7 ทำงานวันแรก
“นี่ คุณจะพาฉันไปไหน” หลังจากที่กลืนแซนด์วิชคำสุดท้ายลงคอ แพรลดาก็ว่าขึ้นเมื่อทางที่เขาขับมานั้น ไม่ใช่ทางไปบริษัทพ่อของเธอแต่อย่างใด
“ไปทำงานไงครับ”
“ทำงานบ้าอะไรของคุณ ทางไปบริษัทคุณพ่อมันอยู่อีกทางนะ” แม้จะไปได้ออกมาเผชิญโลกกว้างถึงสามปีเต็มแต่เธอก็เชื่อว่าเธอไม่ได้ความจำเสื่อม เธอยังจำถนนหนทางที่เขากำลังขับผ่าน ยังจำหลาย ๆ อย่างรอบตัวเธอตอนนี้ได้ดี แม้จะมีบางอย่างที่เพิ่มขึ้นมาตามกาลเวลา แต่มันก็ยังมีเค้าโครงของเดิมอยู่ มีแต่เขาเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นมาในชีวิตของเธอ โดยที่เธอจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลย
“ผมก็ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะพาคุณไปทำงานที่บริษัทคุณพ่อ” พริษฐ์ว่าขึ้นพร้อมกับหันมองหน้าแพรลดาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองท้องถนนต่อ
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง ถ้าไม่ให้ฉันไปทำงานที่บริษัทคุณพ่อแล้วจะให้ฉันทำงานที่ไหน”
“ก็ทำงานกับผมไง”
“ทำงานกับคุณ?”
“ใช่”
“เหอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก ฉันจะโทรหาคุณพ่อ”
“อีกอย่างงานเก่าที่บริษัทคุณพ่อยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันทำทิ้งไว้และต้องกลับไปจัดการด้วยตัวเอง ฉันคงจะไปทำงานกับคุณไม่ได้เสียใจด้วยนะ” ว่าจมก็ยิ้มเยอะให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเตรียมต่อสายหาผู้เป็นพ่อ และเธอจะไม่มีทางบอกให้เขาหยุดรถอย่างแน่นอน เรื่องอะไรที่เธอจะต้องหารถไปทำงานที่บริษัทคุณพ่อใหม่ ในเมื่อเขาอาสามาส่งเธอ ไม่ให้เธอให้คนขับรถที่บ้านมาส่ง เพราะงั้นเขาก็ต้องรับผิดชอบในการรับส่งเธอไปที่ทำงาน
“ผมกับคุณพ่อคุยกันเรื่องนี้แล้ว คุณโทรไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก อีกอย่างเมื่อวานคุณพ่อก็ประชุมดึก ให้คุณพ่อพักผ่อน อย่าพึ่งโทรไปกวนคุณพ่อเลยจะดีกว่า”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันยอมไปทำงานกับคุณดี ๆ หรอ” นิ้วเรียวที่กำลังกดต่อสายหาผู้เป็นพ่อที่อยู่กันคนละประเทศ เป็นต้องหยุดชะงักทันที จากคำพูดของเขา ด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นพ่อ ถึงเธอจะเป็นคนเอาแต่ใจ จะดื้อไปบ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องของพ่อ ที่ทำทุกอย่างเพื่อเธอมาตลอด เธอก็จะยอมลงให้เขา...นิดนึง แค่นิดนึงเท่านั้น
“ใช่ครับ”
“แล้วถ้าฉันไปทำงานกับคุณจะให้ฉันไปฐานะอะไร”
“อ้อ อันนี้ก็ด้วย คุณจะให้ฉันไปทำอะไร” เพราะเมื่อสามปีก่อนตอนที่เธออยู่กับพ่อ พ่อให้เธอเรียนรู้งานโดยเริ่มจากการเป็นพนักงานธรรม ก่อนจะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ และถ้ามีเวลาว่างเธอก็จะติดสอยห้อยตามพ่อออกไปดูงานนอกสถานที่ บ้างก็เข้าร่วมการประชุมกับพ่อด้วย
แต่ถ้าเธอไปกับเขาล่ะ เธอจะได้ทำอะไรบ้าง เธออย่างทำงานนะ ไม่ได้อยากนั่งอยู่เฉย ๆ ดูเขาทำงาน
“งานเก่าคุณที่บริษัทผมจัดการให้หมดแล้ว...ส่วนเรื่องไปในฐานะอะไร คงจะเป็นฐานะภรรยาของประธานบริษัท ส่วนหน้าที่คุณช่วยผมดูเอกสารก็แล้วกัน”
“เราแต่งงานกันแล้ว ผมจะไม่ยอมให้คุณห่างตัวผม แล้วไปทำงานกับคุณพ่ออีกแล้ว การปล่อยให้คุณห่างตัวจนทำให้ผมเกือบเสียคุณไป...ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นซ้ำอีก”
“คุณ...” น้ำเสียงที่เขาพูดมามันบ่งบอกได้อย่างดีเลยว่ามันเป็นน้ำเสียงของความเจ็บปวด แม้เธอจะไม่ได้เห็นแววตาของเขาแต่เธอก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังเจ็บ...เขารักเธอมากขนาดนี้เลยหรอ แล้วทำไมเธอถึงลืมคนที่รักตัวเองมากขนาดนี้ไปได้...เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ
“คุณจะให้ฉันเป็นเลขาของคุณสินะ” ก่อนจะรีบสลัดความคิดพวกนั้นทิ้งไป เพื่อไม่ให้หัวใจมันถลำลึกไปกับคำพูดของเขา
“ใช่ ถ้าคุณอยากเรียนรู้งานด้านไหน ผมจะเป็นคนสอนงานให้คุณเอง”
“ทำให้ได้เหมือนที่คุณพ่อพูดไว้ก็แล้วกัน” น้ำเสียงท้าทายว่าขึ้น เมื่อนึกไปถึงคำพูดของพ่อในตอนที่พ่อพูดอวยเขาเรื่องหน้าที่การงานของเขา บอกว่าเขาเก่งรอบด้านอย่างนั้นอย่างนี้ บอกว่าเขาเริ่มสานต่อจากธุรกิจของแม่ จนออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง แต่ก็ยังทำงานให้แม่อยู่ ร่วมถึงหลาย ๆ การลงทุนที่เขาทำอยู่ ควบคู่กันไปและกำลังทำ เธออย่างจะรู้จริง ๆ ว่าเขาจะเก่งสมกับที่พ่อเธอพูดไว้รึเปล่า
“หึ”
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงบริษัท
“พร้อมไหม” เสียงทุ้มหันไปถามหญิงสาวข้างกายที่ตอนนี้กำลังหันมองไปรอบ ๆ อย่างสำรวจ
“ทำไมฉันรู้สึกคุ้นจัง” คำตอบที่ได้แม้จะไม่ตรงคำถามแต่ก็ทำให้คนฟังอมยิ้มน้อย ๆ
“งั้นหรอ”
“อื้ม เหมือนฉันเคยมากับคุณพ่อ...ถ้าจำไม่ผิดฉันตามคุณพ่อมาประชุมที่นี่”
“มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าที่ฉันเคยมาที่นี่” พูดจบก็หันไปหาเขา เมื่อไม่เห็นเขาพูดตอบอะไรมา ก่อนจะหันไปเห็นเขาส่งยิ้มน้อย ๆ กลับมา
“เข้าไปข้างในก่อน เดี๋ยวผมจะบอก” ว่าจบก็ลงจากรถทันที ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูในภรรยาสาวคนสวย
และเธอก็ยอมลงรถตามเขาไปแต่โดยดี ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องทำงานของเขา แม้ว่าจะใช้ลิฟต์ส่วนตัวของประธาน แต่ยังไงซะมันก็ต้องเดินผ่านลิฟต์ของพนักงาน แน่นอนว่าการปรากฏตัวของเธอนั้นได้รับความสนใจจากพนักงานที่นี่เป็นอย่างดี จนประธานหนุ่มต้องกระแอมเบา ๆ เมื่อรู้สึกว่าทุกคนจ้องคนข้างกายเขามากเกินไปแล้ว โดยเฉพาะพวกพนักงานชาย
“ใครน่ะ สวยจัง”
“นั่นสิ”
“แต่ว่าหน้าตาคุ้นอยู่นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“หรือว่าจะเป็นคนรักของท่านประธาน”
“คนรักหรอ...ภรรยาลับ ๆ ของท่านประธานรึเปล่า”
“ที่ลือว่าจะแต่งกันเมื่อหลายปีก่อนน่ะหรอ”
“แฮ่ม มีงานอะไรก็ไปทำกันได้แล้ว ถ้ามันว่างมากผมจะเพิ่มงานให้” เสียงกระแอมเพียงครั้งเดียวก่อนถึงหน้าห้องทำให้เหล่าพนักงานแยกย้ายกันในทันที
“ทำไมทุกคนถึงทำเหมือนไม่รู้จักฉันเลยล่ะ” ทันทีที่เข้ามาในห้องแพรลดาก็เปิดประเด็นในทันที ที่เธอยอมเดินตามเขามาเงียบ ๆ ก็เพื่อนจะเก็บข้อมูลและสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ซึ่งมันก็คุ้นมากจริง ๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันให้เธออดแปลกใจไม่ได้ ในเมื่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นภรรยาของขา ทำไมคนในบริษัทเขาถึงไม่มีใครรู้จักเธอเลยล่ะ...มันเป็นไปได้ยังไงกัน
“นั่งก่อนสิ” ใบหน้าคมเพยิดไปทางโซฟาตัวใหญ่ในห้องทำงาน เพื่อบอกให้คนที่เดินตามหลังเข้ามานั้นนั่งก่อน ส่วนเขาก็เดินเลยมาถอดเสื้อสูตรตัวนอกพาดไว้กับเก้าอี้ทำงาน
“ทีนี้คุณจะตอบคำถามฉันได้รึยัง”
“ได้ ถ้าคุณอยากรู้” ว่าพร้อมกับเดินมาหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคนตัวเล็ก โดยที่สายตานั้นมองสบกับเธอไม่ละไปไหน
“เลิกเอาแต่มองหน้าฉันแล้วพูดมาได้แล้ว”
“ฮึ”
“หัวเราะอะไรของคุณ ฉันจริงจังนะ”
“โอเค ผมยอมแล้ว”
“ก็เล่ามาสิ”
“เรื่องที่คุณคุ้นเหมือนว่าคุณเคยมาที่นี่ จริง ๆ แล้วคุณเคยมาที่นี่ ตอนนั้นคุณมาประชุมกับคุณพ่อ แต่ว่าตอนนั้นเราไม่ได้เจอกัน”
“ส่วนเรื่องที่ทำไมคนในบริษัทไม่รู้จักคุณ งานแต่งงานของเราจัดขึ้นแค่ในครอบครัว อีกอย่างคุณก็ไม่ยอมมาทำงานกับผม คนที่นี่จะไม่รู้จักคุณก็ไม่แปลก แต่คุณสบายใจได้ หลายคนที่นี่รู้ว่าผมแต่งงานแล้ว ไม่มีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
“ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย คุณจะมีใครมีคนอื่นก็มีไปสิ”
“งานแต่งของเราจัดขึ้นแบบเล็ก ๆ และเรียบง่ายสินะ”
“ใช่”
“แต่ถ้าคุณต้องการที่จะจัดขึ้นมาใหม่แบบยิ่งใหญ่ผมก็ทำให้คุณได้ ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณ ถ้ามันทำให้คุณมีความสุข”
“แต่งใหม่งั้นหรอ..ถ้าหย่าฉันว่ามันเป็นไปได้มากกว่าอีก แต่คุณพ่อคงไม่ยอมแน่”
“นี่ฉันถามอะไรหน่อยสิ ว่าทำไมเราถึงรักกันได้ ทำไมเราถึงได้แต่งงานกัน...ไม่สิ ทำไมคุณถึงรักฉัน ทำไมคุณถึงยังรอฉันไม่ไปมีคนอื่นทั้งที่ฉันก็นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราถึงสามปี ตื่นมาก็จำคุณไม่ได้ นอกจากจำคุณไม่ได้แล้วฉันยังลืมไปด้วยว่าเคยรักคุณ”
“หรือมากไปกว่านั้นฉันอาจจะไม่เคยรักคุณตั้งแต่แรก เพราะฉันจำได้ทุกอย่าง...เว้นเรื่องของเรา”
“จนบางทีฉันก็สงสัยนะว่าทุกคนแต่งเรื่องขึ้นมาโกหกฉันรึเปล่า”
“ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้คุณรู้เอาไว้ ทุกอย่างที่ผมทำลงไป ผมทำเพื่อคุณ...”
“เพื่อฉัน?” นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเองทันที ทำเพื่องั้นหรอ เธอถามไปเกือบห้าคำถามได้ แต่เขาตอบมาแค่นั้น แล้วยังจะเดินหนีเธอไปอีก
“นี่อย่าเดินหนีนะ กลับมาตอบคำถามฉันก่อน”
“นี่เป็นเวลาทำงานของผมแล้ว ถ้าคุณอยากรู้อะไร ไว้เลิกงานก็แล้วกัน”
“ส่วนโต๊ะทำงานของคุณอยู่ตรงนั้น ถ้าคุณมีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจตรงไหน ก็เดินมาถามผมได้ หรือจะมานั่งทำงานข้าง ๆ ผมก็ได้”
“อีกเรื่อง ห้องนี้เป็นห้องกระจก คุณเห็นม่านนั่นไหม ถ้าไม่จำเป็นห้ามกดปุ่มเปิดม่านตรงนี้เด็ดขาด ปุ่มเดียวที่ผมจะอนุญาตให้กดคือปุ่มนี้เท่านั้น” ว่าพร้อมกับกดให้ดูว่าปุ่มที่ตัวเองบอกนั้นมันทำอะไรได้ ซึ่งพอเขากดก็สามารถมองเห็นเหล่าพนักงานที่กำลังตั้งใจทำงานกันอยู่ด้านนอก ก่อนที่จะกดอีกครั้ง ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“คนข้างนอกจะไม่มีทางเห็นแล้วเว้นแต่คุณจะกดปุ่มนี้” ว่าพร้อมกับชี้ไปยังปุ่มต้องห้ามที่ตัวเองบอกตั้งแต่แรก
“ถ้าคุณง่วง หลังห้องมีห้องน้ำและห้องนอนในตัว ถ้าคุณหิวผมจะพาไปทาน ทุกอย่างที่ผมจะบอกคุณก็มีเท่านี้” ประโยคอันยาวเหยียดถูกพูดออกมาในครั้งเดียวเล่นเอาคนฟังได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ มองตามและจดจำในสิ่งที่เขาพูด เธอแทบจะลืมเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้นี้ไปเลยก็ว่าได้
“เข้าใจที่ผมพูดไหม”
“ขะ เข้าใจ ก็ได้” พอเขาอยู่ในโหมดจริงจัง อยู่ ๆ เธอก็ไม่กล้าดื้อกล้าเถียงเขาซะอย่างนั้น ได้แต่ตอบรับและเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานที่เขาบอกอย่างว่าง่าย ก่อนจะบ่นอุบให้เขาอยู่คนเดียว
“งานนี่สินะ ที่ฉันต้องทำ” เมื่อพูดบ่นให้เขาจนพอใจแล้ว ก็หันมาสนใจกองเอกสารกองเล็ก ๆ ตรงหน้า ที่คิดว่าคงจะเป็นงานที่เขาให้เธอทำในวันนี้
“ดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ นะยัยแพร” พูดให้กำลังใจตัวเองเสร็จก็เริ่มเปิดแฟ้มเอกสารทันที แฟ้มที่ถูกวางไว้ให้นั้นมันไม่ใช้งานที่เธอต้องทำซะทีเดียว เหมือนมันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเสียมากกว่า แต่ยิ่งเปิดอ่านคิ้วเรียวก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสิ่งที่เธออ่านนั้นมันเป็นข้อมูล...ของครอบครัวของเขา จะพูดแบบนั้นก็ได้ หรือจะว่าเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทก็ได้ ไม่สิเกี่ยวข้องกับประธานบริษัทถึงจะถูก เพราะทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเลย แม้แต่ถือหุ้นก็ไม่มี แต่เดี๋ยวนะ เหมือนจะมีอยู่คนนึง
หลังจากอ่านประวัติของคนในรูปเสร็จแล้ว ก็ก้ม ๆ เงย ๆ มองหน้าคนในรูป สลับกับมองหน้าคนที่กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดอ่านเอกสารอยู่ทันที
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
