24 อ้อน
“แกรีบจัดการให้เรียบร้อยเลยนะไอเช ก่อนที่แม่จะรู้แล้วเป็นคนจัดการเอง”
“ถึงตอนนั้นกูก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้”
“ไม่เห็นต้องรีบ”
“สักวันเถอะมึงจะเสียเขาไปไม่รู้ตัว”
“หึ ผมไม่ยอมให้มีวันนั้นแน่”
“หึ กูจะรอดู”
“แล้วมึงก็อย่าทำให้แม่หงุดหงิด แล้วบุกมาถึงคอนโดกูเหมือนวันนี้แล้วกัน”
“เป็นห่วงเมีย?”
“กูมีคนให้รักให้ห่วง ไม่ใช่ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไปทั่วแบบมึง”
“เขาเรียกบริหารเสน่ห์”
“วันไหนคิดจริงจังขึ้นมาแล้วมึงจะรู้สึก”
“แค่นี้ กูจะไปหาเมีย”
“หายไปไหนของเค้านะ” คนตัวเล็กที่ตื่นมาได้สักพักแล้วเดินหาคนตัวสูงไปทั่วห้อง เธอหิวจนหายหิวก็ยังหาเขาไม่เจอ
“หรือจะพาเรามาทิ้งไว้ แล้วก็หนีกลับไป”
“ไม่หรอกน่า พี่ควินไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น”
“แต่ถ้ามีงานด่วนล่ะ” หัวสมองน้อย ๆ ตีรวนกันไปหมด ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาริมกระจกอย่างอ่อนใจ เมื่อเดินหาเขาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอเขา
“ตื่นแล้วหรอครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้น ทำให้แพรลดาหันขวับไปมองในทันทีทันใด
“หายไปไหนมาคะ แพรเดินหาจนทั่วห้องแล้วก็ไม่เห็นพี่ควินเลย”
“ผมออกไปสั่งข้าวมาน่ะ” ว่าแล้วก็ชูถาดอาหารที่ตัวเองถืออยู่ขึ้น
“หิวแล้วยังครับ” เขาถามพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ ส่วนคนที่ถูกถามนั้นพยักหน้ารับหงึก ๆ อย่างน่ารัก
“น่ากินจังเลยค่ะ น่ากินกว่าตอนที่แพรมาคนเดียวอีก”
“หืม?” คิ้วหนาเลิกขึ้นน้อย ๆ เป็นเชิงถาม เมื่อได้ยินคนตัวเล็กพูดว่าเคยมาแล้ว
“แพรเคยมากับยัยแก้วน่ะค่ะ เมื่อนานมาแล้ว นานมาก ๆ” เธออธิบาย เธอจำไม่ผิดก็เป็นตอนที่เธอพึ่งจะเรียนจบมัธยมปลายใหม่ ๆ จากที่ตั้งใจจะมาฉลองเรียนจบ กลับกลายเป็นว่ามาเที่ยวปลอบใจเพื่อนรักที่พึ่งถูกแฟนบอกเลิกซะอย่างนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเธอกับเกวลินก็เที่ยวที่นี่อย่างมีความสุข
“ค่อย ๆ ทาน ผมไม่แย่ง”เสียงทุ้มเอ่ยปรามคนที่ตักสปาเกตตี้กินอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีการคีพลุคใด ๆ ทั้งสิ้น
“อ้อแอร์อิวอี่อะ (ก็แพรหิวนี่คะ)” เธอตอบทั้ง ๆ ที่คาบเส้นสปาเกตตี้อยู่
“เลอะหมดแล้ว” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปเช็ดคราบครีมซอสที่ติดอยู่มุมปากให้ ก่อนจะดูดนิ้วตัวเองเบา ๆ
“ทำอะไรคะ”
“ผมแค่อยากชิมดูน่ะว่ามันอร่อยรึเปล่า”
“ชิมแค่นั้นมันจะรู้รสชาติหรอคะ” แม้ว่าจะเขินกับการกระทำของเขา แต่ก็ทำใจกล้าพูดขึ้น
“ครับ?”
“ถ้าจะให้รู้รสชาติต้องทานแบบนี้ค่ะ” ว่าแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นยืน โดยที่มือนั้นถือส้อมที่ม้วนเส้นสปาเกตตี้ไว้อยู่ ร่างบางเดินนวยนาดเข้าไปนั่งบนตักแกร่งอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะยื่นส้อมที่ถืออยู่ป้อนเขา
“เป็นไงบ้างคะ” เมื่อเขายอมทานอย่างว่าง่ายเธอก็พูดถาม โดยที่สายตานั้นจับจ้องไปที่ริมฝีปากหนาของเขาที่ขยับอย่างช้า ๆ ตามจังหวะการเคี้ยวของเขา
“อร่อยครับ”
“งั้นเดี๋ยวแพรป้อนให้อีกดีกว่า” น้ำเสียงสดใสว่าขึ้น เตรียมจะม้วนเส้นมาป้อนเขาอีก
“คุณทานเถอะ ผมทานมาแล้ว”
“หรอคะ” เสียงหวานปนเศร้าว่าขึ้น
“ผมจะนั่งเป็นเพื่อน แต่คุณต้องลงไปนั่งทานดี ๆ ก่อน”
“ไม่เอาค่ะ แพรอยากนั่งแบบนี้ สบายกว่าตั้งเยอะ” เธอต่อรอง นั่นก็ทำมุมปากเขากระตุกทันที
“นั่งทานดี ๆ ดีกว่านะครับ”
“ไม่เอา” ว่าแล้วก็ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะขยับตัวไปหยิบจานสปาเกตตี้มายื่นให้เขาถือไว้
“ถือให้แพรหน่อยค่ะ แพรทานไม่ถนัด” ไม่รู้ว่าเขาจะอนุญาตให้นั่งทานบนตักเขาหรือไม่ แต่เธอก็ตักเตรียมทุกอย่างพร้อมทานแล้ว เพราะจานที่ยื่นให้เขา เขารับมันไปถือแล้ว
“ป้อนด้วยได้ไหมคะ” ทานต่อไปได้สองคำก็พูดอ้อนเขาต่อ
“ไม่ครับ” เสียงนิ่งเรียบปฏิเสธ
“นะคะ” แต่สุดท้ายเขาก็แพ้ลูกอ้อนของเธออยู่ดี มือหนาค่อย ๆ ม้วนสปาเกตตี้ใส่ส้อมอย่างบรรจง คอยป้อนคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตัก เหมือนพ่อป้อนข้าวลูกสาวก็ไม่ปาน จากคนถูกป้อน ต้องมาป้อนเสียเอง จะไม่ทำก็ไม่ได้ แม่คุณเล่นอ้อนเขาเสียขนาดนี้
“ทานข้าวเสร็จแล้วเราไปเดินเล่นริมชายหาดกันได้ไหมคะ”
“มันร้อนอยู่นะ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ โดยที่สายนั้นหันมองไปยังนอกกระจก ให้เธอได้มองตามว่าตอนนี้แดดเปรี้ยงมาแค่ไหน
“งั้นเราจะอยู่ในห้องกันทั้งวันเลยหรอคะ” เพราะทานข้าวเสร็จแล้วทำให้เธอสามารถออดอ้อนเขาได้มากขึ้นกว่าเดิม สองแขนเรียวคล้องต้นคอเขาเอาไว้ ก่อนจะเอนศีรษะซบลงที่อกแกร่งของเขา
“เดินเล่นริมหาดอาจจะไม่เหมาะ ผมว่าเราไปดำน้ำดูปะการังกันน่าจะดีกว่า”
“งั้นก็ได้ค่ะ แต่แพรยังไม่มีชุดพี่ควินต้องพาแพรไปซื้อชุดก่อนนะคะ” หน้าที่เคยซบอกแกร่งเขาอยู่ขยับมามองตาเขา ก่อนจะทำสายตาอ้อน
“ได้สิ”
“ฟอด ขอบคุณนะคะ” หลังจากได้ยินคำตอบตกลงของเขา ก็หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ทันที แม้จะรู้สึกขัดเขินไปบ้าง แต่เธอก็ไม่ได้แคร์ รู้สึกดีมากกว่าอีก
“เอาตัวนี้ค่ะ ตัวนี้ ตัวนี้แล้วก็ตัวนี้ด้วย” เดินเข้ามาก็ชี้บอกพนักงานทันที โดยที่เขานั้นยืนรออยู่ด้านนอก เพราะคุยโทรศัพท์อยู่
“ทั้งหมดหกตัวนะคะ”
“ค่ะ” เมื่อได้ชุดที่ถูกใจแล้ว ก็ยื่นบัตรของเขาให้พนักงานในทันที เมื่อมองของในถุงกระดาษที่ตัวเองถืออยู่ ริมฝีปากบางก็กระตุกยิ้มเบา ๆ กับแผนการในหัวของตัวเอง
“เสร็จแล้วหรอครับ ทำไมเร็วจัง” คนที่พึ่งวางสายแล้วเดินตามเข้ามาในร้านพูดขึ้น ปกติเวลาเธอช็อปปิ้งกับเพื่อนสนิทอย่างเกวลิน เขาเห็นเธอเข้าร้านหนึ่งไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง นี่เขาโทรศัพท์ไม่ถึงสิบห้านาทีเธอก็ซื้อเสร็จแล้ว เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ค่ะ ทำไมหรอคะ”
“ไม่มีอะไรครับ” เขาตอบเธอ ก่อนจะพาเธอเดินไปอีกร้าน เพราะร้านก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้ขายสิ่งที่เขาต้องการ
“จะพาแพรเข้าร้านนี้จริง ๆ หรอคะ เรามาเที่ยวทะเลกันนะคะ ไม่ได้ไปเดินแฟชั่นวีค”
“พอดีคืนนี้คุณโจจะมาคุยงานกับเราที่นี่น่ะ”
“ไหนว่าพรุ่งนี้เย็นไงคะ” เธอท้วง ระหว่างทางมาห้างสรรพสินค้าเขาบอกเธอว่าพรุ่งนี้เย็นจะมีงาน เขาอาจพาเธอเที่ยวได้ไม่เต็มที่ ไหนกลายเป็นว่าเธอถูกแย่งเวลาไปตั้งแต่วันนี้ล่ะ
“ไหวผมจะพามาเที่ยวใหม่ชดเชยนะ”
“หรือไม่งั้นคุณจะเดินเที่ยวก่อนก็ได้ ถ้าผมทำงานเสร็จแล้วจะตามคุณไป” เห็นคนตัวเล็กหน้างอ เขาจึงเสนอข้อเสนอใหม่ แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมามันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มให้
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ควินอยู่ไหนแพรก็อยู่ด้วย พี่ควินทำงานแล้วแพรจะเที่ยวสนุกอยู่คนเดียวได้ยังไงคะ”
“เด็กดี”
“แล้วรักเด็กคนนี้ไหมล่ะคะ”
“หึ”
“อย่าหัวเราะสิคะ ตอบแพรมาก่อน”
“บอกไปแล้ว”
“ตอนไหนคะ แพรไม่เห็นจะจำได้เลย”
“ผมไปดูชุดกันต่อดีกว่า เดี๋ยวถ้าเย็นก่อนคุณไม่ได้ไปดำน้ำ”
“ถ้าไม่อยากให้ช้าพี่ควินก็ตอบแพรมาก่อนสิคะ”
“อื้ม”
“อื้ม มันแปลว่าอะไรคะ” คนตัวเล็กไม่ยอมหยุดง่าย ๆ ถ้าเขาไม่ยอมพูดมันออกมา
“ผมรักคุณ” สุดท้ายเขาก็ยอมพูดมันออกมา แน่นอนว่าหลังจากที่เขาพูดจบคนที่ยืนรอฟังอยู่ก็ยิ้มแป้นทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้เขายืนอยู่พร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้ถามเธอกลับคืนว่า ‘เธอรักเขาบ้างหรือยัง’
“ใกล้เสร็จรึยังคุณ ให้ผมช่วยอะไรไหม” เสียงทุ้มร้องถามเป็นครั้งที่สอง เมื่อเธอหายไปแต่งตัวอยู่นานสองนาน ในตอนแรกเธอบอกเขาว่าอีกสอบนาทีจะเสร็จ ตอนนี้ผ่านไปสิบห้านาทีแล้ว เขายังไม่เป็นเธอออกมาอย่างที่พูด มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าเด็กดื้อของตัวเองจะซุ่มซ่ามแล้วหกล้มหมดสติไป
“จะออกไปแล้วค่ะ” สิ้นเสียงหวานไม่ถึงสองนาที ร่างบางในชุดบิกินี่สิเหลืองสด สวมทับด้วยเสื้อคลุมตาข่ายแขนยาวสีขาวสีขาว ก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“แพรพร้อมแล้วค่ะ ไปกันเลยไหมคะ”
“ไปครับ แต่ว่า...”
“ว่าอะไรคะ”
“...จะทำอะไรคะ” เมื่อเขาไม่ตอบ แล้วอยู่ ๆ ก็ถอดเสื้อ เธอจึงร้องถามทันที เขาคงจะไป...เพราะเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้หรอกใช่ไหม
“ใส่เสื้อผมคลุมไว้ก่อน ไว้ขึ้นเรือแล้วค่อยถอดออก” เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนถูกยื่นให้คนตัวเล็ก ส่วนตัวเขานั้นมีเพียงกางเกงขาสั้นสีขาวสวมอยู่เท่านั้น แน่นอนว่าเมื่อไม่มีเสื้อเชิ้ตอยู่แล้วมันก็เผยให้เห็น แผงอกเปลือยเปล่าที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวกันสวยของเขา
“คะ?”
“กว่าจะเดินไปถึงเรือคนเยอะ ผมหวง” เขาว่าเสียงเรียบ คำสั้น ๆ แต่ทำคนฟังเขินจนหน้าแดงไปกับคำพูดของเขา มันจะไม่เขินมากเลยหากเขาไม่พูดว่าผมหวงอยู่ใกล้หูของเธอ
“คนบ้า”
“หึ ไปกันครับ”
“ไม่รู้จะมองกันทำไมเยอะแยะ” คนตัวเล็กบ่นอุบ เดินออกมาได้ไม่ทันไร ใบหน้าหวานก็เริ่มงอขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีแต่สาว ๆ จับจ้องมาที่คนตัวสูงที่เดินอยู่ข้าง ๆ เธอ ขนาดว่าเธอเดินกอดแขนแสดงความเป็นเจ้าของเขาขนาดนี้ก็ยังมองกันอีก ไม่รู้หรือยังไงว่าเขามีเมียแล้ว ให้ตายสิหงุดหงิดชะมัด ทำไมเขาต้องหล่อขนาดนี้ด้วย ทำให้หุ่นเขาต้องดีขนาดนี้ด้วย คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวง เธอหวงนะ ไม่อยากให้ใครมองเขาเลย เธออยากมองเขาแค่เดียว
พอเป็นแบบนี้ก็เริ่มเข้าใจเขาแล้วว่าทำไมเขาถึงถอดเสื้อเชิ้ตให้เธอใส่
ด้านพริษฐ์เองก็หน้าตึงเช่นกัน เมื่อมีผู้ชายมากหน้าหลายตามองมาที่คนข้าง ๆ เขา จนต้องใช้สายตาพิฆาตคนเหล่านั้นถึงได้เก็บสายตากลับไป ให้ตายเถอะ เขาไม่น่าเสนอพาเธอไปดำน้ำดูปะการังเลย
“ใกล้ถึงรึยังคะ”
“ใกล้ถึงแล้วครับ”
“แต่แพรเดินไม่ไหวแล้ว พี่ควินอุ้มแพรได้ไหมคะ” ว่าแล้วก็ผละมือที่กอดแขนเขาอยู่เปลี่ยนมาคล้องคอเขาไว้แทน อย่างไม่นึกแคร์สายตาหลายคู่ที่มองมาเลยแม้แต่น้อย และยิ่งคำพูดของแก้วลอยเข้ามาเธอก็ยางมั่นใจมากกว่าเดิม “แกแต่งงานกับพี่ควินแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้แกเป็นภรรยาของพี่ควิน”
“เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“แกมีสิทธิ์ในตัวพี่ควิน เขาเป็นผัวแก”
“แกมีสิทธิ์ในตัวพี่ควิน”
“อุ้ม?”
“ค่ะอุ้ม” ว่าแล้วก็ช้อนสายตามองเขาอย่างออดอ้อน และเมื่อเขาตอบรับเธอก็ฉีกยิ้มหวาน ๆ ส่งให้เขาทันที อันที่จริงเธอไม่ได้รู้สึกเมื่อยหรือเหนื่อยเลยสักนิด เดินแค่นี้สบายมากสำหรับเธอ เดินอีกสองกิโลก็ยังไหวถ้าเดินกับเขา แต่ที่เธอต้องให้เขาอุ้มก็เพราะว่าเธอทนไม่ไหวแล้วกับสายตาของสาวเล็กสาวใหญ่ที่มองเขา เธอยอมรับเลยว่าเธอหวงมาก ๆ
แผนการนี้จึงเกิดขึ้น ถ้าเขาอุ้มเธออยู่ แน่นอนว่าตัวของเธอจะบดบังหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวกันสวยของเขาได้ ไม่มากก็น้อย แถมถ้าเขาอุ้มเธออยู่มันคงจะแสดงความเป็นเจ้าของได้มากกว่าเดิม สาวเล็กสาวใหญ่เหล่านั้นคงจะเก็บสายตากลับคืนไปบ้าง
