทรกเข้ามา...

'มาส่งอ้ายแหน่เด้อ พรุ่งนี้' เขาพูดกับเธอเมื่อวานก่อนจาก เธอพูดไปแล้วด้วยว่าไม่ว่าง โผล่ไปตอนนี้ไม่รู้เขาจะว่ายังไง

คนมันกลัวเสียฟอร์มนี่นะ!

"อ้าว คำหล้า นึกว่าจะบ่มาแล้ว" หนึ่งในทีมงานไทบ้านทักทายเธอด้วยน้ำเสียงไทยกลางแปร่งๆ ปนอีสาน

เมื่อเห็นว่าสาวร่างเล็กในชุดพร้อมลุยงานในไร่ ในมือถือชะลอมไม้ไผ่สานมาด้วย

"ฝากให้อายปุณณ์แหน่ ข้อยฟ้าว"

"อ้าว ไหนๆ ก็มาแล้ว เอาไปให้เขากับมือเถอะ เขารออยู่" สุกิตว่าพร้อมตะโกนเรียกปุณณ์ให้เธอ

"อ้ายๆ ทุกคน แบ่งกันกินเด้อ มีของหลายอย่าง ยายฝากมากให้" เพื่อไม่ให้เป็นการจำเพาะเจาะจงปุณณ์เกินไป คำหล้าก็รีบแก้ต่าง

"โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกพี่ทานไม่ค่อยเป็นอยู่แล้ว แต่ขอบใจมากนะ" เพียวทำเป็นว่าพร้อมหลีกทางเมื่อปุณณ์รีบวิ่งออกมาหาคำหล้า

"เดี๋ยวอ้ายรับไว้หมดเลย ไม่แบ่งใคร...ฝากขอบคุณยายด้วยเด้อคำหล้า" พอปุณณ์มาเท่านั้นแหละ ทุกคนก็หลีกทางให้ทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างสะดวก ไม่มีคำแซวใดๆ ให้คำหล้าต้องรีบกลับ

ช่วงเวลาที่ทั้งคู่ใช้ด้วยกัน ทุกคนเห็นผ่านจอหมดแล้วเมื่อวาน

จึงไม่มีใครอยากจะขัด...แม้กระทั่งเอก

เขาคิดว่า ยังไงนี่ก็จะเป็นวันสุดท้ายที่ทั้งคู่จะได้มีโอกาสเจอกัน ให้ได้ใช้เวลาด้วยกันอีกสักวัน คงไม่เป็นไร

"อื้อ เดี๋ยวบอกยายให้" คำหล้าเว้นระยะห่างแบบพยายามไม่พูดอะไรมากกว่านั้น

"เดี๋ยว" เมื่อเห็นว่าเธอทำทีเหมือนจะเดินกลับ ปุณณ์ก็รีบเอาตัวสูงๆ ผิวขาวๆ ในชุดเสื้อดำกางเกงยีนสีสนิม ที่ทำให้เขาดูหล่อกว่าปกติ ไปขวางหน้าคำหล้าเอาไว้

นี่ก็อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผล ที่คำหล้าไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาเท่าไหร่...

เขาในวันนี้ ชัดเจนแล้วว่าช่างแตกต่างและห่างไกล และกำลังจะจากไปตลอดกาล

"หือ มีอีหยัง" คำหล้ารีบแสดงสีหน้าเหวี่ยง จนปุณณ์ใจแทบเสีย

"เสื้ออ้ายเด้ คือบ่มี...โตว่าสิให้เป็นของที่ระลึกน่ะ" แววตาแสนอ้อนของปุณณ์ในเวลานี้ผสานกับสำเนียงอีสานแปร่ง ทำให้คำหล้ากลืนน้ำลายลงคอ

อันที่จริงเธอเตรียมมาให้เขาแล้ว แต่หย่อนทิ้งไว้ที่ปากทางเข้าบ้านเอก...

เพราะไม่กล้า รู้สึกเขินยังไงไม่รู้ ที่จะต้องให้เสื้อตัวเองกับเขากับมือ มันรู้สึกเหมือนมีใครเอามือมาเกาที่หัวใจ

อย่างไรอย่างนั้น!

"อยากได้หลายบ่"

"หลายตั้ว อย่าบอกนะว่าลืมเอามา..." เธอพยักหน้า พร้อมเดินนำเธอไป ปุณณ์ยิ้มเชิงดีใจก่อนจะเดินตามไป โดยไม่ได้หันไปมองเลยว่า พวกที่แซวๆ กันนั้น กำลังโห่กันใหญ่

"นี่ ของเจ้า" ปุณณ์รับเอาถุงกระดาษสีน้ำตาลที่มีเสื้อปุ๋ยสีชมพูพับเป็นระเบียบอยู่ในนั้น

"ทำไมมาวางอยู่ข้างพงหญ้าแบบนี้ล่ะ โตคิดสิทิ้งเสื้ออ้ายเหรอ?" ปุณณ์ว่าพร้อมเปิดดูเสื้อตัวหอมเชิงหวงแหน

คำหล้าส่ายหน้าให้กับความเป็นเขา...ที่บางทีก็เหมือนเด็กชาย มากกว่าชายหนุ่ม

"สิเอาหรือบ่เอา ถ้าบ่อยากได้ กะเอาคืนมา"

"เอาสิ! ไม่เอาได้ไง..." เขาฉีกยิ้มกว้างให้เธอ ก่อนจะขอบคุณอย่างจริงใจ สายตาที่เขามองเสื้อปุ๋ยสีชมพูเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ คำหล้าก็เลยรู้สึกภูมิใจไปด้วยไม่ได้

"เดินทางปลอดภัยเด้อ" ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง คำพูดของคำหล้ามีกระแสของการบอกลาตลอดกาลไหลวนอยู่

"อ้ายขอเบอร์โตได้บ่" แต่เขากลับ 'ยื้อ' การบอกลานั้นเอาไว้ ให้เธอได้รู้ว่าทั้งคู่ยังสามารถไปมาหาสู่หรือติดต่อกันได้

"อ้ายรู้ว่าโตบ่มีเฟซบุ๊ค ไอจี ไลน์ หรือว่าติ๊กต่อกเลย...ก็เลยอยากขอเบอร์ เผื่อจะได้โทรหาได้" ปุณณ์แสดงความจริงใจ ผ่านแววตาและน้ำเสียง

“เบอร์ข้อยกะบ่มีดอก บ่ค่อยได้ใช้โทรศัพท์ ส่วนใหญ่ใช้แต่ของยาย จำเบอร์ยายบ่ได้” แต่คำหล้าก็ยังถอยห่างออกไป ด้วยคำปฏิเสธที่แสนจะหนักแน่น

ส่วนปุณณ์รู้ว่าเธอพยายามปิดกั้นตัวเอง แต่ไม่ย่อท้อ

“บ่เป็นหยัง เอาเบอร์อ้ายไป คิดฮอดวันไหน ก็โทรมาได้ตลอดเด้อ” เขาว่าพร้อมยื่นเบอร์ที่เขียนมาด้วยส่งให้

"บ่เอา ไผสิคิดฮอดเจ้า เว้าให้มันดีๆ เด้อ"

“รับไว้หน่อยน่า...นะ จะโทรหรือไม่โทรก็ตามใจ แต่รับไว้หน่อย” จนเขาต้องใช้ลูกอ้อนเข้าว่า ตามมาด้วยเสียงโห่ของเพียวและสุกิตที่แอบตามมา ในมือพวกนั้นมีกล้องคนละตัวซะด้วย

"รับเลย! รับเลย!"

ปุณณ์หันไปมองพวกนั้นพร้อมขับไล่ เพราะกลัวว่าเสียงเชียร์ จะยิ่งทำให้เธอไม่กล้าที่จะรับเอาไว้

"พวกมึงหุบปากก่อนได้ป่ะไอ้เพียว" หันไปว่าพวกนั้นเสร็จ ก็หันมาส่งสายตาเชิงอ้อนให้คำหล้า จนเธอเกือบใจอ่อน

"นะๆ รับไว้หน่อย...ไม่โทรก็ไม่เป็นไร แต่รับไว้หน่อย"

"คุกเข่าเลย คุกเข่า!" เสียงอ้อนของปุณณ์ทำให้คำหล้าใจอ่อนก็จริง แต่เสียงเชียร์ก็ทำให้เธออยากจะวิ่งหนีไป

ปุณณ์ตัดสินใจคุกเข่าลงจริงๆ จนเธอตาโตขึ้นมา

"โอ๊ย เฮ็ดหยังน่ะ...ลุกขึ้นมาเลย" คำหล้าพยายามดึงเขาลุกขึ้น แต่ปุณณ์ก็หนักแน่นเหลือเกิน

"อ้ายสิบ่ลุกไปไส จนกว่าโตจะรับเอาเบอร์อ้ายไว้"

"รับเลย! รับเลย!" เสียงเชียร์ก็ยังไม่ขาด แถมมีคนตามมาสมทบด้วย

"โอ๊ย จริงๆ เลยน้อเจ้าเนี่ย"

"ก็รับสิ...แค่รับเอง" เธอใจอ่อนจะแย่แล้ว เขายังจะมาทำน้ำเสียงแบบนี้อีก!

“โอเค รับไว้ก็ได้” แต่สุดท้ายคำหล้าก็รับกระดาษของเขามาไว้...

ปุณณ์ยิ้มกว้าง ดีใจที่สุด พร้อมเสียงโห่แสดงความยินดีของพวกกองเชียร์

“รับแล้วนะ” เธอว่าพร้อมฉีกเบอร์นั้นทิ้งต่อหน้าเขา และเดินสะบัดก้นกลับบ้าน ปล่อยให้ใจของปุณณ์ หล่นร่วงลงตรงนั้น

"โอ๊ยยย คำหล้า โตกะใจร้ายโพด..." กองเชียร์โอดร้อง แต่เสียงพวกนั้นยังไม่ได้ครึ่งความเจ็บที่ปุณณ์ได้รับเลย

ตะวันลับตาไปหลายชั่วโมงแล้ว เสียงไรไรนอกหน้าต่างดังระงมทั่ว...

แต่ก็ยังไม่อาจ ดังเท่าหัวใจที่เต้นระรัวของคนที่นอนคลุมโปงตั้งแต่หัวเย็น พลิกตัวไปมา อยู่ในห้องนอนของตัวเอง

"เฮ้อ..." ว่าพร้อมดึงผ้าห่มออกจากหน้า ตะแคงมองไปยังข้างฝาห้อง

“คนบ้าอะไร มาให้เบอร์ ใครจะอยากได้กัน” เธอบ่นออกมา สายตาจ้องไปยัง...ตัวเลข 10 ตัว บนกระดาษขาดวิ่น ที่ถูกเอาเทปใสแปะเอาไว้จนแทบจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้

แล้วเธอก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา...และเอาผ้าห่มคลุมหน้าตัวเองอีกครั้ง!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel