4 ไม่ใช่
หลังจากวันนั้นพริษฐ์ก็ไม่ได้มาปรากฏตัวให้แพรลดาเห็นอีกเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้มาเยี่ยมหาเธอ เพียงแต่เวลาที่เขามาเธอหลับไปแล้วเท่านั้น ส่วนคนที่ขออยู่กับตัวเอง ขอคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ เธอได้เวลาคิดอย่างเต็มที่ คิดจนได้คำตอบแล้ว ว่าเธอจะขอห่างกับเขาสักพัก แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย…
“คุณพ่อว่าไงนะคะ” เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นในทันที เมื่อผู้เป็นพ่อพูดบางอย่างขึ้นมา บางอย่างที่ทำให้เธอตกใจ
“คุณย้ายมาอยู่กับผมหลังจากที่เราแต่งงานกัน เพราะงั้นของส่วนใหญ่ของคุณอยู่ที่บ้านของผม...ห้องของเรา...เพราะงั้นวันนี้คุณต้องกลับกับผม” เป็นพริษฐ์ที่พูดตอบแทนพ่อตา ดวงตาคมเหลือบมองคนตัวเล็กที่นั่งหน้างออยู่บนเตียงคนไข้เล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“หรือถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะกลับบ้านไปกับผม เราไปอยู่บ้านของคุณพ่อกันก่อนก็ได้”
“ช่วงนี้คงไม่ได้ พ่อต้องไปดูงานที่สิงคโปร์ ถ้าพ่อไปดูงานแล้วแพรจะอยู่กับใคร ไปอยู่บ้านกับพี่เขาน่ะดีแล้ว เป็นสามีภรรยากันก็ต้องอยู่ด้วยกัน แยกกันอยู่มันดูไม่ดี”
“แต่แพรไม่ได้เป็นภรรยาเขานี่คะ” คนตัวเล็กพูดค้านขึ้นมาทันที ก่อนจะต้องหน้างอมากขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินประโยคถัดมาที่พ่อพูด
“ทะเบียนสมรสก็จดแล้ว แหวนก็มี งานแต่งก็จัดไปแล้ว ได้ยินแบบนี้ถ้าพ่อเป็นพี่เขาพ่อคงเสียใจแย่”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูด ดวงตากลมสวยมองไปทางสามีที่ตัวเองไม่อยากยอมรับครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“เขาก็ดูปกติดีนี่คะ” ก็เธอเห็นว่าเขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ นี่นา ในวันที่เธอใกล้ออกจากโรงพยาบาลเขากลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง จากที่หายไปนาน เขาดูปกติดีทุกอย่าง สีหน้ายังเรียบเฉยไม่ว่าเธอจะพูดไล่ พูดจาไม่ดีใส่เขายังไง เขายังยิ้มให้เธอเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเขาไปลื่นล้มหัวกระทบมาหรือยังไงกัน โดนพูดจาไม่ดีใส่ไปหลายครั้งยังจะยิ้มได้อยู่อีก
“ลูกแพร”
“ขาคุณพ่อ คุณพ่อเรียกแพร คุณพ่อจะพาแพรไปสิงคโปร์ด้วยใช่ไหมคะ” ดวงตากลมสวยมองผู้เป็นพ่อตาปริบ ๆ ด้วยความหวังอันแรงกล้าว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะพาตนไปด้วย ส่วนผู้เป็นพ่อเมื่อเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้น
“ภายนอกพี่เขาอาจจะดูปกติ แต่ใครจะไปรู้ว่าข้างในใจพี่เขาว่ามันบอบช้ำแค่ไหน”
“แล้วทำไมแพรต้องสนใจด้วยล่ะคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” คนไม่ยอมรับก็ยังคงไม่ยอมรับอยู่วันยังค่ำ ส่วนคนที่ถูกปฏิเสธทำเพียงกระตุกยิ้มมุมปากเท่านั้น ก่อนจะพูดขึ้น เมื่อเห็นพ่อตาทำท่าจะพูดขึ้นอีก
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไร”
“ส่วนเรื่องที่นอน เดี๋ยวผมไปบ้านคุณพ่อด้วยก็ได้ครับ ถ้าน้องไม่อยากไปกับผม ตอนนี้น้องคงยังปรับตัวไม่ได้”
“ที่ไหนมีน้อง ผมอยู่ได้ทั้งนั้นครับ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วง” นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกพลิกดูเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“แถมตอนนี้ยังใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่องของคุณพ่อแล้วด้วย ผมว่าเรารีบไปกันเถอะครับเผื่อรถติด”
“พ่อฝากน้องด้วยนะ แพรเองก็อย่าดื้อกับพี่เขาให้มากเข้าใจไหมลูก” เสียงทุ้มเอ่ยบอกลูกเขยและลูกสาว ในขณะที่ทั้งสองเดินมาส่งตนขึ้นเครื่อง
“ดื้ออะไรกันคะ แพรไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วสักหน่อย” คนถูกหาว่าดื้อหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที ก่อนจะงอขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มข้าง ๆ พูด
“ไม่ต้องห่วงครับคุณพ่อ ผมจะคอยปราบเด็กดื้อให้เอง”
“นี่!”
“เอาล่ะ ๆ อย่าทะเลาะกันเลย” เห็นลูกสาวทะเลาะกับลูกเขย วสันต์ก็ได้แต่ส่ายหัว ก่อนจะกอดลากับลูกสาวแล้วเดินเข้าเกตไป
“เดี๋ยวคุณพ่อก็กลับมา” เสียงทุ้มเอ่ยบอกหญิงสาวข้างกายที่ยืนน้ำตาคลอมองผู้เป็นพ่อเดินหายเข้าไปในเกต
“รู้แล้วน่า ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะมาร้องตามพ่อซักหน่อย”
“หึ”
“หัวเราะอะไรของคุณ”
“นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ผมว่าเราไปหาอะไรทานกันก่อนกลับบ้านดีกว่า” แทนที่จะตอบคำถามพริษฐ์กลับถามขึ้นมาแทน หลังจากที่พลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลา
“คุณหิวก็ไปไปคนเดียวสิ ฉันอยากกลับบ้าน”คนตัวเล็กว่าขึ้น ก่อนจะเชิดหน้าเดินหนีไป
“งั้นคุณช่วยนั่งทานเป็นเพื่อนผมได้รึเปล่า” เสียงที่ดังตามหลังมาทำให้แพรลดาหันกลับไปมองเล็กน้อย ก่อนจะพูดตอบอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณอยากกิน เดี๋ยวฉันโบกแท็กซี่กลับบ้านเองก็ได้” ว่าจบก็เดินเร็ว ๆ เพื่อออกไปด้านนอกเตรียมโบกรถอย่างที่พูดทันที แต่มีหรือว่าชายหนุ่มจะยอม
“โอเค งั้นกลับบ้านกัน” แน่นอนว่าคนที่ขายาวกว่าเดินไม่กี่อึดใจก็มาอยู่ข้าง ๆ เธอแล้ว แต่เมื่อเธอไม่สนใจ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาโบกแท็กซี่เขาจึงพูดต่อ
“จะโบกแท็กซี่กลับ คุณมีเงิน?”
“เงินหรอทำไมฉันจะไม่มี...” ลูกคุณหนูที่มีเงินใช้ไม่เคยขาดมือพูดขึ้น ก่อนจะต้องหยุดไปเมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เธอมีแต่ตัว กระเป๋าตังและทุก ๆ อย่างล้วนอยู่ในรถเขาทั้งหมด
“หึ”
“ไปครับ กลับบ้านกับพี่”
“ก็เดินนำไปสิ” สุดท้ายก็ต้องยอมในที่สุด เมื่อไม่มีทางเลือก แต่แน่นอนว่าระหว่างทางมาบ้าน เธอนั่งกอดอกหน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จาอะไรเลยกับเขาตลอดทาง และทันทีที่รถเข้าจอดเธอก็เปิดประตูลงโดยไม่สนใจสารถีหนุ่มที่พ่วงสถานะสามีด้วยเช่นกัน
“คุณหนูของป้ากลับมาแล้ว”
“ป้าส้มมมม” ได้เห็นหน้าแม่นมคนโปรดแพรลดาก็รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดทันที พร้อมกับทำหน้าอ้อนสุดฤทธิ์
“คิดถึงป้าส้มจังเลยค่ะ”
“แต่เราพึ่งเจอกันไปเมื่อวันก่อนเองนะคะคุณหนู” หญิงวัยกลางคนว่าอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะมีเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคนดังเข้ามา
“หัวเราะอะไร” และทันทีที่ได้ยิน แพรลดาก็หันมองตามเสียงทันที โดยที่แขนนั้นยังกอดเอวของแม่นมไว้หลวม ๆ
คนถูกถามเพียงยักไหล่เท่านั้น ก่อนจะพูดทักทายแม่นมของหญิงสาว พร้อมกับขอตัวเอาของขึ้นไปเก็บ
“ทะเลาะอะไรกันอีกคะ หืม” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ได้ทะเลาะค่ะ ก็เขาทำตัวไม่น่ารักก่อน”
“ทำตัวไม่น่ารัก?” ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนขึ้นเครื่องหมายคำถามทันที
“เขาหาว่าแพรเด็กค่ะ แล้วเขาก็ชอบหัวเราะแพรด้วย”
“แพรจะยี่สิบเจ็ดแล้ว ไม่เด็กซักหน่อย”
“ใช่ค่ะ คุณหนูของป้าไม่เด็กแล้ว แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว”
“ไม่ใช่ค่ะ เขาไม่ใช่สามีแพร” ทันทีที่ได้ยินคำพูดไม่เข้าหู จากที่กอดอย่างอ้อน ๆ ก็รีบผละออกทันที พร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ปั้นบึ้ง
“ทำไมคุณหนูพูดแบบนั้นละคะ คุณควินได้ยินเข้า คงเสียใจแย่”
“ใคร ๆ ก็เข้าข้างแต่เขา ทั้งคุณพ่อ ทั้งป้าส้ม ไม่มีใครเข้าข้างแพรบ้างเลย แบบนี้แพรก็เสียใจเหมือนกันนะคะ...” ยังไม่ทันจะพูดระบายความในใจจบ หางตาก็เหลือบไปเห็นเขาคนที่ตัวเองกำลังพูดถึงอยู่ เดินขึ้นไปบนบ้าน ในตอนแรกก็ไม่นึกเอะใจอะไร แต่พอเขาเดินเลี้ยวไปฝั่งห้องนอนเธอ ก็รีบถามคนตรงหน้าทันที
“นั่นเขาจะไปไหนหรอคะ”
“เขา ? เขาไหนหรอคะ” คนที่อยู่ ๆ ก็ถูกถาม จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ก่อนจะถึงบางอ้อ เมื่อหันไปมองตามหญิงสาวตรงหน้า
“เมื่อกี้บอกว่าจะเอาของไปเก็บ คงจะเอาของไปเก็บที่ห้องล่ะมั้งคะ”
“ที่ห้อง...ห้องไหนหรอคะ...อย่าบอกนะคะว่า...”
“ก็ห้องนอนของคุณหนูไงคะ คุณหนูก็ถามป้าแปลก ๆ”
“เขานอนห้องเดียวกับแพรหรอคะ”
“แต่งงานกันแล้วก็นอนห้องเดียวกัน ก็ถูกแล้วนี่คะ”
“ไม่ถูกค่ะ เขาไม่ใช่สามีแพร เรายังไม่ได้แต่งงานกัน” เสียงเล็ก ๆ ว่าขึ้นอย่างหนักแน่น จนคนฟังอ่อนใจ
“คุณหนู....”
“แพรขอตัวก่อนนะคะ ฝากป้าส้มให้คนไปเตรียมห้องรับแขกให้แพรด้วยหนึ่งห้องค่ะ” ว่าจบก็เดินเร็ว ๆ ตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปในทันที ทิ้งให้คนแก่ได้แต่มองตามอย่างหนักใจ
