9 บ้านสามี
บ้านควิน
“ไว้วันหลังไม่ได้หรอคุณ” น้ำเสียงอิดออดว่าขึ้นเมื่อเดินทางมาถึงบ้านเขาแล้วเธอก็ยังไม่ยอมลงจากรถ
“ไม่ได้”
“เดี๋ยวฉันโบกแท็กซี่กลับบ้านเองก็ได้ คุณก็เข้าไปกินข้าวกับครอบครัวคุณนะ”
“คุณพ่อผมอยากเจอคุณ”
“ทะ ทำไมถึงอยากเจอฉันล่ะ” อยู่ ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีเมื่อนึกไปถึงอาชีพของพ่อของเขา นายตำรวจยศใหญ่... พ่อเขาจะไม่ยิงเธอทิ้งหรอ ถ้ารู้ว่าเธอพยายามตีตัวออกห่างจากลูกชายเขา พยายามจะหย่าให้ได้ ทั้งยังให้ลูกชายคนโตของบ้านไปนอนพื้นนั่นอีก
“คุณเป็นลูกสะใภ้นะ ท่านก็ต้องอยากเจอเป็นธรรมดา”
“ไว้วันหลังนะ ให้คุณพ่อมาด้วย” ใช่ต้องเป็นวันหลังเท่านั้น ถ้าพ่ออยู่ด้วยเธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
“ไม่ได้” น้ำเสียงเรียบนิ่งตอบกลับมา
“นะนะ” พอเขาตอบเสียงเรียบเธอก็พูดกับเขาเสียงอ้อน มาดูกันว่าใครมันจะชนะ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบกลับมาเสียงเคาะกระจกรถก็ดังขึ้นซะก่อน พร้อมกับเสียงพูดของชายวัยกลางคนที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเธอ
“ทำไมยังไม่ลงรถกันอีกล่ะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับพ่อ กำลังลงครับ พอดีต่างหูน้องหล่น กำลังช่วยกันหาอยู่น่ะครับ” กระจกรถถูกเลื่อนลงเพื่อพูดคุยกับผู้เป็นพ่อ
“งั้นก็รีบลงมาแล้วกัน เดี๋ยวอาหารจะชืดหมด” ว่าจบกระตุกยิ้มส่งให้ลูกชาย ก่อนจะหันตัวเดินกลับไป
“พ่อผมท่านใจดี มีผมอยู่ด้วยทั้งคน คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมจะปกป้องคุณเอง ผมสัญญา”
“ก็ได้” สุดท้ายเธอก็ต้องยอมในที่สุด ทั้งที่ไม่อยากจะยอมเลยสักนิด แต่เพราะพ่อของเขาเดินมาเห็นแล้ว จะกลับบ้านเลยก็กลัวจะดูไม่ดี เพราะไม่ใช่แค่เธอที่เสียหาย อาจจะถูกว่าลามไปถึงคุณพ่อด้วย
“เด็กดี”
“นี่ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ!” คนถูกพูดด้วยทำเพียงยักไหล่ตอบเท่านั้นก่อนจะเดินอ้อมลงไปเปิดประตูให้คนตัวเล็กที่นั่งหัวเสียอยู่กับคำพูดของเขา
“ทำไมหน้าบูดมาอย่างนั้นล่ะหนูแพร พี่เขาแกล้งอะไรรึเปล่า” เสียงทรงอำนาจของชายหนุ่มเจ้าของบ้านร้องทัก ทันทีที่หนุ่มสาวเดินเข้ามาในผ่าน
“อะ เอ่อ” พอถูกทักก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันที ก่อนจะหันมองคนตัวสูงข้าง ๆ เล็กน้อยแล้วพูดกับพ่อของเขา
“ใช่ค่ะคุณลุง พี่เค้าแกล้งแพร”
“ไปแกล้งอะไรน้องล่ะเจ้าควิน” พอคุณลุงตรงหน้าพูดมาแบบนี้ แพรลดาก็หันไปยักคิ้วหรี่ตาใส่คนข้าง ๆ ทันที
“หึ”
.
และแล้วบทสนทนาเมื่อครู่ก็จบลงด้วยการที่ลูกชายคนโตของบ้านถูกผู้เป็นพ่อดุเล็กน้อย ทำให้คนต้นเรื่องนั้นอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
“เป็นไงหนูแพร ชอบรึเปล่า”
“ชอบค่ะคุณลุง มีแต่เมนูโปรดแพรทั้งนั้นเลย ขอบคุณนะคะ” ว่าจบก็หันไปส่งยิ้มตาหยีให้คนที่นั่งหัวโต๊ะ
“คุณลุงอะไรกันล่ะ แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว เรียกคุณพ่อเหมือนเดิมจะดีกว่า”
“แค่ก ๆ” จบคำพูดของประมุขของบ้านแพรลดาก็สำลักข้าวทันที ทำให้พริษฐ์ที่นั่งอยู่ข้างกันนั้นต้องส่งน้ำให้ดื่ม
“ซุ่มซ่าม” เสียงพูดว่าที่ดังขึ้นทำให้ทั้งโต๊ะหันไปมองเป็นตาเดียวกัน
“คุณหญิง”
“ทำไมคะ ฉันพูดผิดตรงไหน” ใบหน้าเชิดแล้วพูดขึ้น
“ขอโทษค่ะคุณแม่ แพรไม่ระวังเอง” คำว่าแม่ถูกเน้นย้ำจนคนถูกพูดด้วยหันมองด้วยความไม่พอใจ
“คุณหญิง” เหมือนจะรู้ว่าภรรยาของตนจะพูดอะไร ทองเอกจึงเอ่ยปรามทันที ก่อนจะบอกให้ทุกคนลงมือทานอาหารต่อ ส่วนพริษฐ์นั้นก็คอยดูแลเรื่องอาหารการกินให้แพรลดาอยู่ตลอด ทั้งยังคอยสอบถามความรู้สึกของเธอด้วยว่าเธอนั้นโอเครึเปล่า พอเธอบอกว่าไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคอยสังเกตเธออย่างใส่ใจ เพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่พูด
แต่พอเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่แล้ว เขาก็ได้คำตอบทันที
“คุณแม่คะ อันนี้รสชาติกำลังดีเลยค่ะ แพรตักให้”
“ลองทานดูสิคุณ หนูแพรเขาอุตส่าห์มีน้ำใจตักให้”
“นี่ของคุณพ่อค่ะ”
“ขอบคุณจ้ะ”
สุดท้ายแล้วละไมก็ต้องทานอาหารที่แพรลดาตักให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเพราะสายตาของทุกคนบนโต๊ะจับจ้องมาที่เธอ และเธอไม่อยากดูไม่ดีในสายตาลูกชาย
“ตักให้ผมบ้างสิ” เสียงทุ้มพูดขึ้นให้ได้ยินกันสองคน
“คุณก็มีมือ ตักเองสิ” กระซิบบอกเขาจบก็หันมาเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ เยาะเย้ยเขา
“หึ” ก็เหมือนอย่างเคยที่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเธอกลับรู้สึกว่ามันน่ารักน่าเอ็นดู โดยเฉพาะเวลาที่เธอเคี้ยวข้าวอยู่แล้วแก้มเธอกลมออกมาอย่างน่ารัก
ในตอนที่เธอไปทำงานเธอก็จะเป็นผู้หญิงสวยเฉี่ยว มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ในตอนที่เธอกิน...ก็อย่างที่ทุกคนเห็น
มื้อค่ำดำเนินไปอย่างราบรื่นในความคิดของทองเอกประมุขของบ้าน สำหรับเขา ไม่เกิดการปะทะกันระหว่างภรรยาและลูกสะใภ้ก็ถือว่าดีมากแล้ว แม้ในช่วงแรกจะมีการกระทบกระทั่งกันนิดหน่อยก็ตาม แต่ใครจะไปคิดว่าลูกสะใภ้เขาก็แสบใช่ย่อย เล่นเอาภรรยาเขาไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว สมแล้วที่เป็นลูกสะใภ้คนโปรดของเขา
“กว่าจะกลับถึงบ้านก็คงจะดึก พ่อว่านอนอยู่นี่เลยก็แล้วกัน ขับรถค่ำ ๆ มืด ๆ มันอันตราย” ระหว่างที่นั่งพูดคุยกันอยู่ห้องนั่งเล่นทองเอกก็พูดขึ้น
“นะ นอนอยู่นี่หรอคะ”
“ใช่ลูก หนูแพรมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“คือว่า...คือว่าแพรไม่มีชุดน่ะค่ะ” แล้วแพรก็ไม่อยากนอนอยู่ที่นี่ด้วย ไม่มีที่ไหนอุ่นใจเท่านอนที่บ้านอีกแล้ว แม้ว่าจะต้องนอนร่วมห้องกับเขา แต่การได้นอนอยู่ที่บ้านที่เกิดและโตมา มันก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ มากกว่าการนอนต่างที่โดยที่พึ่งรู้จักคนที่นี่ไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ ถึงจะมีเขาที่อ้างตัวว่าเป็นสามีอยู่ด้วย ถึงจะมีพ่อสามีที่ดีกับเธอมากก็ตาม
“ชุด...ไม่ใช่ว่าอยู่เต็มห้องเจ้าควินหรอกหรอ” เป็นทองเอกที่พูดขึ้น
“หรือแกเก็บชุดน้องไปไว้บ้านเล็กหมดแล้ว”
“ชุดน้องยังอยู่ครับพ่อ ผมไม่ได้ให้คนย้ายไปไหน”
“เหอะ” สิ่งที่สองพ่อลูกคุยกันทำให้หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้วยพึมพำออกมาเบา ๆ แต่มันก็ดังพอที่จะให้ทั้งสามนั้นได้ยิน
“งั้นตกลงค่ะ แพรจะนอนที่นี่” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของแม่สามีว่าไม่อยากจะให้เธอนอนที่นี่ด้วย แพรลดาจึงตอบตกลงทันที ยิ่งแม่สามีทำเหมือนไม่ชอบเธอแบบนี้เธอก็ยิ่งอยากเอาชนะ แม้จะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเคยไปทำอะไรให้แม่สามีไม่พอใจหรือเปล่า ท่านถึงดูไม่ชอบหน้าเธอ ต่างจากคุณพ่อที่ดูจะรักและเอ็นดูเธอเอามาก ๆ
แต่แล้วก็อยากจะตบปากตัวเองนักที่พูดกับแม่สามีไปแบบนั้น เพราะพอเอาเข้าจริง ๆ มันก็อดหวั่นใจไม่ได้ ในการนอนต่างที่ในครั้งนี้ มันไม่เหมือนโรงแรมหรือรีสอร์ตที่เธอไป ยังไงซะเธอก็นอนคนเดียวไม่ก็นอนกับแก้ว และแต่ละที่พักที่เธอเข้าพักความปลอดภัยก็อยู่ในระดับต้น ๆ แต่นี่เป็นบ้านของเขา การจะไล่เขาไปนอนพื้นเพื่อจะได้นอนเตียงคนเดียวมันก็ยังไง ๆ อยู่ แถมจะหาข้ออ้างให้เขานอนที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะโซฟามันถูกจัดไว้อีกโซนแยกกับห้องนอน เธอคิดว่าห้องนอนเธอที่บ้านนั้นใหญ่แล้ว แต่ห้องเขากลับใหญ่กว่า ทั้งยังถูกจัดเป็นระเบียบและแบ่งแยกโซนไว้ชัดเจน
“คุณ” หลังจากเดินสำรวจห้องเสร็จแพรลดาก็พูดขึ้น
“คือว่าฉัน...” ดูเหมือนว่าเขาจะเดาความคิดของเธอออก
“จะให้ผมนอนที่พื้นเหมือนเดิมใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้บังคับนะ คุณเสนอตัวของคุณเอง”
“หึ”
“ถ้าอย่างนั้นผมนอนบนเตียงด้วยก็แล้วกัน เตียงตั้งกว้างคุณนอนคงเดียวคงเหงาแย่” เมื่อเห็นเธอยิ้มหน้าระรื่นหลังจากได้ยินเขาพูดว่าเขาจะเป็นคนนอนพื้นเอง พริษฐ์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดแกล้ง ซึ่งมันก็ได้ผล ทันทีที่เขาพูดจบ เธอก็โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันทันที
“มะไม่ได้นะ ฉันนอนกลิ้ง นอนกลิ้งมาก ๆ ฉันอาจจะเผลอถีบคุณตกเตียงก็ได้ อีกอย่างฉันยังไม่ชินกับการนอนกับคนอื่น เพราะงั้นวันนี้คุณช่วยนอนพื้นอีกวันนะคะ” เธอว่าเสียงอ้อน พร้อมกับใช้ดวงตากลมใสมองเขาอย่างเว้าวอน แต่เมื่อเห็นเขายังยืนนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เธอจึงพูดต่อ พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
“นะคะพี่ควิน แพรขอนอนคนเดียวนะคะ” ว่าจบก็ส่งยิ้มหวาน ๆ แล้วมองเขาตาแป๋ว เหมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของก็ไม่ปาน แต่เท่านั้นมันก็เพียงพอให้เขาก็พยักหน้าตกลง
และก็เป็นเหมือนเดิมที่พริษฐ์นั้นปล่อยให้แพรลดาอาบน้ำก่อน ส่วนเขาก็มานั่งรออยู่ปลายเตียง ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมตัวอาบน้ำบ้างเมื่อได้ยินเสียงน้ำหยุดไหล
กางเกงและเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนอกถูกถอดออก เหลือเพียงผ้าคนหนูสีขาวที่พันรอบเอวสอบไว้อย่างหมิ่นเหม่เท่านั้น ในจังหวะที่เขาเดินไปถึงห้องน้ำก็เป็นจังหวะเดียวที่เธอเดินออกมาอย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น
“กรี๊ด!!!” คนที่พึ่งอาบน้ำเสร็จอย่างอารมณ์ดีด้วยครีมอาบน้ำและแชมพูกลิ่นเป็นต้องร้องกรี๊ดออกมาทันที เมื่อเดินออกจากห้องน้ำแล้วเห็นเขากำลังเดินมาทางที่ตัวเองยืนอยู่ หากเขาเดินมาโดยมีเสื้อผ้าครบเธอคงไม่ต้องร้องตกใจขนาดนี้ แต่นี่ ตะ แต่นี่เขามีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แถมหุ่นเขาก็ยัง...
เท้าเล็ก ๆ ก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะหงายหลังล้มลงไปกับพื้น ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามารับเอาตัวเธอไว้ทันที แต่ระยะทางที่ห่างกันทำให้เขาไม่สามารถคว้าตัวเธอได้ทัน ครั้งนี้เธอจึงล้มลงไปกับพื้นเต็มแรง
“โอ้ย”
“อย่าพึ่งขยับนะ ขอผมดูก่อน” เพราะไม่สามารถรับเธอไว้ได้ทันอย่างที่ตั้งใจ เขาจึงรีบมาหาเธอให้เร็วที่สุด และรีบเข้าดูอาการด้วยความเป็นห่วง
“ทะ ที่ขา ฉันเจ็บ” หยาดน้ำตาคลอหน่วยในทันที เมื่อเขากดเบา ๆ ที่ขาแล้วเธอรู้สึกเจ็บ
“ตรงอื่นละครับ เจ็บอีกไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เหมือนจะเก็บตรงนี้ด้วย” นิ้วเรียวชี้ไปยังบริเวณสะโพกของตัวเอง ก่อนจะรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อสายตาปะทะเข้ากับบางอย่างที่เธอไม่ควรที่จะเห็น
“ค่อย ๆ นะ” ว่าจบก็ค่อย ๆ ช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มทันทีอย่างเบามือ ก่อนจะพาเดินไปยังเตียงกว้าง ด้านคนที่ถูกปฏิบัติราวกับเจ้าหญิงก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้น ก่อนจะรีบสลัดความคิดบ้า ๆ นั้นทิ้งไป เมื่อเขาวางเธอลงบนเตียง
“คะ คุณจะทำอะไร...”
