ตอนที่4.คุณเคนห้องสาม-ศูนย์-หนึ่ง
“พี่สุคลอดลูกค่ะ ได้ลูกแฝดชายหญิงเลยไม่สะดวกมาดูแลร้านค่ะ” เธอหยิบสมุดรับงานมาจดรายละเอียดต่างๆ แล้วก็เงยหน้าขึ้น “คุณชื่ออะไรคะ”
“เคนครับ เคน-กัมปนาท ห้องสามศูนย์หนึ่ง”
“ค่ะ คุณเคนห้องสาม-ศูนย์-หนึ่ง”
จารวีถึงกับสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า เขานะเหรอ? เจ้าของห้อง301เสียงสยองขวัญหลังเที่ยงคืน!
“ครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร คุณเคนนะคะ ถ้าไงเสร็จแล้วจะโทรบอกค่ะ”
“ครับ ...คุณมาใหม่”
“เอ๋ อะไรนะคะ”
“ก็ผมไม่รู้ชื่อคุณเลยเรียกว่าคุณมาใหม่”
“ฉันชื่อจารวีค่ะ เรียกจ๋าก็ได้ เป็นรุ่นน้องพี่สุมาช่วยงานสักระยะค่ะ” เธอไม่อยากแนะนำตัวมากเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าเธออยู่ข้างห้องเขา แล้วนี่...เขาเห็นกระดาษแผ่นนั้นหรือยัง ทำไมหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนี้ล่ะ
“นี่บัตรของคุณค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มรับกระดาษแผ่นนั้นมาแล้วเดินออกไป จารวีได้แต่ถอนหายใจโล่งอก เขาคงไม่รู้ว่าเธออยู่ติดกับห้องของเขา ป้าอมรเดินออกมาหลังจากจัดการอาหารเช้าของตัวเองเสร็จ
“เอ๊ะ นั่นคุณเคนนี่น่า”
“ป้ารู้จักหรือคะ”จารวีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น วันนี้วันจันทร์ไม่ไปทำงานทำการหรือไง ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนออกไปไหนก็ไม่รู้
“คุณเคนเป็นสถาปนิกค่ะ” ป้าอมรพูดน้ำเสียงชื่นชม “อยู่ที่นี่ได้ปีกว่าๆแล้วค่ะ เป็นคนเช่าห้องที่จ่ายเงินตรงเวลาแล้วก็ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครด้วยค่ะ”
“ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือไม่มีคนร้องเรียนค่ะ” จารวีย่นจมูกแล้วยกตะกร้าผ้าของเขาไปด้านหลังร้าน สำรวจดูเสื้อผ้าที่จะซัก เสื้อแต่ละตัวเป็นเสื้อแบรนด์มียี่ห้อ กางเกงก็เหมือนกัน แต่พอล้วงเข้าไปในกระเป๋าหลังของกางเกง ก็เจอซองถุงยางอนามัย
“อี๊!!!”
“มีอะไรคะคุณจ๋า”
“แหวะ! มีถุงยางอนามัยด้วย”
“คงลืมเอาออกล่ะ” ป้าอมรหัวเราะคิกคัก
“ยี้!!!”
“แหมคุณจ๋าก็ ผู้ชายใช้ถุงยางก็แสดงว่าเป็นคนมีความรับผิดชอบไงคะ”
คราวนี้เป็นเสียงของหลานสาวที่พูดออกมาแล้วก็หัวเราะรับกับคนเป็นป้า มีแต่จารวีที่ทำหน้ายุ่ง หน้าตาก็ดีอยู่หรอก ไม่น่าเป็นพวกบ้ากามเซ็กส์จัดเลย หญิงสาวพยายามไม่คิดถึงเสียงที่ทำให้เธอหลับไม่สนิทมาหลายคืน เธอแปะกระดาษที่หน้าห้องไว้แล้ว คงมีความละอายแก่ใจบ้างหรอกนะ
..
กัมปนาถหยิบแว่นกันแดดที่แหนบคอเสื้อมาสวมก่อนจะล้วงมือไปหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนสีดำที่สวมอยู่ กระดาษแผ่นหนึ่งร่วงลงหลังรองเท้าผ้าใบที่เขาสวมอยู่ ชายหนุ่มก้มลงไปเก็บมันเป็นกระดาษจากร้านซักรีดที่เขาใช้บริการประจำเรียกว่าฝากชีวิตไว้เลยก็ว่าได้ ก็ตามประสาหนุ่มโสดนี่นะ เขาจะมาเสียเวลากับการซักผ้าทำไมล่ะ ไหนจะต้องตาก ไหนจะรีดอีก แต่ลายมือในกระดาษนี่มัน
“ลายมือเหมือนเด็กประถมนี่เหมือนที่แปะอยู่หน้าประตูเรานี่หว่า”
ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว โธ่! สาวน้อยคนนั้นนะเหรอ มาทำงานแทนพี่สุมาลีนี่เอง ถึงได้ไม่คุ้นหน้าเอาเสีย เรื่องคู่ขาเสียงดังนี่เขายังไม่เคยถูกใครเขียนใส่กระดาษแปะประตูแบบนั้นสักที มีแต่แซวหยอกกันระหว่างเขากับพี่สุมาลีก็เท่านั้น ปกติเขาก็เห็นพี่สุมาลีพักอยู่ห้องสุดท้าย แฟนของพี่สุมาลีทำงานเป็นพนักงานขายออกต่างจังหวัดเสียมากกว่าจะอยู่ที่ห้อง จะว่าไปเวลาแฟนพี่สุมาลีกลับมา ข้างห้องเขาก็เสียงดังเผ็ดร้อนจนเขาต้องปลุกปลอบน้องชายให้หลับไปเหมือนกัน เพราะเป็นแบบนี้ ถือว่าเสมอกันเรื่องใช้เสียงดัง จึงไม่เคยปรากฏการแปะป้ายแจ้งเตือนแบบนี้
เขาพาผู้หญิงมาสนุกกันสามหรือสี่คืนแล้ว นี่คงทนฟังเสียงครางไม่ไหวถึงต้องลุกมาเขียนป้ายแปะประตูห้อง สงสัยจะยังโสดไม่งั้นคงไม่ลำบากใจอย่างนี้
“ฮะ ฮะ ฮ่า”
กัมปนาถอดหัวเราะไม่ได้ น่าสงสารจริง ไว้คราวหน้าต้องคอยระวังไม่ให้ข้างห้องต้องเดือดร้อนแล้วซิ ชายหนุ่มเปิดประตูรถ แล้วก้าวเข้าไปนั่งในรถ Suzuki swift สีน้ำเงินคาดขาวเหมือนรถแข่ง แล้วมุ่งหน้ากลับบ้านชานเมือง เส้นพุทธมณฑลสาย3 บ้านพ่อแม่ปู่ย่าอยู่ที่นั้นมาหลายชั่วอายุคน แต่เพราะมันไกลที่ทำงานเขาเลยต้องเช่าห้องอยู่เขาแวะซื้อผลไม้ติดไม้ติดมือใส่รถมาด้วย ขับรถร่วมสองชั่วโมงก็มาถึงบ้านหลังย่อม เนื้อที่สามไร่ ปลูกบ้านใกล้ๆกันสามหลัง มีหลังของพ่อกับแม่ของเขา ลุงกับป้าไม่ไกลนัก อีกหลังเป็นของลูกสาวลุงกับป้าและสามีที่ทำร้านอาหารริมคลองกัน
