ตอนที่ 4
“พะ...พ่อเลี้ยงจะนอนก็นอนเถอะนะคะ เดี๋ยวพริ้มจะปิดไฟให้ พริ้มไม่กวนพ่อเลี้ยงหรอกค่ะ”
รอยยิ้มเหี้ยมกระตุกบนมุมปากได้รูป “จะมานึกอยากทำดีอะไรตอนนี้ ถ้าจะทำดีก็ทำมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งทำหลังจากที่ทำเรื่องเลว ๆ จนชีวิตคนอื่นพังไม่เป็นท่า!”
“พริ้มขอโทษค่ะ...พริ้มไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้ คืนนั้นพริ้มพยายามอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังแล้ว แต่ท่าน...”
“มันคงเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนมากสินะ พ่อแม่ของคุณถึงได้ยืนยันจะให้ผมรับคุณเป็นเมียท่าเดียว นี่ถ้าไม่คิดว่าต้องรักษาหน้าพ่อแม่ของคุณไว้ผมจะไม่มีวันยอมรับเมียที่ไม่ตั้งใจได้มาอย่างคุณเป็นเด็ดขาด แต่ถึงพูดไปตอนนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นหรอก เพราะถึงยังไงคุณก็ได้ผัวสาแก่ใจที่อยากได้ไปแล้ว”
“พริ้มไม่ได้อยากมีผัวถึงขนาดนั้นนะคะ”
“ก็แล้วทำไมไม่ปฏิเสธล่ะ คืนนั้นเสียงคุณมันหายไปไหนหมด หรือแกล้งพูดเบาๆ ไม่ให้พ่อแม่คุณได้ยิน”
หทัยภัทรส่ายหน้า “มันไม่ได้เป็นอย่างที่พ่อเลี้ยงคิดเลยนะคะ พริ้มขอยืนยันว่าไม่ได้อยากให้เรื่องลงเอยแบบนี้...”
เสียงนั้นหายไปโดยไม่ทันจบประโยคเมื่อไตรทศกดท้ายทอยบังคับให้หน้าสวยก้มลงไปจนชิด ปากอิ่มฉ่ำถูกประกบปิดด้วยปากร้อนที่บดเบียดกลีบปากของเธออย่างไม่ปราณีปราศรัย
หทัยภัทรตื่นตระหนกแต่ไม่สามารถขัดขืนเพราะร่างของเธอถูกเขาตรึงไว้ด้วยแขนแกร่งอีกข้างที่รัดรึงไว้แน่น เป็นจูบแรกจากผู้ชายคนแรกที่ทั้งเร่าร้อนแต่สุดท้ายกลับทิ้งความเจ็บปวดไว้ให้เมื่อรู้สึกถึงรสเค็มปะแล่มพร้อมความแสบร้อนแผ่จากปากบวมเจ่อที่เขาขบกัด
ไตรทศจ้วงลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็ก ปากของเขาเปียกโชกชุ่ม ปลายลิ้นหนาตวัดและกลืนเสียงครางลึกจากลำคอของหญิงสาว ร่างแน่งน้อยพยายามยันอกเขา เธออยากผลักคนใจร้ายออกห่างเพราะแทบทนไม่ไหวที่เขาบดบี้ปากเธอจนเป็นรอยแตกซ้ำ แต่แล้วเขาก็เลื่อนปากออกแต่ยังไม่ยอมผละห่าง
วินาทีนั้นใบหน้าคมคร้ามที่ใกล้ชิดดวงหน้างามซีดเผือดเป็นสีเข้มขึ้น หทัยภัทรหอบแรง นัยน์ตางามเบิกกว้าง ผมเผ้ายาวดำขลับยุ่งสยาย พ่อเลี้ยงหนุ่มบีบคางเรียวและเค้นเสียงหนัก
“อยากได้แบบนี้ไม่ใช่หรือ ถ้าอยากได้ก็จัดให้”
“พ่อเลี้ยง...ปล่อยพริ้มเถอะค่ะ พริ้มเจ็บ...อือ...”
เธอร้องออกมาน้ำตาไหลพราก ไม่ใช่เจ็บแค่ที่ปากแต่มือหนาหนักยังกดคางเรียวจนเจ็บร้าวไปหมด ไม่นึกเลยว่าไตรทศจะมีอารมณ์รุนแรงขนาดนี้
เขาเหมือนเทพบุตรที่กลายร่างเป็นซาตานเพียงชั่วข้ามคืน และด้านมืดของเขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน พอเขาคลายนิ้วจากปลายคางมนหญิงสาวก็ละล่ำละลักออกมา
“ถ้าพ่อเลี้ยงไม่อยากให้พริ้มอยู่ที่นี่...จะให้พริ้มกลับไปอยู่ที่บ้านไหมคะ เราต่างคนต่างอยู่ก็ได้”
“พูดเป็นเด็กเล่นขายของ กลับไปนอนในที่ของตัวเองซะไป!”
เขาผลักร่างน้อยจนหลังชนขอบเตียง หทัยภัทรลนลานกลับขึ้นไปและรีบดึงผ้านวมขึ้นมาห่มคลุมตัวเอง หญิงสาวรีบหันหลังให้ หัวใจของเธอเต้นรัวผิดจังหวะด้วยความกลัว
ไตรทศไม่เพียงทำร้ายเธอด้วยคำพูดแต่เขายังลงไม้ลงมือทำกับร่างกายของเธออย่างไม่สงสาร เธออยู่ในอาการหวาดหวั่น ขณะนั้นร่างสูงยังไม่ยอมล้มตัวนอน
เขามองจากด้านหลังของร่างแน่งน้อยในผ้านวมห่มคลุมและเห็นได้ชัดว่าตัวสั่นด้วยความกลัว ไตรทศขบกรามแน่น เขาเอนหลังลงและนอนหันหลังให้เช่นกัน ความคับแค้นแผ่ซ่านเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ทว่าเสี้ยวความคิดกลับรู้สึกถึงร่องรอยความหอมหวานบนริมฝีปาก
รสเค็มจากรอยช้ำบนปากของหทัยภัทรแห้งหายไปแล้ว ยังเหลือเพียงความหอมอย่างประหลาดและรสชาติที่เขาขจัดจากสมองตัวเองไม่ได้เลยกระทั่งผล็อยหลับไป แม้แต่ในฝันเขายังรู้สึกและรำลึกถึงกลิ่นไอละมุนที่ยังติดตรึงบนฟูกและผ้าห่มนวม
หทัยภัทรตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเช้า หากก็ไม่เห็นเงาของพ่อเลี้ยงไตรทศ เธอได้แต่ถอนหายใจ ไม่ได้โล่งแต่อย่างใด เพราะถึงไม่เจอหน้าเขาตอนนี้ก็ต้องเจอกันอีกไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง
