20 จูบแรก
“ผมมีคนในใจอยู่แล้ว”
“คนในใจ?”
“ก็คนตรงหน้าผมไงล่ะ หึ”
สิ่งที่พริษฐ์พูดเมื่อครู่ทำให้แพรลดาไม่มีสมาธิทำงานเลยแม้แต่น้อย เอกสารถูกเปิดทิ้งไว้อยู่หน้าเดิมเกือบสิบนาทีแล้ว มันก็ยังไม่ถูกเปิดหน้าไหน จนพริษฐ์ที่นั่งทำงานแล้วคอยแอบมองบ่อย ๆ ต้องร้องถาม
“โอเครึเปล่า”
“...”
แต่ก็ยังไร้เสียงตอบรับ ทำให้เขาตัดสินใจเดินเข้ามาเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังเธอแล้ว เธอก็ยังไม่รู้ตัว
“มีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ”
“คุณ...” เสียงที่ดังอยู่ข้าง ๆ หู ทำให้เธอได้สติในทันที ก่อนจะหันหน้าไปตามที่มาของเสียง ก่อนที่จมูกรั้นจะสัมผัสกับแก้มสากของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“ผมถามว่าเอกสารมีตรงไหนไม่เข้าใจรึเปล่า” คนถูกหอมแก้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำไม่รู้ไม่ชี้ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งเขายังหยิบเอาเอกสารที่เธอเปิดทิ้งไว้ขึ้นมาอ่านอีก
“นี่เป็นเอกสารที่คุณให้ฉันมาวันก่อน”
ได้ยินแบบนั้นเขาก็พยักหน้ารับ โดยที่สายตายังกวาดอ่านเอกสารที่ถืออยู่ ใบหน้าคมเริ่มเรียบตึง เมื่อพบถึงความผิดปกติ
“ช่วยเปิดเอกสารที่ผมพึ่งให้คุณไปให้ผมที”
“เอ่อ...ฉันยังไม่ได้หยิบมาจากโต๊ะคุณค่ะ” น้ำเสียงอ้อมแอ้มเอ่ยตอบ เธอไม่ได้หยิบมันมาเพราะเธอตั้งใจว่าถ้าเธออ่านอันนี้เสร็จแล้วส่งเขาคืนเธอจะหยิบอันใหม่มา เธอไม่ชอบเวลาที่มีเอกสารกองอยู่เต็มโต๊ะ เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนงานจะหล่นทับเธอและมันก็ไม่มีทางที่จะเสร็จ ไม่เหมือนเขา ไม่ว่าจะกองสูงแค่ไหน เขาก็ใช้เวลาในการจัดการไม่นาน
“เดี๋ยวฉันไปหยิบให้นะคะ”
“ไม่ต้อง” ว่าจบก็เดินกลับไปยังโต๊ะตัวเองทั้งที่มือยังถือเอกสารอยู่ ก่อนจะหันไปพูดกับคนตัวเล็กที่นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“ช่วยอะไรผมหน่อยได้รึเปล่า”
“จะให้ฉันช่วยอะไรหรอ” ได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินไปหาเขาทันที อยากคนกระตือรือร้นอยากเรียนรู้งาน อีกทั้งเรื่องที่เกิดปัญหาอยู่มันก็เป็นเรื่องที่เธอสนใจตั้งแต่แรกด้วย
“เทียบจากตรงนี้ ตรงนี้” แฟ้มเอกสารทั้งสามเล่มถูกกางออกพร้อมกับ ก่อนที่สายตาคมกวาดไปพร้อมกับเพื่อเปรียบ โดยมีดวงตากลมสวยกวาดดูด้วยเช่นกัน มือหนาค่อย ๆ กำเข้าหากันอย่างลืมตัว
“นะ นี่มัน...”
“ใช่” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยตอบ โดยที่สายตาเขายังจ้องอยู่กับเอกสารทั้งสามเล่มไม่ละไปไหน ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติเมื่อต้องหันไปคุยกับข้าง ๆ
“คุณโอเครึเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามเขาด้วยความเป็นห่วง หัวใจดวงน้อยไม่ได้ที่จะไหวสั่น เมื่อกี้นี้เธอยังแอบเห็นอยู่เลยว่าแววตาเขาดูน่ากลัวมาก ๆ แต่พอเขาหันมาหาเธอ มันกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ไม่มีสิ่งที่เธอเห็นเมื่อครู่เลย
“ผมโอเค”
“แล้วคุณจะเอายังไงต่อ”
“ก็ทำเหมือนเดิม”
“คะ?”
“จำที่ผมบอกได้รึเปล่า”
“มะ หมายความว่า พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรอคะ”
“อื้ม”
“แล้วแบบนี้...แสดงว่าคุณ...” เสียงหวานขาดหายไปในทันทีเมื่อเห็นเขาพยักหน้าตอบ ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เขารู้ทั้งรู้ รู้อยู่แก่ใจ แต่เขาก็ยังใจเย็นได้อยู่อีก ทั้งที่เขาสามารถจัดการคนเหล่านั้นได้เลย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าเขายอมรอเวลา เหมือนกับที่พ่อเธอพูดไว้ไม่มีผิด ว่าเขาทั้งเก่ง ฉลาด มีความสามารถ
นั่นสิเนอะ ไม่งั้นเขาจะประจบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยได้ยังไง
“คุณกลัวรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่กลัวถ้ามีคุณอยู่ด้วย” เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาถามก็เข้าใจในทันทีว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร ก่อนจะเผลอตอบไปตามความรู้สึก
“ผมเองก็จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรคุณเหมือนกัน” เพื่อปกป้องเธอ ไม่ว่าอะไรเขาก็ทำได้ทั้งนั้น แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ผิด...
หลังจากทำงานเสร็จแล้วก็เป็นเหมือนอย่างเคยที่สองสามีภรรยาจะหาอะไรทานกัน หรือไม่ก็ซื้อของเพื่อไปทำกินที่ห้อง ทานอาหารเย็นเสร็จแล้วพริษฐ์ก็แยกตัวไปทำงาน ส่วนแพรลดานั้นก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทอย่างแก้ว
“สรุปแกจะบอกฉันได้ยังว่าแฟนเก่าที่แกพูดถึงใช่คนตอนมัธยมปลายรึเปล่า หรือคนที่แกคบตอนที่ฉันนอนเป็นพักอยู่โรงพยาบาล” เสียงหวานกรอกไปตามสาย วันนี้แก้วโทรมาหาและเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับแฟนเก่าที่ตอนนี้กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง
แต่เธอก็ไม่รู้ว่าแฟนเก่าที่เพื่อนพูดถึงเป็นใคร เพราะเพื่อนเธอนั้นเคยมีแฟนมาแล้วถึงสามคน คนแรกตอนมัธยมปลาย คนที่สองตอนมหาลัย คนที่สามตอนที่เธอนอนเป็นผักอยู่ แต่คนที่ฝังใจสุด ๆ เหมือนจะเป็นคนแรก
“ตอนนี้ฉันยังบอกแกไม่ได้ว่าเป็นคนไหน”
“แต่แกต้องช่วยฉันคิดนะว่าฉันจะเอายังไงต่อ ฉันไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้”
“ทั้งที่เขาเป็นคนทิ้งฉันไป แต่เขาก็กลับมา ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางทีเขาก็เหมือนต้องการให้เรากลับมาคบกัน บางทีเขาก็เหมือนไม่ได้คิดอะไร”
“ฉันไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้เลยยัยแพร ฉันอึดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว แล้วยิ่งต้องเห็นหน้ากันทุกวันอีก”
“แกก็ลาออกแล้วกลับไปช่วยที่บ้านแกสิ ป๊าม๊าแกคงดีใจมาก ๆ”
“ยัยแพร แกก็รู้ว่าฉันทำแบบนั้นไม่ได้”
“งั้นแกชอบเขารึเปล่า แกตอบฉันมาแค่นี้”
“ฉันไม่รู้...”
“ชิห์ ตอนฉันมานั่งเป็นโค้ช ตอนนี้ลงสนามเองแล้วทำตัวไม่ถูกเลยหรอคะ” ว่าแล้วก็หัวเราะน้อย ๆ อย่างล้อเลียน
“นี่อย่ามาล้อกันนะ ของฉันกับของแกมันไม่เหมือนกันย้ะ”
“พี่ควินเขาชัดเจนว่าเขาชอบแก ส่วนฉัน...”
“ถ้าเขาไม่ชัดเจนแกก็พิสูจน์สิ”
“พิสูจน์?”
“ก็ทำเหมือนที่แกบอกฉันไง ยัยเพื่อนบ้า” ได้ทีก็ว่าคืนในทันที เพราะตอนนั้นที่เธอขอคำปรึกษา เธอก็ถูกว่าเหมือนกัน
“แล้วจะให้ฉันทำแบบไหนล่ะ”
“ก็...” หลังจากนั้นก็เริ่มพูดบอกเพื่อนทันที โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนนั้นบังเอิญเดินเข้าห้องมา แล้วได้ยินสิ่งที่กำลังพูดบอกเพื่อน มุมปากหนากระตุกน้อย ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบางอย่าง
“แกจะให้ฉันลองเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นแล้วดูว่าเขาจะหึงฉันไหมงั้นหรอ”
“ใช่”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น...ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เขาทำอยู่มันเรียกว่าหึงรึเปล่า”
“หมายความว่าไง”
“ไม่รู้สิ...” ยังไม่ทันจะพูดจบเสียงกดออดก็ดังเข้ามาในสาย
“มีคนมา งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
ติ้ด
“เดี๋ยวสิ..ยัยเพื่อนบ้า”
“นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป เห็นฉันเป็นตัวอะไรเนี่ย” เสียงเล็ก ๆ บ่นอุบให้กับเพื่อนสาวที่พึ่งวางสายโทรศัพท์ตัวเองไป ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นเขาที่กำลังเดินเข้ามาหา
“คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วหรอ”
“ค่ะ”
“แล้วคุณทำงานเสร็จแล้วหรอ”
“อื้ม”
“เราเข้านอนกันเลยไหมคะ ฉันเริ่มง่วงแล้ว” ว่าพร้อมกับเดินนำเขาไปยังห้องนอน ไม่รู้ว่าเขากลับมาพูดกับเธอปกติตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอชอบมาก ๆ เวลาที่เขาเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เอาแต่เงียบกับเธอเหมือนช่วงหลายวันที่ผ่านมา
“ไหนคุณบอกว่าง่วงแล้ว” พริษฐ์ว่าขึ้น เมื่อขึ้นเตียงมานอนแล้วเธอไม่ได้นอนอย่างที่ว่า ซ้ำยังบอกให้เขาเล่าเรื่องเธอให้ฟังอีก เรื่องที่เธอและเขามีความทรงจำร่วมกันแล้วเธอจำมันไม่ได้
“เล่าให้ฉันฟังหน่อยนะ...” เมื่อเขาเงียบเธอจึงพูดต่อ
“เรื่องจูบแรกของเราก็ได้ นะนะ ฉันอยากรู้...ถ้ารอให้ฉันจำได้ฉันกลัวว่ามันจะไม่มีวันนั้น...” น้ำเสียงค่อย ๆ ขาดหายไป ทุกครั้งที่เธอพยายามนึก พยายามระลึกถึงความทรงจำที่มีร่วมกับเขาเธอไม่สามารถจำอะไรได้เลย แต่เธอกลับเห็นภาพความทรงจำที่เลือนรางบางอย่างแทน ความทรงจำที่เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด...
“มีสิ เพราะผมจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง” ว่าพร้อมกับค่อย ๆ มองลึกเข้าไปในดวงตากลมสวยตรงหน้า
“สิ่งที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไป ต่อจากนี้ต่างหากที่สำคัญ” ใบหน้าคมค่อย ๆ เลื่อนเข้าหาเธอเรื่อย ๆ
“ผมไม่สนใจว่าที่ผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง... นับจากนี้ไป นี่เป็นจูบแรกของเรา” ว่าจบปากหนาก็ประทับริมฝีปากนุ่มอมชมพูของคนตรงหน้าทันที แม้ว่าตอนนี้เขาและเธอจะนอนตะแคงข้างอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคเลยแม้แต่น้อย
ริมฝีปากหนาค่อย ๆ บดเบียดริมฝีปากบางของคนตรงหน้าอย่างใจเย็น
“อื้ม” เมื่อเห็นเธอเริ่มคล้อยตามลิ้นร้อนก็รุกล้ำเข้าไปในโพรงปากนุ่มเพื่อควานหาความหวานทันที จูบที่ไม่ประสาแต่หวานของเธอทำให้เขาครางฮืมอย่างพึ่งใจ ลิ้นน้อย ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะขับสู้หรือถอยหนีเพราะขาดประสบการณ์ทำให้เธอรู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ชักนำเธอไป เหมือนเขากำลังสอนให้เธอได้เรียนรู้ว่าการจูบนั้นต้องทำอย่างไร มือบางที่เคยวางทิ้งอยู่ข้างลำตัว ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาคล้องต้นคอของเขาไว้ ก่อนเปลี่ยนมาจิกบ่าของเขาแทน เมื่อความวาบหวามที่เขามอบให้มันเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
จูบที่แสนอ่อนโยนค่อย ๆ แปรเปลี่ยนมาเป็นจูบที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับลมหายใจที่เริ่มหอบถี่เป็นสัญญาณว่าเธอกำลังขาดอากาศหายใจ เห็นแบบนั้นเขาจึงยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
“แฮ่ก ๆ” ใบหน้าสวยแดงก่ำไปด้วยพิษจูบเขา ดวงตาหวานฉ่ำปรือมองเขา
“วันนี้พอเท่านี้ก่อนครับ” มือหนายกขึ้นลูบศีรษะคนตัวเล็กเบา ๆ อย่างอ่อนโยน พร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่นให้
ส่วนคนตัวเล็กนั้นเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ เพราะยังรู้สึกสับสนมึนงงอยู่ ก่อนจะขยับตัวซุกซบอกแกร่งแสนอบอุ่นของเขา ท่อนแขนเรียวโอบกอดเขาอย่างที่ชอบทำ ก่อนที่เขาจะกอดตอบเธอด้วยเช่นกัน
“เด็กดีของพี่”
