บท
ตั้งค่า

6 มื้อดึก

“ลุกขึ้นมานะ”

ด้วยเป็นคนตัวเล็กแน่นอนว่าน้ำหนักเธอนั้นน้อยกว่าเขาอยู่มาก จากที่ตั้งใจจะดึงเขาให้ลุกขึ้นกลับกลายเป็นเธอออกแรงดึงเขามากเกินไป ทำให้เสียหลักจะหงายหลัง แต่ก็ยังพอมีโชคอยู่บ้างเมื่อ...

“วร้ายย” เมื่อทิศที่ล้มนั้นเป็นเตียงกว้างพอดี แต่คนที่มีปฏิกิริยาไวอย่างเขาทำให้เธอไม่ได้หงายหลังลงเตียงง่าย ๆ เมื่อเขาลุกขึ้นมากอดประคองเธอไว้เพื่อที่จะไม่ให้เธอล้มลงไป แต่กลายเป็นว่าจากที่จะช่วยกัน กลับเสียหลักด้วยกันทั้งคู่ ทำให้ต้องล้มลงบนเตียงนุ่มพร้อมกัน แน่นอนว่าไม่ใช่การล้มธรรมดาอย่างแน่นอน เมื่อเขาโอบกอดเธอไว้แล้วพลิกตัวให้เธออยู่ด้านบน เพื่อที่จะให้เขาเป็นคนรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขานั้นเป่ารดศีรษะของตัวเองอยู่

“ฉันว่า...คุณปล่อยฉันก่อนดีกว่า” เสียงเล็กว่าขึ้นอย่างอ้อมแอ้ม มันรู้สึกเกรง ๆ ไปหมดกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งที่มันไม่มีอะไรเกินเลยนอกจากการล้มทับกัน

“ผมไม่ได้กอดคุณไว้นะ” เสียงทุ้มว่าขึ้น และเพียงประโยคเดียวก็ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งตัวลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะเซน้อย ๆ เพราะความลุกไว

“โอเครึเปล่า”

“อะโอเคสิ โอเค ฉะ ฉันไปรอข้างล่างนะ” ว่าจบก็เดินเร็ว ๆ หายออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้เขาได้แต่มองตามอย่างยิ้ม ๆ

“คิดได้รึยังครับ ว่าจะกินอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตัวเล็กที่นั่งเท้าแขนทำหน้ามุ่ยอยู่บนเก้าอี้บาร์ในห้องครัวอีกเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่เขาลงมาแล้วเธอพูดเมนูที่อยากทานมาถึงห้าเมนู แต่เขาไม่ทำให้เธอทั้งหมด เขาบอกให้เธอเลือกเพียงสองเมนูเท่านั้น

“ไหน ๆ คุณก็จะทำให้ฉันสองแล้ว เพิ่มอีกสามไม่ได้หรอ...เพิ่มอีกสองก็ได้”

“ไม่”

“ชิห์ ใจร้ายชะมัด...งั้นฉันเอาสปาเกตตี้ซอสครีมเห็ดหอม กับ...กับข้าวผัดกุ้งแล้วกัน”

“สปาเก็ตตี้กับข้าวผัดกุ้ง?”

“ใช่ ทำไม คุณทำไม่ได้หรอ ว่าแล้วเชียวใครมันจะไปทำอาหารทั้งไทยและเทศได้ นี่แค่ขนาดเมนูง่าย ๆ นะ คุณพ่อนะคุณพ่อพูดอวยคนทั้งทีก็น่าจะรอดูความสามารถเขาหน่อย...”

“หึ”

“ถ้าไม่อร่อยฉันจะฟ้องคุณพ่อ”

ด้านคนที่ถูกพูดถึงทำเพียงหัวเราะในลำคอน้อย ๆ เท่านั้น ก่อนจะหันหลังกลับไปทำอาหารตามที่เธอต้องการ โดยไม่สนใจคนที่นั่งหงุดหงิดกับปฏิกิริยาที่เขาโต้ตอบออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่จะว่าไม่สนใจมันก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะสายตาคมยังคงเหลือบมองเธอเป็นพัก ๆ คอยแอบมองว่าเธอนั้นทำอะไรอยู่

แต่ครั้งล่าสุดกลับทำให้เขาต้องละมือจากทุกอย่างตรงหน้า ขายาว ๆ รีบก้าวเข้าไปหาคนที่กำลังสัปหงกหัวทิ่มลงบาร์อาหารทันที

“หูวว” หลังจากให้มือรับเอาศีรษะน้อย ๆ ของเธอไม่ให้โขกโต๊ะได้ พริษฐ์ก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก ก่อนจะค่อย ๆ วางศีรษะเธอลงบนโต๊ะอย่างเบามือ

“อือออออ” ส่วนคนที่หลับนั้นก็เสียงเบา ๆ เรียกอมยิ้มให้คนที่ยืนมองอยู่ได้ไม่น้อย ก่อนที่เขาจะผละตัวออกมาเพื่อทำอาหารให้เธอต่อ เพราะถ้าตื่นมาแล้วอาหารไม่เสร็จเมีหวังเธอได้โมโหหิวอีกแน่

“หอมจังงง~~~” คนที่หลับอยู่ละเมอขึ้นมาเบา ๆ เมื่อกลิ่นอาหารมันหอมจนเตะจมูก ตามไปถึงในฝัน

“หอมก็ตื่นมากินได้แล้วครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนที่กำลังงัวเงียอยู่

“อือ ป้าส้มคะแพรขออีกแป๊บนึงค่ะ”

“ถ้ามันเย็นจะไม่อร่อยนะ ตื่นได้แล้วตัวเล็ก”

“หือออ ตื่นก็ดั่ย!” สิ้นเสียงงัวเงียร่างบางก็ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง โดยมีสายตาคมคู่หนึ่งคอยมองอยู่

“น่ากินจัง” จากที่ง่วง ๆ อยู่พอเห็นอาหารตรงหน้า ดวงตาก็เป็นประกายทันที นอกจากจะหอมมาก ๆ แล้ว หน้าตามันยังน่าทานมาก ๆ อีกด้วย ไม่รู้ว่ารสชาติมันจะดีอย่างหน้าตาและกลิ่นด้วยไหม แน่นอนว่ามองเฉย ๆ ไม่ได้คำตอบอย่างแน่นอน เธอตวัดสายตามองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลงมือทานอาหารตรงหน้าทันที และคำแรกที่ได้สัมผัสก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มันดีสมคำร่ำลือของคุณพ่อจริง ๆ แต่จะให้เธอพูดชมเขาน่ะหรอ ไม่มีวันซะหรอก

“เป็นไงครับ พอทานรึเปล่า”

“ก็เฉย ๆ” ว่าจบก็ตักคำต่อไป ต่อไป ก่อนจะต้องสะดุ้งน้อย ๆ เมื่ออยู่ ๆ ก็มือมีหนาของเขามาสัมผัสที่กลุ่มผมของตัวเอง ทำให้เธอต้องตวัดสายตามองเขาเป็นเชิงถามว่าเขาจะทำอะไร จะเอ่ยปากถามก็ไม่ได้ เพราะที่ปากนั้นเคี้ยวเส้นสปาเกตตี้อยู่

รออยู่ครู่หนึ่งเขาก็ไม่ยอมตอบ แต่เธอก็เข้าใจเพราะมือหนาของเขานั้นรวบผมเธอไปถือไว้ เห็นแบบนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเช่นกัน แม้ว่าตอนนี้เธอจะเคี้ยวสปาเกตตี้เสร็จแล้วก็ตาม การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา มันทำให้เธอใจสั่นอย่างไม่รู้ตัว

“ค่อย ๆ กินครับ มันเลอะหมดแล้ว”

“เออะอะไอ ไม่เอะอักอ่อย (เลอะอะไรไม่เลอะสักหน่อย)” เพราะอาหารที่เคี้ยวอยู่ทำให้เธอต้องพูดตอบเขาไปทั้งอย่างนั้น แต่ยิ่งเธอทำแบบนั้นซอสครีมสปาเกตตี้ที่เธอกำลังกินอยู่มันยิ่งไหลย้อนออกมาจากปาก ทำให้คนที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปเช็ดให้

“อรึก ทำบ้าอะไรของคุณ” ทันทีที่เห็นเขาดูดนิ้วหัวแม่มือตัวเองที่ใช้เช็ดครีมซอสที่เลอะอยู่ให้ แพรลดาก็รีบกลืนของที่เคี้ยวอยู่ทันที ก่อนจะหันไปพูดกับเขา เขายังสติดีอยู่ไหมที่มากินซอสที่เลอะอยู่ของเธอ

“ถ้าคุณหิวก็ไปทำมานั่งกินด้วยกันสิ” เธอว่าขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาทำเพียงแต่มองหน้าเธอ อย่างไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

“แบบนี้อร่อยกว่า” ว่าจบก็ยักไหล่น้อย ๆ

“ประสาท”

หลังจากว่าให้เขาแล้วเธอก็หันมาตั้งใจทานอาหารตรงหน้าต่อ โดยต่อไปนั้นเป็นเมนูข้าวผัดกุ้ง ซึ่งกุ้งทุกตัวถูกแกะเปลือกออกพร้อมทาน ตัวข้าวก็ผัดออกมาได้อย่างดีเม็ดเรียงตัวกันสวย ส่วนรสชาติก็ทำให้เธอตาเป็นประกายอีกครั้ง มันเป็นรสชาติในแบบที่เธอชอบเลย ชอบมากด้วย ๆ หลังจากได้ลองทานแล้วก็เหลือบมองคนทำเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขากำลังนั่งมองเธออยู่ โดยที่มือนั้นก็ยังช่วยจับผมเธอเอาไว้ไม่ปล่อย ก็รีบเบนสายตากลับมายังจานข้าวผัดตรงหน้าทันที

“อิ่มจังงง”

มื้อดึกแสนอร่อยจบลงด้วยความพอใจของผู้ร้องขอ มือเล็ก ๆ ตบที่หน้าท้องของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส แต่พอหันไปเผลอสบตากับคนที่เดินตามหลังขึ้นมาก็ต้องรีบหันหน้ากลับ ก่อนจะรีบเดินเร็ว ๆ เข้าห้องไปในทันที

“จะทำอะไร”

“จะนอนไงเล่าถามได้” จากที่กำลังล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุขจากมื้อค่ำแสนอร่อย ก็ต้องเสียอารมณ์เมื่ออยู่ ๆ เขาก็มาพูดขัด

“พึ่งกินอิ่ม ยังนอนไม่ได้”

“ทำไมจะนอนไม่ได้ ก็ฉันง่วง ง่วง แล้วก็ง่วงมาก ๆ” ว่าจบก็โชว์หาวให้เขาดูหนึ่งหวอด

“หาวววว”

“เห็นไหมว่าฉันง่วงมากแค่ไหน ง่วงจนจะหลับกลางอากาศอยู่แล้ว”

“เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน” ประโยคสั้น ๆ แต่ได้ใจความทำให้คนที่กำลังจะล้มตัวลงนอนชะงักค้างทันที

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง” ตอนแรกคิดว่าจะเถียงกับเขาต่อ แล้วค่อยไปหาหมอทีหลังเพราะตอนนี้เธอง่วงจนไม่อยากจะสนอะไรแล้ว แต่พอคิดได้ว่าตัวเองนั้นพึ่งออกจากโรงพยาบาล จะให้กลับไปอีก เธอไม่เอาอย่างแน่นอน

“นอนพิงไหล่ผมแล้วกัน” ว่าพร้อมกับเดินไปหย่อนตัวนั่งตรงหัวเตียง

“มาสิ”

“...” เมื่อเห็นยืนนิ่งไม่ยอมตามลงมานั่งข้าง ๆ พริษฐ์จึงพูดต่อ

“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ล่วงเกินคุณ...ถ้าคุณไม่ยินยอมผมจะไม่ทำมันเด็ดขาด”

“ตื่นมาอย่ามาบ่นปวดไหล่ก็แล้วกัน” พูดจบก็หย่อนตัวลงเอนตัวไปพิงไหล่กว้างของเขาตามคำเชื้อเชิญ ใช้เวลาไม่นานคนที่ง่วงนอนมาก ๆ ก็หลับไป ส่วนคนที่ถูกพิงก็คอยมองคนที่หลับพิงตัวเองอยู่อย่างยิ้ม ๆ

ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้บอกเวลาตีสามครึ่ง ซึ่งหากนับเวลาตั้งแต่ที่เธอนั่งพิงไหล่กว้างของเขาก็เกือบสี่ชั่วโมงได้ ชายหนุ่มร่างสูงค่อย ๆ ประคองศีรษะเล็ก ๆ ของเธอให้ล้มตัวลงนอนบนเตียงสบาย ๆ ส่วนเขาหลังจากจัดท่านอนให้เธอเสร็จแล้ว ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียงเพื่อที่จะพักผ่อนบ้าง

แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านมา ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวขึ้น ก่อนจะรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไหลย้อนเข้ามาในหัว ดวงตากลมสวยหันมองไปรอบ ๆ ทันที เพราะเธอจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนพิงไหล่เขาจนหลับไป แต่พอมองไปยังที่นอนข้าง ๆ มันกลับว่างเปล่า ไร้เงาของเขาอย่างที่คิด

“หายไปไหนนะ...ช่างเขาสิ เขาจะหายไปไหนก็ช่างเขา แกจะไปสนใจทำไมยัยแพร” เมื่อคิดได้แบบนั้นลงจากเตียงเพื่อเตรียมตัวไปทำงานทันที เพราะเบื่อที่จะใช้ชีวิตนั่งกินนอนกินไปวัน ๆ เหมือนตอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอจึงขอพ่อกลับไปทำงานตามเดิมถ้าเกิดว่าเธอหายดี แม้ว่าพ่อจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตาม

และวันนี้ก็เป็นการเริ่มงานวันแรก หลังจากที่ไม่ได้ทำมาสามปี ซึ่งการเริ่มงานวันแรกแน่นอนว่าเธอไม่อยากไปสาย แม้เธอจะเป็นลูกเจ้าของบริษัทก็ตาม

“คุณ” แต่ทันทีที่ขยับตัวลงเตียงก็ร้องตกใจเบา ๆ เมื่อเห็นใครบางคนนอนอยู่ที่พื้น ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เขา ที่ใคร ๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือสามีของเธอ...

“จะว่าไปตอนหลับคุณก็หน้าตาดีเหมือนกันแหะ” จากที่ตั้งใจจะเข้าไปปลุก แต่พอเห็นว่าเขากำลังหลับสบายจึงยั้งมือไว้เพียงเท่านั้น สายตากลับไม่ยอมหยุดด้วยเมื่อมันเผลอมองเข้าที่หน้าหล่อ ๆ ของเขา จริง ๆ เขาไม่ได้หน้าตาดีแค่ตอนหลับ ตอนตื่นเขาก็หน้าตาดีมาก ๆ อย่างกับว่าเขาหลุดมาจากเทพนิยายทั้งผิวทั้งหุ่น ทั้งโครงหน้ามันดีไปหมดจริง ๆ เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะหาสามีได้หน้าตาดีและหุ่นเพอร์เฟคขนาดนี้

“เลิกคิดอะไรบ้า ๆ นะยัยแพร เขาไม่ใช่สามีของแกสักหน่อย ท่องเอาไว้ว่าเขาไม่ใช่สามีของแก เขาไม่ใช่...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel