3
ข้าวหอมสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ลึกๆ มองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ย่อมได้
พายัพมีบ้านหลังใหญ่ไม่ต่างจากเธอ แต่สถานภาพทางการเงินแตกต่างกันลิบลับ เมื่อเขาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของครอบครัว
เธอมาในวันนี้ เพื่อจะมาขอผัดผ่อนหนี้สิน เมื่อรับรู้ว่าบิดาผัดผ่อนมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เขาคงไม่ให้ เพราะคงไม่มีเจ้าหนี้ที่ไหนใจดีให้ผัดผ่อนถึงหลายครั้งหลายครา ด้วยจำนวนเงินที่มากมายเช่นนั้น
พายัพต้องการเธอ เธอรู้ดี เธอลองเอาเรื่องหนี้สินไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามดรัณดู แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ถาม ดรัณก็บ่นออกมาเสียก่อนว่าเศรษฐกิจไม่ดี แอบรู้ว่าบิดามารดาไปกู้หนี้ยืมสินมาเหมือนกัน ความหวังว่าจะขอความช่วยเหลือจากดรัณจึงจบลงในทันที
“คุณข้าวหอมมีธุระอะไรครับ” เมษเอ่ยถามเด็กสาวอย่างนอบน้อม
“ฉันมาหาคุณพายัพน่ะค่ะ”
“งั้นก็เชิญด้านในเลยครับ” เมษรีบเชิญเด็กสาวเข้าไปด้านในตัวบ้าน ก่อนจะผละจากมา
ข้าวหอมเห็นว่าเขากำลังยืนมองวิวในสวนหลังบ้านของเธออยู่ ที่เธอรู้เพราะเขาเปิดม่านหน้าต่างออกจนกว้าง และเบื้องหน้าของเขาคือสวนดอกไม้หลังบ้านที่เธอชอบไปขลุกตัวอยู่เพื่อปลูกดอกไม้อยู่ที่นั่นทุกครั้งในยามว่าง
ข้าวหอมกัดปากตัวเอง หล่อนมองแผ่นหลังบึกบึนของพายัพแล้วใจสั่น พายัพเป็นผู้ชายตัวสูง เขาสูงมากเกือบร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรได้กระมัง เธอกะประมาณจากสายตาเอาคร่าวๆ ถึงความสูงของเขา
จริงๆ ถ้าไม่รู้ว่าเขาอายุสามสิบเก้า เธอก็คงคิดว่าเขาอายุน้อยกว่านั้น ใบหน้าของเขาหล่อเหลา คมเข้มอาจเป็นเพราะเขาเป็นลูกครึ่งด้วยกระมัง
มารดาของเขาเป็นคนสเปน เป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ประเทศไทย และแวะมาพักผ่อนที่ภูเก็ตจนได้พบรักกับบิดาของพายัพ และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่มารดาของพายัพคลอดพายัพได้ไม่กี่วันก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่เธอรู้เพราะบิดามารดาเคยเล่าให้ฟัง
"วันนี้เธอมาหาฉันทำไม" ประโยคคำถามนั้นทำให้คนที่มองเขาเพลินถึงกับสะดุ้งสุดตัว
พายัพเอ่ยถามพลางไล่สายตามองร่างสมส่วนไม่วางตา
"หนูจะมาขอผัดผ่อนหนี้สินของคุณพ่อไปก่อนจะได้ไหมคะ" เธอบอกเขาด้วยเสียงที่พยายามบังคับไม่ให้สั่น
"ได้สิ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม" เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปาก เขาเข้าเรื่องแบบไม่อ้อมค้อม และทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย
"ตัวหนูพอจะแลกเปลี่ยนได้ไหมคะ" เธอรู้ว่าเขาอยากได้เธอ แม้จะรังเกียจเขาเพียงใด แต่เธอก็ต้องทำเพื่อครอบครัว ภาพที่บิดาจะยิงตัวตาย กับภาพที่มารดาร้องไห้ระงม หลังจากนั้นท่านก็เอาของในบ้านมาทยอยขาย แม้จะพยายามปิดบังเธอ แต่เธอรู้ดีว่าทางบ้านกำลังย่ำแย่เพียงใด
"ก็พอได้นะ" เขายกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอต้องกัดปากตัวเอง เขาชอบยิ้มแบบนี้เสมอ
ผู้ชายตรงหน้าคือมาเฟียตัวร้าย เขามีเงิน มีอำนาจ ยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมืองเสียเหลือเกิน เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้เลย
"ไหนลองช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อยซิ" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาด้วยความอาย
เพี้ยะ!!! เธอตบหน้าเขาจนหน้าหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าตบหน้าเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน
ใบหน้าของพายัพกระด้าง เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเบา ๆ คล้ายเจ็บ ๆ คัน ๆ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอไม่วาง
"ชอบตบจูบอย่างนั้นเหรอ" เขากระชากเธอเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
"ปล่อยหนูนะ"
"ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน" พายัพดันร่างของเด็กสาวไปจนชิดกับผนังห้อง กวาดสายตามองเธอไม่วาง
"ถ้าฉันยังไม่ได้ทดสอบสินค้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันคุ้มกับการแลกเปลี่ยนไหม เพราะไอ้แฟนของเธอคงไม่ปล่อยให้เธอยังเวอร์จิ้นอยู่กระมัง" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาอีกครั้ง ทั้งอับอาย ทั้งโกรธเกลียดเขาอย่างเหลือล้น
เขาคือเจ้าหนี้หน้าเลือดของบิดาที่เธอเกลียดจับใจ!!
จะเป็นเพราะเขาชอบแอบมองเธอกระมัง จึงได้เห็นว่าแฟนหนุ่มของเธอจับมือถือแขน แล้วก็มีแอบกอดเธอด้วย ก่อนจะชวนกันเข้าบ้านตอนที่บิดามารดาของเธอไม่อยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปทำอะไรกัน เขาไม่ได้หน้าโง่พอที่จะไม่รู้ว่าหมอนั่นพยายามจะเคลมเด็กสาวตรงหน้าเขาเพียงใด
ธรรมดาของวัยหนุ่มสาวกำลังร้อนแรงและมีความต้องการถึงขีดสุด เขาคิดว่าข้าวหอมคงจะไม่เหลือชิ้นดีไม่ได้รักนวลสงวนตัวอย่างที่มารดาของหล่อนพร่ำสอน
เพราะไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่เดินมาบอกเขาว่าจะขอผัดผ่อนหนี้สิน โดยเอาตัวเข้าแลกแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอนั้นมีท่าทีรังเกียจเขายิ่งกว่าอะไรดี
“หนูไม่เคยทำอะไรน่าอายแบบนั้น” เธอบอกเขาปากคอสั่น
“แฟนของเธอไม่เคยให้ช่วยตัวเองให้ดูเหรอ”
“รัณเขาไม่ได้ลามกหรือวิตถารแบบคุณ” ประโยคนั้นทำให้เธอได้ยินเสียงหัวเราะจากเขา ดูเขาจะไม่ทุกข์ร้อนที่โดนเธอด่าขนาดนี้
“เธอมาขอผัดผ่อนหนี้สิน ฉันจะให้ก็แล้วกัน แต่หนี้สินเยอะขนาดนั้น น่าจะมีอะไรแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าหน่อย”
“แล้วคุณต้องการอะไรคะ” เธอถามเขาออกไปเสียงสั่น ๆ แต่สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยบิดามารดา เธอเสนอให้เขา แล้วเขายังอยากได้อะไรอีก แค่คิดว่าตัวของเธออาจจะไร้ค่าสำหรับเขา ก็ทำให้เธอเสียความมั่นใจไปมาก
“ตอบมาก่อนว่าเคยกับแฟนของเธอหรือยัง” เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา เหมือนกำลังประเมินสินค้าตรงหน้าอยู่
“ยังค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น ไม่กล้ามองสบตาเขา
“ก็ดี งั้นฉันขอทดสอบสินค้าก่อน” เธอคือสินค้าของเขา ข้าวหอมกัดปากตัวเองอย่างอดสู
“จะพาหนูไปไหนคะ” เธอร้องถามเมื่อเขากุมมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะรั้งให้เดินตามออกไปจากห้องทำงาน
“เดี๋ยวก็รู้” เขาพาเข้ามาในห้องนอนกว้าง
ข้าวหอมหายใจไม่ทั่วท้องขณะกวาดสายตามองห้องนอนของเขา ห้องนอนของเขาเป็นโทนสีเข้ม น้ำตาลเข้มสลับกับน้ำตาอ่อนและผนังสีขาวทำให้ห้องดูสว่างและกว้างขวางในเวลาเดียวกัน แต่เครื่องเรือนโต๊ะ ตู้ เตียง เป็นโทนสีเข้มทั้งหมด
“ขอให้หนูทำใจก่อนได้ไหมคะ” เธอกลืนน้ำลายลงคอ ต่อรองกับเขาด้วยหัวใจสั่นระริก
“ต่อรองเยอะเสียจริง หรือไม่อยากช่วยพ่อแม่จริงๆ งั้นเธอก็กลับไปได้เลยนะ” เขาขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ พลางเอ่ยถาม เธอเบี่ยงหลบถอยหนี สีหน้าบ่งบอกว่ารังเกียจเขา
“งั้นก็แล้วแต่คุณพายัพก็แล้วกันค่ะ” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ลึก ๆ ตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ
“ขอเช็กของก่อน” เขาดันเธอไปที่เตียงนอนกว้าง ข้าวหอมหลับตาปี๋ ทำให้พายัพยกยิ้มมุมปาก
“ฉันจะให้เวลาพ่อแม่ของเธออีกเดือนนึงดีไหม” ประโยคของเขาทำให้เธอต้องลืมตามอง
“คะ”
“แค่เธอถอดกางเกงในออกแล้วก็แยกขาให้ฉันเลียร่อง แค่นั้นเอง” ประโยคของเขาทำให้เธอหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู เธอรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวราวคนเป็นไข้
“คุณจะทำก็ทำเองเลยค่ะ หนูไม่ทำอะไรไร้ยางอายแบบนั้นหรอกค่ะ”
“ไม่สิ ถ้าเธอไม่ยินยอมพร้อมใจ ฉันจะไปบังคับเธอได้ยังไงกัน” เขาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ บีบบังคับให้เธอทำตามความต้องการของเขา โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ยืนรอให้เธอเดินมาหา และทำตามสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่างโดยมิอาจต่อรองอะไรได้เลย
