19 ภาพบาดตา
ร่างบางที่กระตุกตัวเบา ๆ ทำให้แขนแกร่งโอบกอดเธอให้แน่นขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมอยู่ตรงนี้ คุณแค่ฝันร้าย” เสียงทุ้มเอ่ยวน ๆ ซ้ำ เพื่อปลอบ ใช้เวลาไม่นานคนตัวเล็กในอ้อมกอดก็สงบลง พร้อมกับหยาดตาที่ค่อย ๆ หยุดไหลด้วยเช่นกัน ใบหน้าคมผละออกจากเธอเล็กน้อย ก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
ดวงตาคมทอดมองคนในอ้อมแขนด้วยความรัก ก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มเคร่งขรึมขึ้นเมื่อนึกไปถึงสาเหตุที่ทำให้เธอฝันร้ายแบบนี้
“แน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่นั่งรอผมอยู่ในออฟฟิศ” เสียงทุ้มเอ่ยถามหญิงสาวที่อยู่ในสุดกางเกงยีนสีเข้มทะมัดทะแมง เสื้อยืดสีขาว แล้วสวมทับด้วยเสื้อลายสก็อตสีแดง
“ค่ะ”
“งั้นสวมนี้ไว้” ว่าจบก็ถอดเอาหมวกที่ตัวเองสวมอยู่ใส่ให้เธอ ก่อนจะมัดเชือกให้เรียบร้อย ส่วนคนที่ถูกสวมหมวกให้นั้นหน้าก็เริ่มแดงทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแดดที่เริ่มแรงหรือเป็นเพราะเขา
“ขอบคุณนะคะ” พูดจบก็ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้เขา
“ถ้าร้อนหรือเหนื่อยก็บอกผมนะ”
“ค่ะ” หลังจากนั้นพริษฐ์ก็พาแพรลดาเดินดูเหมืองด้วยกัน เขาพาเธอเดินไปดูสายการผลิต ก่อนจะพูดอธิบาย โดยผู้จัดการที่เดินมาด้วยนั้นไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่มันควรจะเป็นหน้าที่เขา แต่เจ้านายหนุ่มก็แย่งเอาไปพูดจนหมด แต่ก็มีบ้างที่พริษฐ์จะหันไปถามเรื่องความคืบหน้าของงาน เรื่องปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ
“หิวรึเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่เบาะนั่งข้างคนขับหลังจากจัดการปัญหาเสร็จแล้ว เพราะวันนี้เขาพาเธอออกมาดูเหมืองแร่ของคุณตาของเขาที่จะใช้ผลิตเครื่องเพชร แต่เพราะที่เหมืองเกิดปัญหาเขาเลยต้องอยู่เคลียร์ เลยทำให้เลยเวลาอาหารเที่ยงมาถึงครึ่งชั่วโมง
“นิดหน่อยค่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบ พลางยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ แม้ว่าจะมีหมวกของเขาแต่มันก็ไม่ช่วยให้เธอหายร้อนเลย และเขาคนที่ให้หมวกเธอก็ไม่ต้องพูดถึง ใบหน้าหล่อขาวใสของเขาแดงไปหมด และเหงื่อเองก็ท่วมเชิ้ตขาวเขาด้วยเช่นกัน
“อดทนหน่อยนะ” เขาหันไปบอกเธอ แล้วเขย่าคอเสื้อน้อย ๆ เผื่อคลายร้อน ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป
“ทำไมกลับมาที่บริษัทล่ะคะ เราไม่ได้จะไปกินข้าวกันหรอ” คนหิวร้องทักเมื่อเขาเลี้ยวเขาบริษัท แทนที่จะไปร้านอาหาร ตอนแรกเธอก็คิดว่าเขาจะพาไปทานใกล้ ๆ บริษัท แต่พอเขาหักเลี้ยวเข้าบริษัทแบบนี้ เธอเลยตัดสินใจถามเขา เพราะความหิวของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อย หันมองเวลาก็พบว่ามันจะบ่ายสองครึ่งแล้ว
เดินทางออกจากเหมืองคุณตาของเขาก็รถติด ทำให้ใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าจะถึงบริษัท จากที่คิดไว้ว่าไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้กลับใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
“...” ด้านคนขับนั้นไม่ตอบอะไร เมื่อรถจอดสนิทเขาก็ลงรถไปเปิดประตูให้เธอเหมือนเดิม แต่พอเธอไม่ยอมลงจากรถเขาจึงต้องพูด
“ผมสั่งอาหารมาไว้ให้แล้ว”
“แบบนี้นี่เอง” เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยอมลงรถแต่โดยดี ก่อนจะเดินเคียงคู่เข้าบริษัทไปกับเขา
“น่าทานจัง” พอเดินเข้ามาในห้องดวงตากลมสวยก็เป็นประกายในทันที เมื่อเห็นอาหารมากมายถูกจัดจานไว้ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟาตัวใหญ่ภายในห้องทำงานของเขา
“คุณทานก่อนได้เลย ผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”
“เปลี่ยนชุด?” คิ้วสวยเลิกขึ้นในทันที เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ก่อนจะเขาก้มหน้าลงให้เธอมองตามว่าชุดของเขาในตอนนี้มันไม่เรียบร้อย ซ้ำบางส่วนยังเปียกเหงื่ออยู่
“ชุดของคุณผมให้คนเตรียมให้แล้วเหมือนกัน ไว้คุณทานข้าวเสร็จแล้วค่อยไปเปลี่ยน”
“ค่ะ” ใบหน้าสวยหวานพยักหน้ารับ จะให้เธอใส่ชุดนี้นั่งทำงานเธอก็ไม่เอาด้วยเหมือนกัน อย่างน้อย ๆ ใครมาติดต่อผสานงานเธอจะได้ดูน่าเชื่อถือ แม้แผ่นป้ายบนโต๊ะมันจะบอกไว้อยู่แล้วก็ตามว่าเธอทำตำแหน่งอะไรอยู่
หลังจากเขาเดินหายเข้าไปในห้องข้างที่เขาเลยบอกแล้ว แพรลดาก็หันมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อทันที พร้อมกับหน้าที่คอยหันมองอยู่เป็นระยะด้วยว่าเขาจะออกมาตอนไหน ถึงตอนแรกเธอจะหิวมาก ๆ โดยไม่สนใจอะไร แต่พอได้ทานอาหารอร่อย ๆ ให้ความหิวดับลงแล้ว เธอกลับนึกถึงเขาขึ้นมา เพราะเขาเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรไม่ต่างจากเธอ
“หายไปไหนนะ” ปากเล็ก ๆ บ่นพึมพำ เพราะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่น่าจะนานขนาดนี้ เขาหายไปเหมือนเขาไปอาบน้ำใหม่อย่างไงอย่างนั้น แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะหลังห้องนั่นไม่ได้มีห้องน้ำ...
และเมื่อเขาหายไปนานผิดปกติ ซ้ำยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาจากห้องเลย แพรลดาจึงตัดสินใจทิ้งอาหารตรงหน้าแล้วเดินไปเปิดประตู เพื่อดูให้แน่ใจ ว่าเขาไม่ได้เป็นลมล้มหัวฟาดพื้นจนสลบไป
แต่เปิดประตูเข้าห้องมาแล้ว ดวงตากลมสวยก็ต้องเบิกกว้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“ทำอะไรกันคะ” เสียงหวานที่ดังขึ้นทำให้สองร่างบีบผละออกจากกันทันที
“มันไม่ใช่อย่างที่น้องแพรคิดนะคะ พี่ก็แค่ พี่ก็แค่...”
“ควินคะ คุณพูดอะไรหน่อยสิคะ น้องแพรจะเข้าใจผิดเอานะคะ”
“คุณออกไปก่อน” น้ำเสียงราบเรียบว่าขึ้น ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ เช่นเดียวกับใบหน้าของเขา
“งั้นเดี๋ยวทับโทรหานะคะ”
“ไม่ใช่คุณ”
“คะ คุณ...” แพรลดาแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอทันที เมื่อได้ยินแบบนี้ นอกจากเขาจะไม่อธิบายอะไรแล้ว เขายังให้เธอออกจากห้องอีก แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน
ไม่รู้ว่าเธอพาตัวเองออกมาจากห้องตอนไหน ในตอนนี้มีแค่คำพูดที่เขาบอกให้เธอออกจากห้อง กับคำพูดของแก้ว ค่อย ๆ ไหลเข้ามาในหัวซ้ำ ๆ
“คุณออกไปก่อน”
“แต่เรื่องพี่ควินฉันพูดจริงนะ แกระวังตัวไว้เถอะ พี่ควินงานพรีเมี่ยมขนานนั้น ระวังจะถูกยัยป้าทับทิมอะไรนั่นแย่งไปไม่รู้ตัว”
“ระวังจะถูกป้าทับทิมอะไรนั่นแย่งไปไม่รู้ตัว”
“คุณออกไปก่อน”
“คุณออกไปก่อน”
“ถูกแย่งไป...”
ประโยคต่าง ๆ ไหลวนเข้ามาในหัวไม่หยุด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเขาแล้ว ก่อนจะต้องหันไปมองตามเสียง
“ทีนี้ก็รู้แล้วนะว่าใครสำคัญ”
“อ้อ ลืมบอกไป อย่าสำคัญตัวเองให้มาก เพราะควินเขามีตัวเลือกที่ดีกว่า”
“อย่างคุณน่ะหรอคะ” ดวงตารีกวาดมองคนตรงหน้า ก่อนจะยิ้มเยาะเบา ๆ แล้วลุกขึ้นเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างไม่นึกกลัว
“หึ รู้ไว้ก็ดี แล้วรู้ไว้ด้วยว่าฉันเป็นแฟนเก่าและเป็นแฟนคนแรกของเขา...จะว่ารักแรกด้วยก็ได้”
“ส่วนน้องแพรมาทีหลังนะคะเด็กเมื่อวานซืน ทำอะไรไม่เป็นอีกไม่นานควินเค้าก็เบื่อค่ะ” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง ๆ ให้
“เมื่อกี้นี้น้องแพรก็คงจะเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“เอาเวลามาพูดบอกคนอื่น ไปซื้อกระจกมาส่องนะคะป้า”
“ไม่ก็หาแว่นมาใส่ ไม่เห็นหรอว่าเขาแต่งงานแล้ว รูปแต่งงานก็ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ภรรยาของเขาก็นั่งอยู่ในห้อง ถ้าไม่กลัวตกนรก ก็รู้จักเกรงใจภรรยาเขาด้วยนะคะ”
“อีกอย่างบริษัทก็ใหญ่โต ถ้าป้าไม่กลัวว่าคนในบริษัทรู้ว่ามาแอบกินตับกับสามีคนอื่นก็ตามใจป้าค่ะ” ว่าจบก็ส่งยิ้มให้เช่นกัน
“นังเด็กบ้า!”
“เด็กบ้าคนนี้ล่ะค่ะ เป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายของคนที่ป้าอยากได้”
“อย่านะคะ อย่าร้องกรี๊ดนะคะ เดี๋ยวเขาจะรู้กันหมดค่ะว่าที่บ้านไม่สั่งสอน”
“แก!!!” มือบางสะบัดขึ้นทันทีหมายจะประทับลงบนแก้มอมชมพูตรงหน้า
หมับ
“อย่าคิดจะแตะต้องเธอ” น้ำเสียงราบเรียบว่าขึ้น
“คะ ควิน...” พอหันไปตามเสียงเรียกก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาในทันที เมื่อรู้สึกถึงรังสีความโกรธแผ่ออกมาจากตัวเขาจาง ๆ
“ใช่ผมเอง”
“เมื่อกี้ผมคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้ว”
“แพรขอโทษค่ะ แพรแค่จะตบไหล่น้องเพื่อบอกลา แพรไม่ได้จะ...” มือบางที่จะยื่นไปตบไหล่แพรลดาชะงักทางทันที เมื่อถูกอีกฝ่ายปัดออกอย่างไม่ไยดี
“เราไม่สนิทกันขนาดนั้นค่ะ” เป็นแพรลดาที่ตอบขึ้นบ้าง ก่อนที่เธอจะหรี่ตามองพริษฐ์น้อย ๆ
“งั้นพี่ลานะคะน้องแพร ไว้เจอกันใหม่ค่ะ”
“แพรว่าทางที่ดีเราอย่ามาเจอกันอีกเลยนะคะ กับสามีแพรก็เหมือนกันค่ะ ”
“พี่กับควินเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มันไม่มีอะไรเลยจริง ๆ นะคะน้องแพร เมื่อกี้มันก็แค่อุบัติเหตุ”
“หรอคะ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบา ๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่ทับทิมพูด
ครืด ๆ ยังไม่ทันที่ทับทิมจะได้พูดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา เหมือนเป็นระฆังช่วยชีวิตเธอให้รอดจากเด็กปีศาจนี่ เพราะไม่ว่าเธอจะพูดอะไรนังเด็กนี่ก็เอาชนะได้หมด จนเธอคิดว่าเธอเริ่มดูไม่ดีในสายตาของพริษฐ์แล้ว
และหลังจากที่ทับทิมเดินออกไป
“เหอะ” แพรลดาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ของเขาอีกครั้งทันที ก่อนที่สองแขนเรียวจะยกขึ้นกอดอกเอาไว้ เมื่อกี้ยังไล่เธอออกมาอยู่เลย แล้วตอนนี้มาปกป้องเธอ มันหมายความว่ายังไงกัน จะตบหัวแล้วรูปหลังอย่างงั้นหรอ ไม่สิจะเรียกว่าปกป้องก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากห้ามไม่ให้ยัยป้านั่นตบเธอ
“ผมขอโทษ”
“...”
“เมื่อกี้ทับได้ทำอะไรคุณรึเปล่า” เมื่อเธอยังเงียบเอาแต่ทำหน้าบึ้ง เขาจึงพูดต่อ
“ทำไม่ทำแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะคะ” ว่าแล้วก็หันหาเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
“เกี่ยวสิ เขามาที่นี่ก็เพราะผม”
“ยอมรับแล้วสินะคะ ว่าคุณพาเธอมาหลังห้องนั่น ถ้าฉันไม่เข้าไปเห็นก่อนคุณก็คง...” เสียงหวานหยุดเว้นไว้เท่านั้นเป็นอันรู้กันว่าหากเธอไม่เข้าไปเห็นเรื่องอะไรจะเกิดขึ้น
“ผมไม่ได้เป็นคนเชิญทับมา เขาอยู่ที่ห้องได้ไงผมเองก็ไม่รู้ ผมออกมาจากห้องน้ำผมก็เห็นเขา ก่อนมันจะเป็นอย่างที่คุณเห็น” นั่นคือภาพที่เขากับเธอล้มทับกันอยู่บนเตียงนั่นเอง มันจะไม่น่าชวนเข้าใจผิดเลย ถ้าเขาอยู่ในสภาพเรียบร้อย แต่ตอนนั้นเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอวสอบเท่านั้น
“เหอะ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นอีกครั้งทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก่อนจะมองสบตากับเขาเมื่อนึกไปถึงสิ่งที่เขาเคยบอก พอเขาไม่หลบสายตา ทั้งยังมองเธอตอบ ก็รู้สึกแห้งผากในลำคอจนเผลอกลืนน้ำลาย
“แล้วเมื่อกี้ทำไมคุณต้องไล่ฉันออกมาด้วย ทำไมคุณไม่ไล่แฟนเก่าคุณออกมา”
“ผมแค่บอกให้เขาเข้าใจว่าเราเป็นได้แค่เพื่อนกัน และจะไม่มีวันอย่างอื่นได้อีก ถ้าเขาต้องการมากกว่านั้น หรือทำอะไรแบบนี้อีก แม้แต่ความเป็นเพื่อนผมก็จะไม่มีให้เขา”
“แล้วทำไมถึงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก ดูเธอจะมั่นใจว่าสามารถแย่งคุณไปจากฉันได้”
“ผมมีคนในใจอยู่แล้ว”
“คนในใจ?”
“ก็คนตรงหน้าผมไงล่ะ หึ”
“คะ คุณ...”
