บท
ตั้งค่า

8 แฟนเก่า

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“พิรัชย์...ฉันคุ้นหน้าเค้า แล้วเค้าก็หน้าตาคล้ายคุ้น” สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจพูดมันออกไปเพื่อให้เขามาไขข้อสงสัยให้ ประวัติคร่าว ๆ ของคนในรูปที่เธอกำลังอ่านอยู่นี้เธอไม่ค่อยรู้สึกคุ้นเท่าหน้าขาวใส ๆ ของเขา

“นั่นเช น้องชายของผมเอง ทำไมหรอคุณรู้สึกคุ้นหน้ามันที่ไหน” น้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้น ไม่รู้ว่าคนพูดนั้นอยู่ในอารมณ์หึงหวงหรือน้อยใจอยู่ ที่เธอนั้นรู้สึกคุ้นหน้าทุกคนเว้นเขา

“ฉันก็ไม่รู้ฉันแค่รู้สึกคุ้นหน้าเขามาก ๆ อาจจะเป็นเพราะโรงเรียนมัธยมปลายก็ได้ น้องชายคุณเรียนโรงเรียนเดียวกับฉัน บางทีเราอาจเคยเดินสวนกัน” เธอพูดอธิบาย

“แล้วคนอื่นล่ะ คุณรู้สึกคุ้นบ้างรึเปล่า”

“อืมม ก็ไม่” หลังจากได้ยินคำถามของเขา แพรลดาก็เปิดรูปคนอื่นเพื่อดูซ้ำอีกครั้ง เพื่อว่าจะรู้สึกคุ้นอย่างที่เขาพูด

“แล้วคนนี้ล่ะ คุณพอจะจำเขาได้บ้างไหม”

“คนไหน ระ หรอ...” เสียงที่กำลังร้องถามเขาไหวสั่นขึ้นมาทันที เมื่อเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารตรงหน้าแล้วมีใบหน้าของเขาเข้ามาประชิด โดยระยะนั้นห่างกันไม่ถึงคืบเลยด้วยซ้ำ ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาเป่ารดใบหน้าของเธอ จนไม่รู้ว่าหน้าเธอตอนนี้มันแดงแล้วรึเปล่า พอได้สติก็รีบหันหนีแล้วยกมือขึ้นกุมแก้มไว้ทันที

“คุณหรอ...ฉะ ฉันจำไม่ได้ แล้วก็ไม่คุ้นด้วย”

“ไม่เป็นไร ผมมีเวลาทั้งชีวิตให้คุณจำผมได้” ว่าจบรอยยิ้มร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ขยับหน้าถอยห่างออกมา ให้เธอได้หันมาพูดกันดี ๆ

“ใครจะไปอยู่กับคุณทั้งชีวิตกัน วันเดียวฉันก็อึดอัดจะแย่”

“แน่ใจ?” แต่ถอยห่างได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็ยื่นหน้าเขาไปใกล้เธออีกเพื่อถามย้ำ เล่นเอาคนถูกถามหันหน้าหนีแทบไม่ทัน

“นะ แน่ใจสิ”

“หึ”

จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ซึ่งพอจบจากแฟ้มประวัติเกี่ยวกับคนรอบตัวเขาแล้วก็ดูเหมือนจะเป็นการเป็นงานมากขึ้น เมื่อแฟ้มต่อมา เป็นอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เธอต้องทำ ซ้ำยังมีโน้ตเล็ก ๆ และไฮไลต์ส่วนสำคัญให้เธอได้อ่านทำความเข้าใจได้ง่ายอีกด้วยก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น

“ขออนุญาตค่ะ”

“เข้ามา” เสียงเข้มที่เรียบนิ่ง ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าอ่านแฟ้มเอกสารเพลิน ๆ อยู่ เป็นต้องนั่งหลังตรงอย่างลืมตัว ก่อนจะมองตามบุคคลที่เดินเข้ามาใหม่

“เอกสารค่ะ” เลขาสาวพูดขึ้น แต่เมื่อเห็นท่านประธานยังเงียบเธอจึงพูดต่อ

“ตอนบ่ายคุณทับทิมมาขอพบค่ะ”

“ผมไม่ว่าง” พูดพร้อมกับเบนสายตาไปยังคนตัวเล็กที่กำลังมองมาที่ตนอยู่ ซึ่งเหมือนเป็นการบอกนัย ๆ ว่าที่เขาไม่ว่างนั่นเพราะใคร ก่อนจะอมยิ้มออกมาเมื่อคนตัวเล็กนั้นรีบก้มหน้าหลบทันทีที่เขามองกลับไป

“ท่านประธานจะรับกาแฟเลยไหมคะ”

“อืม ของผมเอาเหมือนเดิม แล้วก็กาแฟไม่ใส่ครีมเทียมใส่น้ำตาลสองก้อนอีกแก้ว”

“ท่านประธานจะดื่มเองหรอคะ”

“ของภรรยาผมน่ะ”

“ค่ะ”

“คุณรู้ได้ไงว่าฉันชอบดื่มกาแฟแบบนั้น” ทันทีที่พนักงานสาวคนนั้นเดินออกจากห้องไป แพรลดาก็ร้องถามเขาทันที เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกรอบตั้งแต่เขาพูดเมนูกาแฟที่เธอดื่มแล้ว และสิ่งที่เขาพูดต่อมาก็ทำเอาเธอรีบก้มหน้าลงไปอ่านเอกสารต่อทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาใหม่ เมื่อทั้งห้องมีแค่เขากับเธอ

“พี่รู้ทุกอย่างที่เป็นแพร”

“ฉันชอบกินอะไร”

“ฉันชอบดื่มอะไร”

“ฉันชอบสีอะไร”

“ฉันชอบ...”

“แพรชอบกินกระเพาะปลา หลังกินกระเพาะปลาต้องกินบัวลอยน้ำขิงต่อ”

“แพรชอบกินสตอเบอร์รี่ปั่นหวานห้าสิบ ต้องเป็นสตอรเบอร์รี่สดเท่านั้น ใส่เมเปิลไซรัปไม่ก็น้ำผึ้ง”

“แพรชอบกินกุ้งแต่แพรไม่ชอบแกะ แพรชอบไปทะเล ชอบสีส้มพาสเทล”

“แพรไม่ชอบให้คนมาขัดใจ แล้วก็ไม่ชอบกินปลาทูมาก ๆ แล้วแพรก็”

“พอแล้ว ๆ ฉันไม่อยากรู้แล้ว” สุดท้ายเธอก็ต้องร้องห้ามเขาไว้ทันที เมื่อเขาพูดข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอออกมา ซึ่งแต่ละเรื่องที่เขาพูดล้วนแล้วแต่เป็นความจริง

“คะ คุณรู้ได้ยัง” เธอถามเขาเสียงสั่น เพราะบางอย่างเธอก็จำแทบไม่ได้แล้วว่าเธอชอบมัน

“ผมเป็นสามีคุณนะ”

“จริงสินะ ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย แต่ว่า...เราจีบกันยังไงหรอ คุณยังไม่บอกฉันเลย”

“หมดเวลาถามแล้ว ตอนนี้เป็นเวลางาน” ว่าพร้อมกับพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลา ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานดังเดิม ทิ้งให้คนถามได้แต่นั่งเคว้งมองตาม

“ชิห์ ตัวเองเป็นคนเปิดประเด็นแท้ ๆ”

“หิวแล้วรึยังครับ” เข็มสั้นชี้เลขสิบสองพอดีในตอนที่เขาพูดขึ้น ทำเอาคนที่หิวตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วแต่เล่นตัวอยู่จิ้ปากด้วยความหมั่นไส้ทันที เธอก็นั่งรออยู่นานว่าเมื่อไหร่เขาจะชวนเธอไปกินข้าว หันมองเขาทีไรก็เห็นเขาเอาแต่ตั้งใจอ่านเอกสาร บ้างก็กดคอมบ้าง บ้างก็รับโทรศัพท์บ้าง ในระหว่างที่เขาทำงานหลังเขาก็ตั้งตรงตลอด ไม่มีหาว ไม่มีงีบ เขาดูโฟกัสอยู่กับงานตลอดเหมือนอย่างที่พ่อเธอพูดไม่มีผิด จนบางครั้งเธอก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาตามพ่อ

“นิดหน่อย”

“จร๊อก~~”

“ครับ นิดหน่อยก็นิดหน่อย” ว่าจบก็ส่งอมยิ้มล้อเลียนให้เธอ ก่อนจะรีบเดินตามไป เมื่อเธอชิงออกไปจากห้องก่อนแล้ว

ร้านอาหาร

“อ้าวควิน มากับใครหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยทักชายหนุ่มที่นั่งอยู่คนเดียว

“มากับคนรักของผมน่ะ” พริษฐ์พูดตอบเสียงเรียบ โดยตอนที่ตอบนั้นสายตาเขาไม่ได้มองผู้พูดแม้แต่น้อย และแน่นอนว่ามันทำให้คนที่ถูกพูดด้วยจับได้

“มองหาใครอยู่หรอคะ”

“ภรรยาผมน่ะ” เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมล่าถอยไป สถานะจึงถูกย้ำชัดมากขึ้นอีก

“ภรรยา?”

“คุณจะบอกทับทิมว่าคุณแต่งงานแล้วหรอคะ...”

“ใช่ ผมแต่งงานแล้ว” พริษฐ์ตอบเสียงเรียบ

“ตะ แต่งงาน แต่งตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมทับไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย”

“เป็นงานที่จัดขึ้นเล็ก ๆ ภายในครอบครัวน่ะ”

“งั้นหรอคะ...”

ด้านพริษฐ์เขาไม่ได้พูดตอบอะไรต่อเพียงแต่พยักหน้ารับยืนยันในสิ่งที่ตนพูดเท่านั้น

“ทับชักอยากจะเห็นภรรยาคุณแล้วสิคะ ใครกันที่สามารถมาแทนที่ทับได้”

“แพรไม่ได้มาแทนที่ใคร” น้ำเสียงเรียบนิ่งว่าขึ้น เล่นเอาคนถามเสียวสันหลังวาบ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาพูดกับเขามาก่อนเลย ในตอนที่เป็นแฟนกันเขามักจะดีต่อเธอเสมอ

“ทับขอโทษค่ะ ที่พูดอะไรไม่คิด...”

“คุณมีแขกหรอ งั้นฉันไปนั่งอีกโต๊ะนะ” คนที่พึ่งกลับมาจากห้องน้ำและพยายามจะเลี่ยงการอยู่ด้วยกันกับเขาสองต่อสองว่าขึ้น

“คนรู้จักนะ ไม่มีอะไร”

“งั้นหรอ เสียดายจัง” ประโยคหลังนั้นเธอบ่นออกมาเบา ๆ ตั้งใจให้ได้ยินกับเขาแค่สองคน

“สวัสดีค่ะ ฉันทับทิมนะคะ” หญิงสาวที่เริ่มกลายเป็นส่วนเกินพูดขึ้น ทำให้คนที่กำลังหย่อนตัวนั่งต้องเงยหน้ามองตามมารยาท

“ฉัน...แพรค่ะ” เสียงหวานขาดห้วงเล็กน้อย เมื่อหญิงสาวตรงหน้าเป็นอีกคนที่เธอคุ้นหน้า

“นะ น้องแพร” และทันทีที่แพรลดาเงยหน้าขึ้นมาทักทาย ทับทิมเองก็ตกใจไม่ต่างกัน

“เราเคยเจอกันมาก่อนหรอคะ” เพราะสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกมันทำให้แพรลดาอดที่จะสงสัยไม่ได้ ทั้งเธอยังรู้สึกคุ้นหน้าคนตรงหน้าอีก

“เราจะเคยเจอกันได้ยังไงล่ะคะ น้องแพรเป็นสามีของควินพี่ พี่อายุเท่าควิน พี่ก็ต้องเรียกว่าน้องแพร ถูกไหมคะ”

“แต่ถ้ามันทำให้น้องแพรอึกดอัดพี่ต้องขอโทษด้วยนะคะ”

“คุณเรียกฉันว่าแพรเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าเสียแพรลดาจึงพูดแก้

“งั้นก็ได้ค่ะ”

“มาทานข้าวคนเดียวหรอคะ”

“ค่ะ พี่มาคนเดียว พอดีร้านนี้เป็นร้านนี้พี่กับควินมาทานด้วยกันบ่อย ๆ”

“แล้วจะว่าอะไรไหมคะ ถ้าพี่จะขอทานด้วย พอดีเพื่อนที่พี่นัดไวติดธุระน่ะ”

“ได้ค่ะ...แต่ว่าคุณต้องสั่งอาหารใหม่นะคะ ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องพูดแบบนี้” ว่าจบก็ก้มหน้าสนใจทานอาหารที่มาเสิร์ฟทันที แม้ว่าการอนุญาตให้คนอื่นมาร่วมโต๊ะด้วยของเธอจะทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่พอเห็นท่าทางน่ารักของเธอมันก็ทำให้เขาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ก่อนจะหันไปพูดกับอดีตคนรัก เพื่อไม่ให้เธอดูไม่ดี ในสายตาคนอื่น

“พอดีแพรเขาหิวน่ะ ตอนเช้าก็ได้ทานข้าวนิดเดียว ส่วนมื้อเที่ยงกว่าจะได้กินก็เกือบบ่ายแล้ว”

“ไม่เป็นไรค่ะ ทับไม่ถือ”

“คุณจับผมให้หน่อย” คนที่กำลังทานข้าวอยู่แล้วผมร่วงเอ่ยบอกชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทันที

“เดี๋ยวพี่มัดให้” ว่าจบก็ล้วงเอายางมัดผมให้กระเป๋ากางเกงมันรวบให้คนตัวเล็กทันที ก่อนจะเอ่ยถามว่ามันโอเคแล้วหรือยังด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ทำเอาบุคคลที่สามที่นั่งอยู่น้อยอดไม่ได้ที่จะอิจฉา

“มาค่ะควิน ทับตักให้”

“ไม่เป็นไร ผมตักเองได้ คุณทานไปเถอะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยตอบ ทำเอาคนฟังหน้าเสียไม่น้อย ก่อนจะหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก กับสิ่งที่แพรลาพูด

“คุณพูดแบบนั้นได้ไง เธอเสียใจแย่ มาค่ะตักให้ฉันก็ได้”

“ค่ะ” สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องจำใจตักให้แพรลดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนพริษฐ์นั้นนอกจากเขาจะไม่แตะต้องอาหารที่ทับทิมตักให้แล้ว เขาก็เอาแต่ตักอาหารให้แพรลดา ถ้าเป็นปลาเขาก็จะเลาะก้างออกแล้วคีบให้ ถ้าเป็นน้ำซุปเขาก็จะเป่าก่อนตักใส่ชามให้เธอ

“ดูควินดูแลแพรดีจังเลยนะคะ มันทำให้ทับคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ของเรา...”

“มันเป็นอดีตไปแล้ว ผมว่าคุณอย่าพูดถึงมันอีกเลยดีกว่า” จบประโยคของพริษฐ์ทั้งโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบ อีกคนก็สนใจแต่อาหารตรงหน้า อีกคนก็เจ็บจุกกับคำพูดของอดีตคนรัก ส่วนคนพูดหลังจากพูดจบก็หันมาดูแลคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกันต่อ บรรยากาศภายในโต๊ะค่อนข้างอึดอัด จนคนที่เอาแต่กินไม่สนโลกนั้นเริ่มสังเกตได้ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

จนออกจากร้านและขึ้นรถนั่นแหละเธอถึงพูดมัน

“คุณทับทิมอะไรนั่นเป็นแฟนเก่าคุณหรอ”

“ใช่ คุณหึงรึเปล่า”

“ไม่อะ ทำไมฉันต้องหึงด้วย”

“หึ”

.

“คุณจะพาฉันไปไหนอีกเนี่ย” หลังจากทานมื้อเที่ยงกันเสร็จเธอก็ได้พูดถามเขาไปครั้งหนึ่งแล้วเพราะทางกลับบริษัทนั้นมันคนละเส้นกับทางมา แล้วตอนนี้หลังจากกลับจากดูงานนอกสถานที่เขายังไม่พาเธอเข้าสู่เส้นทางกลับบ้านอีก จะว่าไปทานข้าวก็ไม่ใช่ เพราะเขาบอกว่าวันนี้จะทานมื้อเย็นกันที่บ้าน

“กลับบ้านครับ”

“บ้าน? ทางกลับบ้านไม่ใช่ทางนี้นี่ ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบที่คุณจะมาหลอกได้ง่าย ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ความจำเสื่อม ฉันจำทุกอย่างได้ จะมีก็แต่คุณเท่านั้นที่ฉันจำไม่ได้” คนตัวเล็กเริ่มโวยวายทันที เมื่อยิ่งขับไปเรื่อย ๆ มันยิ่งห่างจากทางกลับบ้านไปเรื่อย ๆ

“บ้านของผม คุณพ่อผมท่านอยากเจอคุณ”

“คะ คุณพ่องั้นหรอ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel