23 ความจริงที่ถูกปกปิด
เสียงออดหน้าห้องที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังจะเดินเข้าไปหาสามีในครัว ต้องเดินออกไปเปิดประตูอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเขาทำอาหารอยู่ในครัวคงไม่สะดวกออกมาในตอนนี้ เช้าวันหยุดแบบนี้ใครกันนะที่มาหาแต่เช้า คงจะไม่ใช่แม่สามีหรอกใช่ไหม
แต่เหมือนว่าคำขอของเธอไม่เป็นผล เมื่อเปิดประตูแล้วเห็นแม่สามียืนคอเชิดอยู่
“เธอ!”
“สวัสดีค่ะคุณแม่” คนที่งัวเงียอยู่ตื่นขึ้นมาเต็มตาในทันที เมื่อเห็นแม่สามียืนอยู่ตรงหน้า
“ตาควินไปไหน” ละไมหาได้รับไหว้ลูกสะใภ้ เธอเดินชนไหล่บางของแพรลดาเข้ามาอย่างไม่สนใจ
“พี่ควินอยู่ในครัวค่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมกับเดินตามมาติด ๆ เธอเองก็ตั้งใจจะไปหาเขาเหมือนกัน
“มีอะไรก็ไปทำไป ฉันจะไปหาลูกชายฉัน”
“แพรก็จะไปหาสามีแพรเหมือนกันค่ะ” แพรลดาตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ตื่นมาเธอยังไม่ได้อ้อนเขาเลย แม่สามีมารผจญอันดับหนึ่งรองจากแฟนเก่าก็มาป่วนแต่เช้า
“คุณแม่” เสียงพูดคุยกับที่เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้พริษฐ์ที่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่หันไปมองตาม ก่อนจะเห็นผู้เป็นแม่เดินเข้ามา โดยมีแพรลดาเดินตามมาติด ๆ ดูจากสภาพหน้าและผมก็รู้ว่าเธอพึ่งตื่น เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
“ทำอะไรอีกล่ะนั่น ทำกับข้าวให้เมียอีกสินะ”
“แม่ครับ...”
“หยุด แม่รู้ว่าควินจะพูดอะไร ลูกชายแม่ แม่เลี้ยงดูมาอย่างดี แม่ไม่ได้จะให้ควินมาลำบากตอนโตนะ แล้วยิ่งแต่งงานมีเมียไปแล้ว แม่ยิ่งรับไม่ได้”
“ของแบบนี้ใครทำก็เหมือนกันครับแม่ น้องทำไม่เป็นผมก็ทำ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยครับ”
“แล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบากอะไรด้วย” เขาว่าอย่างปกป้อง ก่อนจะโอบไหล่เธอตอบแล้วตบเบา ๆ เมื่อเธอเดินเข้ามาโอบเอวเขาไว้หลวม ๆ อย่างออดอ้อน
“ทำไม่เป็นก็ไม่รู้จักหัดจักเรียน จะให้ผัวทำให้กินไปจนตายเลยหรือยังไง ถ้ามีลูก หลานฉันจะไม่อดตายหรอกหรอ”
“เรื่องนั้นคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พี่ควินสอนแพรทำอาหารอยู่บ่อย ๆ ค่ะ แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย”
“แพรจะพยายามเรียนรู้ คุณแม่ให้เวลาแพรหน่อยนะคะ” เสียงหวานเศร้าพูดขึ้นบาง ในตอนนี้เธอทำให้ตัวเองดูตัวเล็กและน่าสงสาร เหมือนลูกสะใภ้ถูกแม่สามีรังแก มากถึงมากที่สุด
“แล้วแต่งตัวอะไรของเธอ แม่แพร” ละไมเปลี่ยนเรื่องในทันที เพราะดูท่าแล้วหากเล่นงานลูกสะใภ้อย่างแพรลดาในเรื่องนี้ ไม่วายเธอต้องดูเป็นแม่สามีใจร้ายในสายตาของลูกชายแน่
“เสื้อตัวเองไม่มีหรือไง ถึงต้องไปเอาเสื้อลูกชายฉันมาใส่”
“บ้านก็ออกจะร่ำรวย”
“เสื้อตัวนี้หรอคะ” ได้ยินแม่สามีว่าดังนั้น มือที่กอดเอวเขาอยู่ก็ค่อย ๆ คลายออกทันที ก่อนจะเปลี่ยนมาจับเสื้อยืดสีเทาที่ตัวเองสวมอยู่ พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามกลาย ๆ ว่า ‘ตัวนี้ใช่ไหมคะ ที่คุณแม่ถาม’
“ถ้าเป็นตัวนี้แพรไม่ได้เป็นคนเอามาใส่นะคะ พี่ควินเอามาใส่ให้แพรค่ะ”
“พี่ควินกลัวแพรจะหนาวเพราะว่าเมื่อคืน...”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ บัดสีบัดเถลิง ไม่มีความเป็นกุลสตรี”
“แพรขอโทษค่ะ ที่เป็นลูกสะใภ้แบบที่คุณแม่ต้องการไม่ได้” ว่าแล้วก็เกาะแขนเขาแล้วซบหน้าลงกับต้นแขนเขา ส่วนคนโดนซบก็ก้มลงมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับผู้เป็นแม่
“พอเถอะครับคุณแม่ เรื่องเสื้อ ผมเป็นคนเอาให้น้องใส่เองครับ”
“ส่วนเรื่องทำอาหารผมก็เป็นคนทำเอง น้องไม่ได้บังคับอะไรผม”
“เอาเข้าไป ลูกชายคนเล็กก็ซุกผู้หญิง ลูกชายคนโตก็หลงเมียไม่ลืมหูลืมตา”
“ฉันจะเป็นลม”
“มาค่ะแพรช่วย” ว่าแล้วก็เดินไปพยุงเข้าไปพยุงแม่สามี ก่อนจะถูกผลักออก
“ไม่ต้อง ฉันดูแลตัวเองได้”
“แต่แพรนี่สิคะดูแลตัวเองไม่ค่อยได้เลย ต้องรบกวนพี่ควินตลอดเลย” แพรลดาว่าขึ้นให้ได้ยินกันกับแม่สามีสองคน
“คงต้องยืมตัวลูกชายคนแม่ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะค่ะ เพราะคุณแม่ดูแลตัวเองได้ดีขนาดนี้”
“แพรลดา!”
“ขา คุณแม่” เสียงหวานตอบรับ ราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณแม่ทานอะไรมารึยังคะ อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิคะ”
“ไม่ล่ะ ฉันทานมาแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวแพรไปส่งที่หน้าประตูนะคะ” ไม่รอให้แม่สามีได้พูดอะไรต่อ แพรลาดก็ตัดบทสนทนาทันที พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ๆ ส่งให้แม่สามี
“อันที่จริงแพรก็อยากไปส่งคุณแม่ที่รถนะคะ แต่ไปชุดนี้คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่”
“คุณไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณแม่เอง”
“มันจะดีหรอคะ”
“เอาที่ตาควินว่านั่นแหละ ฉันมีเรื่องจะคุยกับตาควินด้วย”
“สรุปแล้วควินจะช่วย น้องปิดแม่ใช่ไหม”
“เรื่องแบบนี้รอให้เจ้าตัวมาพูดเองจะดีกว่าครับ”
“แม่ไม่อยากรอแล้ว ไม่รู้ว่าไปคลุกอยู่กับผู้หญิงที่ไหน มีหัวนอนปลายเท้ารึเปล่าก็ไม่รู้”
“วันหนึ่งหอบลูกมาหาแม่ แบบนี้แม่รับไม่ได้นะ แม่ไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”
“เชมันโตแล้วนะครับ”
“แกสามสิบกว่าแล้วยังไปเลือกแต่งงานกับผู้หญิงมีคดีติดตัวเลย”
“แม่ครับ เราตกลงกันแล้วไงครับ ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้”
“อีกอย่าง นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของแพร มันเป็นอุบัติเหตุ”
“เหอะ”
“แล้วถ้าไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้น ควินคิดหรอว่าคนบ้านนั้นเขาจะยอมยกลูกสาวให้”
“ที่เขายอมยกลูกสาวให้ก็เพราะเขาต้องพึ่งบารมีของพ่อแก เขาแค่ต้องการให้เราปกป้องลูกสาวเขา”
“จะพูดว่าเขาหลอกใช้มันก็คงจะแรงไป”
“ถึงไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้น ผมเชื่อว่าผมสามารถเอาชนะใจคุณอาได้ครับ” เพราะก่อนเกิดเรื่องเขาเข้าหาคุณอามาโดยตลอด เพียงแค่ตอนจะกลับมาสานต่อให้เสร็จนั้น ดันเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน
“แม่อยากจะรู้จริง ๆ ว่าแม่แพรลดานั่นมีอะไรดี ถึงทำให้ลูกยอมทำทุกอย่างเพื่อแม่นั่นขนาดนี้ ทั้งที่มีผู้หญิงตั้งมากมายที่ดีพร้อมกว่าเธอ”
“มีผู้หญิงมากมายที่ขาวสะอาด ไม่มี...”
“แม่ครับ” เมื่อรู้ว่าผู้เป็นแม่จะพูดอะไร พริษฐ์ก็พูดห้ามในทันที ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่กันแค่สองคน แต่เขาก็ไม่อยากให้แม่พูดถึงมัน เรื่องนี้ยิ่งคนรู้น้อยมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดีต่อตัวเธอมากที่สุด
“เอาเถอะ ส่งแม่แค่นี้ก็พอ” เมื่อไม่สามารถคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชายคนโตได้ว่าลูกชายคนเล็กนั้นแอบซุกผู้หญิงไว้ที่ไหน ละไมก็พูดลาลูกชายทันที แม้ว่าจะอยากอยู่กับลูกต่ออีกหน่อยก็ตาม แต่ถ้าอยู่ต่อไม่วายเธอได้มีปากมีเสียงกับลูกสะใภ้อย่างแพรลดาไม่หยุดแน่
“เดินทางปลอดภัยครับ”
ด้านคนที่ถูกไล่ให้ไปอาบน้ำนั้น พออาบน้ำเสร็จก็ทำตัวเป็นเด็กดีตักข้าวต้มที่เขาทำเสร็จแล้วใส่ถ้วย ตั้งใจจะนำไปวางไว้ที่โต๊ะ เพื่อที่จะได้ทานกัน แต่ไม่รู้ว่าเธอซุ่มซ่ามหรือไม่ระวังหรืออย่างไร ถ้วยข้าวต้มปลาร้อน ๆ ตกลงพื้น
เสียงกระเบื้องที่แตก ทำให้คนที่พึ่งเปิดประตูเข้ามา รีบเดินตามเสียงมาทันที
“พี่ควิน...” เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ดังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าเป็นเขาที่เดินเข้ามา รอเพียงอึดใจเดียวก็เห็นว่าเป็นเขาจริง ๆ อย่างที่คิด
“เกิดอะไรขึ้นครับ” เห็นเธอยืนตัวสั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก พริษฐ์ก็รีบเดินเข้าไปหา ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นนั่งบนเคาท์เตอร์
“แพรแค่อยากจัดโต๊ะอาหารรอพี่ควิน แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้” ว่าพร้อมกับมองไปยังข้าวต้มปลาที่หกเลอะอยู่เต็มพื้น
“ข้าวต้มลวกคุณหรือเปล่า ถ้วยกระเบื้องล่ะ แตกกระเด็นมาบาดคุณไหม” เขาหาได้สนใจข้าวต้มที่หกไม่ ในตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจคือความปลอดภัยของเธอ ดวงตาคมมองสำรวจคนตรงหน้าทันที เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บอะไร เขาก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
ส่วนคนที่ถูกเป็นห่วงนั้นก็มองเขาด้วยแววตาไหวสั่น ทำไมนะ ทำไมเขาถึงแสนดีกับเธอมากขนาดนี้ แสนดีกับเธอโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ไม่คิดจะเอาเปรียบเธอเลย แม้ว่าเขาจะมีโอกาสก็ตาม เหมือนกับว่าเขาทำมันด้วยความรัก ถึงเธอไม่รักตอบเขาก็ยังจะทำมันเหมือนเดิม
“แพรไม่เป็นไรค่ะ”
“งั้นเช้านี้เราออกไปทานข้าวข้างนอกกัน”
“รอหน่อยนะ ผมขอไปอาบน้ำก่อน” เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ เขาจึงพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันจะเดินไปไหน คนตัวเล็กก็ชูแขนมาข้างหน้า มองเขาอย่างอ้อน ๆ
“แพรไปด้วยค่ะ”
“แพรไม่อยากนั่งอยู่ในครัวคนเดียว”
“จะไปอาบกับผม?”
“แพรขอไปนั่งรอในห้องดีกว่าค่ะ”
“หึ”
“หัวเราะอะไรคะ พูดอย่างกับว่าถ้าแพรขอเข้าไปอาบน้ำด้วย พี่ควินจะให้แพรเข้าไปอาบด้วยอย่างนั้นแหละ”
ได้ยินแบบนั้นพริษฐ์เพียงส่งยิ้มให้ ก่อนที่เขาจะอุ้มเอาคนตัวเล็กเข้าไปในห้องด้วย ส่วนข้าวต้มปลาที่หกก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่บ้าน
“หิวจังเลยค่ะ ใกล้ถึงรึยังคะ” คนตัวเล็กที่นั่งเบาะข้าง ๆ บ่นอุบ เธอนั่งรถมาเกือบจะสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะจอดแวะที่ไหนเลย
“อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึงแล้ว ถ้าง่วงจะเอนเบาะนอนเลยก็ได้ ไว้ถึงแล้วพี่จะปลุก”
“ถ้าอีกไม่นานทำไมให้แพรเอนเบาะนอนก่อนล่ะคะ พี่ควินจะพาแพรไปไหนกันแน่”
“เดี๋ยวถึงก็รู้เองครับ”
“ชิห์”
คนที่บอกว่าไม่นอนจะนั่งเป็นเพื่อนเขาขับรถ ผ่านไปไม่นานก็หลับคอพับ จนเขาต้องจอดรถเพื่อจัดท่านอนปรับเบาะให้พร้อมกับหยิบเอาผ้าห่มมาห่มให้เพื่อให้เธอได้นอนหลับสาย ดวงตาคมทอดมองคนตัวเล็กที่นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม สายตาเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น มือหนายื่นมาสัมผัสที่ศีรษะน้อย ๆ ของเธออย่างอ่อนโยน
ความรักที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมานานเกือบสิบปี ในตอนนี้มันเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นทุกทีแล้ว แต่ทว่ามันก็เสี่ยงที่จะกลับไปจุดเริ่มต้นอีกครั้งเช่นกัน หากเธอกลับมาจำทุกอย่างได้ หากเธอรู้ว่าความจริง...
“หาว ถึงแล้วหรอคะ” เสียงงัวเงียดังขึ้น เมื่อเสียงคลื่นกระทบชายหาดที่ดังคลออยู่ที่ให้คนที่นอนหลับสบายค่อย ๆ ได้สติ แต่ดูเหมือนว่าสติเธอจะมาช้าไปหน่อย เพราะลืมตาขึ้นมาอีกทีเธอก็ไม่ได้อยู่บนรถแล้ว หันมองรอบ ๆ ก็พบว่ามันรอบตัวนั้นเป็นกระจก มองเลยออกไปก็เป็นทะเลน้ำสีครามใสไกลสุดลูกหูลูกตา
“อ้ะ ไม่ได้ฝันไปจริง ๆ ด้วย” หลังจากที่ลองใช้มือหยิกแขนตัวเองเบา ๆ แล้ว ก็พบว่าภาพตรงหน้าเป็นความจริง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเกิดความสับสนอยู่ในใจ เมื่อสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันคุ้นตาเหลือเกิน เหมือนเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน และมันก็พึ่งผ่านมาได้ไม่นาน
“เดี๋ยวนะ...”
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ มีอะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ทำหน้ายุ่งอยู่บนเตียง ส่วนเขานั้นพึ่งกลับออกมาจากห้องทำงาน
“ก็ยัยแก้วน่ะสิคะ ไปเที่ยวไม่ชวนฉันเลย” ว่าจบก็ชูโทรศัพท์ที่เพื่อนสาวส่งมาให้เขาดู
“คุณอยากไป”
“ค่ะอยากไปมาก ๆ ”
“ดูสิทะเลสวยมาก แล้วห้องที่ยัยแก้วอยู่ก็วิวดีสุด ๆ” ว่าแล้วก็เลื่อนให้เขาดูอีกหลาย ๆ รูป
“ไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไรถึงได้พักห้องนั้น ตอนฉันไปครั้งก่อน ฉันยังได้พักอีกโซนเลย โซนนั้นน่ะจองอยากสุด ๆ มีเงินอย่างเดียวก็จองไม่ได้”
“หึ หรอครับ” มุมปากหนากระตุกยิ้มน้อย ๆ
